xs
xsm
sm
md
lg

ทนาย นปช.ยื้อลาก “มาร์ค-เทือก” ขึ้นศาลอาญา เชื่อรอดหากโอนคดีไป ป.ป.ช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิญญัติ ชาติมนตรี (แฟ้มภาพ)
“ทนายเสื้อแดง” ยันอุทธรณ์คดีสลายชุมนุม ชี้ดีเอสไอ-ศาลอาญามีอำนาจพิจารณา ด้าน “ธิดา” ปลุกญาติผู้ตายเหตุปี 53 เตรียมสู้ต่อ หลังศาลยกฟ้อง “มาร์ค-เทือก” เชื่อหลุดคดีชั้น ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค. นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต่านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในคดีออกคำสั่งสลายการชุมนุมเมื่อปี 53 ว่าเบื้องต้นจะนำเอาคำวินิจฉัยมาศึกษา และต้องมีการอุทธรณ์ต่อไป เพราะเป็นสิทธิของฝ่ายโจทก์ที่จะทำได้ แม้ว่าศาลอาญาจะวินิจฉัยว่าเป็นอำนาจของศาลฎีกาฯ ก็ตาม เชื่อว่าอัยการและญาติในฐานะโจทก์ร่วมจะยื่นอุทธรณ์แน่นอน โดยจะได้ทำความเห็นแย้งยื่นต่อศาล ทั้งกรณีที่เห็นว่าดีเอสไอมีอำนาจสอบสวน และศาลอาญามีอำนาจพิจารณา อีกทั้งจะได้นำความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญายื่นต่อศาลด้วย

นายวิญญัติกล่าวต่อว่า เราได้จับตาเรื่องนี้อยู่แล้วเพราะมีความพยายามที่จะไม่ให้คดีนี้ขึ้นสู่ศาลอาญาซึ่งเป็นประเด็นที่ทีมทนายฝั่งนั้นได้สู้มาตลอดว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลอาญา เนื่องจากอำนาจสอบสวนไม่ชอบ และก่อนหน้านี้มีคดีที่นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ได้ฟ้องดีเอสไอไปนั้น ศาลก็ยกฟ้องเพราะเห็นว่าอำนาจสอบสวนนั้นชอบ และเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จับตามมองคือว่าคำวินิจฉัย 2 ประเด็นนี้ทำไมจึงขัดแย้งกัน ทั้งที่เป็นประเด็นเดียวกันและเกี่ยวข้องกัน และการที่จะโอนคดีไปให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถ้า ป.ป.ช.ชี้ว่าคดีนี้ไม่มีมูลขึ้นมาคดีนี้ก็ต้องพับลงไป ซึ่งเราได้เคลือบแคลงสงสัยใน ป.ป.ช. และไม่มีความมั่นใจในการทำหน้าที่นี้ของ ป.ป.ช.ว่าจะตรงไปตรงมาหรือไม่

นายวิญญัติกล่าวอีกว่า ได้หารือร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.แล้วเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักการ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของผู้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งข้าราชการที่จะไปฆ่าผู้อื่น เมื่อไม่ใช่หน้าที่แล้วจึงไม่ใช่เรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เราจึงมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการกระทำเฉพาะตัว เป็นเหตุทำให้คนอื่นฆ่ากัน หรือให้ผู้อื่นถูกฆ่าจึงต้องขึ้นต่อศาลปกติ โดยไม่ได้ฟ้องตามมาตรา 157 แต่ฟ้องตามมาตรา 288 ถึง 289 ที่เป็นการกระทำโดยตรง จากการกระทำของบุคคลทั้งสอง ดังนั้น นายจตุพรจึงเห็นว่าถ้าไม่ขึ้นศาลอาญา หรือขึ้นศาลยุติธรรมแล้วจะไปขึ้น ป.ป.ช.ถามว่าจะสามารถไต่สวนได้แค่ไหนอย่างไร ทั้งนี้ทีมทนายได้ตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมาย ป.ป.ช.หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะมาตรา 9 ไม่ได้ให้อำนาจศาลรับเรื่องแบบนี้ไว้เลย อำนาจศาลที่จะรับเรื่องคือเรื่องการปฏิบิตหน้าที่โดยมิชอบ หรือทุจริตต่อหน้าที่

ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า ส่วนตัวมองว่าคดีนี้มีการไต่สวนมานาน และก็เคยมีคำสั่งศาลระบุว่าการเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปี 53 เกิดจากกระสุนจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหาร และผู้ตายไม่มีอาวุธ จึงมีคำถามว่าการไต่สวนต่างๆที่ผ่านมากลายเป็นหมันไปเลยหรืออย่างไร พร้อมทั้งมองกรณีที่ศาลระบุว่าอำนาจการไต่ส่วนคดีนี้เป็นของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากเห็นว่ามีมูลให้ยื่นต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คงเป็นเรื่องยาก เพราะจากการศึกษาคดีที่ผ่านมาของนายอภิสิทธิ์ที่อยู่ใน ป.ป.ช.มีความล่าช้า หรือยกฟ้องไปเลย จึงคาดว่าประชาชนจำนวนมากคงไม่สบายใจ และคนที่ไม่สบายใจเป็นอย่างมากคงเป็นญาติของผู้เสียชีวิต และคิดว่าเขาคงต่อสู่ หรือยื่นอุทธรณ์ต่อศาลต่อไป

พร้อมกันนี้ได้มีแห่งข่าวจากแกนนำ นปช.กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวด้วยว่า อยากให้มองที่ความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ที่เห็นว่าศาลอาญามีอำนาจพิจารณา ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษากล้าขัดได้อย่างไร เรื่องนี้จึงมองได้อย่างเดียวว่าเป็นความต้องการที่จะบีบเรื่องนี้ให้หลุดจากศาลอาญาไป และการที่บอกว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของศาลฎีกาฯ และหน่วยงานที่จะต้องทำเรื่องสอบสวนคือ ป.ป.ช. เมื่อเห็นการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ชุดนี้แล้ว มองได้อย่างเดียวว่าสุดท้ายแล้วนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ อาจจะหลุดในชั้น ป.ป.ช. แต่ที่สำคัญและน่าเป็นห่วงที่สุดคือ คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานของการบริหารในรัฐบาลต่อไป เพราะจะใช้อำนาจทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่เห็นถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน


กำลังโหลดความคิดเห็น