รองโฆษกรัฐบาลอธิบายปมโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ หลังถกร่วมเครือข่ายปกป้องอันดามัน อ้างถ่านหินเป็นตัวเลือกพลังงานทดแทน นำเทคโนโลยีเป็นมิตรสิ่งแวดล้อมมาใช้ ระบุ EHIA อีกยาว ต้องหาข้อสรุปตั้งกรรมการ 3 ฝ่าย จากคนเห็นแย้ง-พลังงาน-กฟผ.และ สปช. สนช. กลุ่มไม่ใหญ่แต่ไม่รวบรัด ยันส่วนอื่นยังเดินหน้าต่อเพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ แต่ไม่มีการลงนามในข้อกฎหมาย เมื่อได้ข้อสรุปจะได้ไม่ต้องเสียเวลา
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.45 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการแก้ไขปัญหาการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ภายหลังการพูดคุยกันระหว่างกลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินและตัวแทนรัฐบาลว่า ขณะนี้รัฐบาลต้องคำนึงถึงปัจจัยทุกประการที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนในส่วนของเสถียรภาพพลังงานในประเทศ และไม่ให้ประชาชนแบกรับภาระค่าไฟฟ้าหนักเกินไป จึงต้องมีพลังงานอย่างอื่นทดแทน ซึ่งถ่านหินเป็นหนึ่งในตัวเลือกของพลังงานทดแทน และรัฐบาลไม่ได้ละเลยถึงข้อห่วงใยของประชาชนในพื้นที่ ว่าเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือสร้างผลกระทบแก่ประชาชนในพื้นที่หรือไม่
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนการดำเนินการอยู่ในขั้นตอน EHIA ที่ต้องใช้ระยะเวลาและขั้นตอนที่ยาวนาน แต่เมื่อยังไม่ได้ข้อสรุปหรือคำตอบที่ชัดเจน ท่านนายกฯจึงมอบนโยบายมาให้จัดตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ได้แก่ 1. ผู้ที่มีความเห็นแย้งจาก จ.กระบี่ 2. ตัวแทนรัฐบาลจากกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง 3. สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยแต่ละฝ่ายสามารถมีคณะที่ปรึกษาทางวิชาการได้ เพื่อหาความชัดเจนในการตอบคำถามในทุกเรื่อง และคณะกรรมการดังกล่าวต้องไม่มีขนาดที่ใหญ่จนทำให้เกิดความล่าช้า แต่ก็ต้องไม่รวบรัดจนละเลยสิ่งสำคัญทั้งหลาย
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า กระบวนการทั้งหลายยังคงเดินหน้าต่อเพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อนักลงทุน แต่จะยังไม่มีการลงนามและมีความผูกพันทางข้อกฎหมาย โดยทำควบคู่กันไปเพื่อให้ประหยัดเวลา เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะไม่ต้องเสียเวลาและคณะกรรมการ 3 ฝ่ายที่ตั้งขึ้น และมีการหารือนั้นถือเป็นขั้นตอนหนึ่งใน EHIA
“การทำคู่ขนานกันไปนั้นทำให้รัฐสามารถสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน และพี่น้องประชาชนจากจ.กระบี่ก็เกิดความสบายใจ เพราะเป็นการนำข้อมูลและแนวความคิดของพี่น้องประชาชนมาประกอบ อีกทั้งยังเป็นการชะลอกระบวนการดำเนินการโดยอัตโนมัติ แต่ไม่ใช่เพราะมีพี่น้องประชาชนมากดดัน” พล.ต.สรรเสริญระบุ
