“ธาริต” นำเจ้าหน้าที่ดูแลทำเนียบฯ สวนลุมพินีแถลงซัด กปปส.บุกรุก ซุกระเบิด ประณาม “สุเทพ” พามวลชนป่วน กกต.หารือรัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้ง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) พร้อมด้วย พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน ผอ.ควบคุมพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรพล สัตตายานนท์ ผอ.สำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมื่น ผกก. 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ดูแลทำเนียบรัฐบาล ร่วมแถลงผลประชุม ศอ.รส.
นายธาริตกล่าวว่า ตามที่กลุ่ม กปปส.ได้ย้ายสถานที่ชุมนุมจากสวนลุมพินีไปยังบริเวณ ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น วันนี้ ศอ.รส.ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ที่ได้เข้าตรวจความเรียบร้อยในสวนลุมพินี อันประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4 ฝ่าย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครที่ประจำอยู่ที่สวนลุมพินี ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.ภายหลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายออกไป ผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบเสื้อเกราะ วัตถุระเบิดแรงสูง ระเบิดอีกจำนวนมาก ซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่สวนลุมพินี โดยวัตถุระเบิดและสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้ได้นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว ทั้งนี้ ได้มีการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว สามารถยืนยันได้ว่าเป็นวัตถุระเบิดและสิ่งผิดกฎหมายของกลุ่มการ์ด กปปส.จริง
ศอ.รส.ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า จากข้อเท็จจริงดังกล่าวที่ปรากฏ แสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.นั้นมีการสะสมอาวุธร้ายแรง จึงไม่ใช่การชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธตามที่แกนนำ กปปส.ได้กล่าวอ้างมาโดยตลอด ดังนั้น ศอ.รส.จึงขอเตือนประชาชนให้งดเว้นการเข้าร่วมชุมนุมและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพ
ทั้งนี้ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ค.เวลา 16.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.ได้ออกแถลงการณ์โดยมีการถ่ายทอดสดมาจากตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลนั้น ศอ.รส. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่าการที่นายสุเทพและแกนนำ กปปส.เข้าไปแถลงข่าวในตัวอาคารของทำเนียบรัฐบาล เป็นการบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ที่ดูแลความปลอดภัยบริเวณทำเนียบรัฐบาลมิได้ยินยอมแต่อย่างใด แต่นายสุเทพกับพวกได้กระทำการบุกรุก โดยมีการตัดโซ่คล้องประตูทำเนียบรัฐบาล งัดหน้าต่างเพื่อเข้าไปในตัวอาคาร และฝ่าแนวของเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการบันทึกภาพการกระทำผิดดังกล่าวเป็นหลักฐานเพื่อใช้ดำเนินคดีต่อไปแล้ว
อนึ่ง ในช่วงเช้าวันนี้ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีและคณะได้เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ หอประชุมกานตรัตน์ ข้างโรงเรียนนายเรืออากาศ ขณะกำลังประชุม ปรากฏนายสุเทพ กับพวกได้นำมวลชนประมาณ 1,500 คน บุกรุกเข้าไปข่มขู่ขับไล่ถึงในห้องประชุม จนทำให้การประชุมต้องล้มเลิกไป ศอ.รส. ขอประณามการกระทำของแกนนำ กปปส. โดยเฉพาะนายสุเทพที่นอกจะกระทำผิดต่อกฎหมายโดยการบุกรุกสถานที่ราชการและข่มขู่ขับไล่เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งคณะรัฐมนตรีและ กกต.แล้ว ยังเป็นการทำลายความพยายามของทุกฝ่ายที่จะจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นการขัดขวางแนวทางประชาธิปไตยและขัดขวางการจัดการเลือกตั้ง เพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
ด้าน พ.ต.อ.ภพธรกล่าวว่า ในส่วนของทำเนียบรัฐบาลมีการเตรียมกำลังในวันที่ผู้ชุมนุมจะบุกตรงทางเข้าประตู 2 เราไม่อนุญาตให้เข้า แต่ถ้าผู้ชุมนุมจะเข้าต้องตัดโซ่กุญแจที่คล้องเอาไว้
พ.อ.สมบัติกล่าวว่า เหตุการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลในส่วนของทหาร เราพยายามที่จะพูดคุยโดยใช้หลักของการเจรจา เนื่องจากทางฝ่ายผู้ชุมนุมได้มีการติดต่อเข้ามาว่ามีเจตนาที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ภายในทำเนียบฯ ตนได้นำข้อมูลประสานกับผู้บังคับบัญชาให้รับทราบและได้คำแนะมาว่าให้พยายามใช้วิธีการเจรจาเพื่อลดขั้นตอน ลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นจากการเผชิญหน้า และถ้าเป็นไปได้ขอความกรุณาให้ไปใช้พื้นที่อื่นได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่ก็ขอให้ดำเนินไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ เรามีมาตราการป้องกัน 3 ด่านตั้งแต่แนวรั้วที่มีกุญแจป้องกันและมีเจ้าหน้าที่สันติบาลดูแล แนวที่ 2 มีกองร้อยควบคุมฝูงชนที่ ศอ.รส.ส่งมาดูแล และส่วนสุดท้ายคือการป้องกันอาคารและสถานที่ โดยกองร้อยเฉพาะกิจจากฝ่ายทหาร เรามีการเจรจาแล้วแต่ผู้ชุมนุมมีเจตนาที่จะเข้ามาจึงตัดกุญแจเพื่อจะเข้ามาให้ได้ แต่จากนั้นเราก็เจรจาต่อรองว่าขอให้อยู่พื้นที่ด้านนอกได้หรือไม่ โดยให้เฉพาะแกนนำเท่านั้นที่เข้ามาภายใน ซึ่งทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารพยายามพูดคุยปะวิงเวลาว่าเป็นสถานที่ราชการห้ามเข้ามา แต่ก็ไม่สำเร็จจนสุดท้ายผู้ชุมนุมก็เข้ามาถึงแนวทหารที่ดูแลอาคาร และงัดประตูหน้าต่างปีนเข้าไปในตัวอาคาร ซึ่งเราพยายามป้องกันจนสุดความสามารถแล้ว
นายสุรพลกล่าวว่า ตนยืนยันว่าเหตุการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลไม่มีการอำนวยความสะดวกเปิดประตูให้ผู้ชุมนุมเข้ามา แต่ผู้ชุมนุมตัดโซ่กุญแจเข้ามา ส่วนเรื่องการดำเนินคดีก้บผู้ชุมนุมนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรอหนังสือจากผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป