ศอ.รส.ขู่ “สุเทพ” แกนนำ กปปส. เตรียมยกระดับการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นกับการชุมนุม แนะมวลชนให้แยกตัวออกมาเพื่อความปลอดภัย ยันนายกฯ ม.7 ทำไม่ได้ อ้างยังไม่สุญญากาศ อ้างแถลงการณ์อาเซียน หนุนไทยแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตย ประณามการ์ด กปปส.ทำร้ายประชาชน ปฏิเสธตำรวจขอขมา “หลวงปู่พุทธะอิสระ” แค่แสดงความเสียใจ หลังประเคนแก๊สน้ำตาใส่
พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลประชุมว่า ตามที่ ศอ.รส.ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 7 เรื่องข้อเรียกร้องต่อกลุ่ม กปปส. รวมถึงกลุ่มการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุน ให้ยุติการกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยการคัดเลือกและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และแจ้งเตือนประชาชนให้แยกตัวออกจากการชุมนุม เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ศอ.รส.ขอย้ำว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส.ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องไปยังบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ร่วมกันคัดเลือกและทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 10 ก็ได้กำหนดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ครม. ก็ได้มีมติให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ในขณะนี้จึงยังไม่เกิดสุญญากาศทางการเมืองตามที่ กปปส.ต้องการมาตั้งแต่ต้น และไม่มีข้อกฎหมายและความจำเป็นใดๆ รองรับให้ต้องมีการดำเนินการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7
ศอ.รส.จึงเรียกร้องให้นายสุเทพกับแกนนำ กปปส.ยุติการเรียกร้องที่ไม่มีกฎหมายรองรับ และสร้างความสับสนให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 เป็นแนวทางที่เหมาะสมและสามารถกระทำได้ ทั้งๆ ที่ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ และยิ่งจะเป็นการสร้างความแตกแยกมากขึ้นในสังคมระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นต่างกัน ซึ่งอาจลุกลามไปถึงการก่อเหตุร้ายจนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ด้วยพฤติการณ์ของนายสุเทพ และแกนนำ กปปส.ที่ได้กระทำอุกอาจต่างๆ จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น จนขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าถึงจุดวิกฤตมากที่สุดแล้ว ศอ.รส.จึงจำเป็นจะต้องยกระดับการใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดและเข้มข้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดในเวลาอันใกล้นี้ และขอแจ้งเตือนให้ประชาชนแยกตัวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชน
พ.ต.ท.หญิง อัญชุลีกล่าวว่า ศอ.รส.ได้รับทราบถึงแถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทย มีเนื้อหาว่าประเทศสมาชิกอาเซียนได้ติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และขอสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในไทยด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจา บนพื้นฐานของหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ดังกล่างยังระบุว่าประเทศสมาชิกอาเซียนเน้นย้ำความสำคัญของกระบวนการประชาธิปไตยในการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย ส่งเสริมความสมานฉันท์ในชาติ และนำความปกติสุขกลับคืนมาสู่ประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย ในการนี้ ศอ.รส.จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะการเลือกตั้งซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งของมวลชนกลุ่มต่างๆ ยุติลง และนำมาซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศอันเป็นภารกิจหลักของ ศอ.รส.
พ.ต.ท.หญิง อัญชุลีแถลงอีกว่า ศอ.รส.ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องของการ์ด กปปส. โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ค. กลุ่มการ์ด กปปส.ที่ทำการปิดกั้นการจราจรบนทางยกระดับโทลล์เวย์ และได้รุมทำร้ายประชาชนรายหนึ่งขณะที่กำลังเดินทางไปยังสนามบินดอนเมืองจนได้รับบาดเจ็บ และเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุในลักษณะเดียวกัน โดยประชาชนอีกรายถูกกลุ่มการ์ด กปปส.รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณตรงข้ามสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนเป็นการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์เพียงเพราะบุคคลดังกล่าวต้องการจะสัญจรตามปกติ โดยไม่ทราบถึงการปิดกั้นการจราจรของกลุ่ม กปปส.
นอกจากนี้ การปิดการจราจรบนทางยกระดับโทลล์เวย์ยังทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง ต้องลงเดินเพื่อไปยังสนามบิน ซึ่งเหตุการณ์นี้ย่อมส่งผลเสียหายต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน ดังนั้น ศอ.รส.จึงขอประนามการกระทำดังกล่าวของการ์ด กปปส. และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อนึ่ง ตามที่มีข่าวว่า ศอ.รส.ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจขอขมาพระพุทธะอิสระ หลังจากวันเกิดเหตุบริเวณด้านหน้า ศอ.รส.นั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการขอขมา แต่เป็นการแสดงความเสียใจที่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และมีการใช้แก๊สน้ำตาในการควบคุมสถานการณ์ โดยการแสดงความเสียใจนั้นก็เป็นวิธีปฏิบัติโดยทั่วไปที่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอดเมื่อมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อันเกิดจากการปฏิบัติการตามหน้าที่
ทั้งนี้ เจ้าพนักงานก็ได้มีการดำเนินคดีกับพระพุทธะอิสระกับพวกในฐานบุกรุกสถานที่ราชการ และข้อหาอื่นๆ อีก รวม 5 ข้อหา โดยไม่ละเว้นในทันที ซึ่ง ศอ.รส.ขอแสดงความเสียใจ เห็นใจ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและความอดทนอดกลั้น จนถึงที่สุด ศอ.รส. จึงขอเชิดชูเกียรติศักดิ์และความเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายเป็นอย่างยิ่ง