พท.ดิ้นหนักจี้วุฒิฯ ยุติสรรหานายกฯ เฉพาะกาล อ้างนอก รธน. ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

ฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย เรียกร้อง “สุรชัย-วุฒิสภา” ยุติการสรรหานายกฯ เฉพาะกาล อาจเป็นการกระทำนอกรัฐธรรมนูญ และจะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แถมโยงไปถึงกฎบัตรอาเซียนที่ให้ประเทศสมาชิกยึดมั่นหลักประชาธิปไตย มีรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ

นายคณิน บุญสุวรรณ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย แถลงเรียกร้องไปยังนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ว่า ที่ประธานวุฒิสภา และกลุ่ม ส.ว.สรรหา ให้ยุติการดำเนินการให้ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีนอกรัฐธรรมนูญ หากยังดำเนินการต่อไปจะเกิดผลกระทบต่อสถาบันเบื้องสูง และสถาบันการเมืองไทย เพราะหากมีการนำรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 และมาตรา 172 ขึ้นทูลเกล้าฯ จะถือเป็นการนำสิ่งที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญขึ้นกราบบังคมทูลฯ ซึ่งนอกจากจะเป็นกบฏตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ยังเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และกระทำการที่ระคายเคืองเบื้องยุคลบาท

นายคณิน อ้างว่า “หากมีการตั้งนายกรัฐมนตรีสำเร็จ ครม.ชุดดังกล่าวก็ไม่สามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และไม่สามารถเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ต่อสภาฯได้ เพราะปัจจุบันไม่มีรัฐสภา” นายคณิน กล่าว

ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการ สมาชิกทุกประเทศต้องปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียน โดยเฉพาะการที่ประเทศสมาชิกต้องยึดมั่นต่อหลักนิติธรรม หลักประชาธิปไตย และรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ง ครม.ชุดที่ตั้งขึ้นขัดต่อหลักการนี้

นอกจากนี้ ตามกฎบัตรอาเซียน ทุกประเทศมีพันธกรณีต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมายของแต่ละประเทศให้สอดคล้อง และอนุวัตกับหลักการของประชาคมอาเซียน แต่องค์กรที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งหากประเทศไทยไม่มีสภาผู้แทนราษฎร อาจไม่ได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกในเรื่องนี้

นายคณิน ยังตั้งคำถามถึงการเรียกประชุม ส.ว.นอกรอบ เพื่อหาทางออกให้ประเทศ ด้วยการหาตัวนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลว่า การประชุมดังกล่าวมีความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และนายสุรชัย มีอำนาจนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงแต่งตั้งตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 นอกจากนี้ ส.ว.สรรหาไม่ได้มาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ จึงไม่น่าจะมีอำนาจประชุมเพื่อเลือกบุคคลที่จะนำความกราบบังคมทูลได้

ดังนั้น ต้องวินิจฉัยกรณีนี้ไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดว่า ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะต้องมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ แต่ ส.ว.สรรหา จำนวน 73 คน รวมทั้งนายสุรชัย มาจากการเลือกของคณะบุคคลเพียง 7 คน โดยไม่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง

“การที่ ส.ว.สรรหาชุดนี้ เป็นตัวตั้งตัวตีสมคบคิดกับ กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ ชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. วินิจฉัยถอดถอนนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และ ส.ส. ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยมีเป้าหมายเพื่อถอนรากถอนโคนรัฐบาล เพื่อให้เกิดสุญญากาศ แล้วจะตั้งนายกรัฐมนตรีนอกรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องไม่สมควร และควรยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีนอกรัฐธรรมนูญ”