หลังแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงสูงถึง 6.3 ริกเตอร์ สร้างความเสียหายหลายจุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทั้งถนนแยกทรุดตัว กำแพงตึกแตกเสียหาย หลังคาบ้านพังทลาย ปรากฏภาพความเสียหายถึงขั้นเศียรพระองค์ใหญ่หัก
มุมหนึ่งนี่คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากรอยแยกและการปลดปล่อยพลังงานของแผ่นผืนโลก แต่ในมุมของโหราศาสตร์ช่วงจังหวะเวลาที่เกิดพร้อมนัยที่ซ่อนเร้นของสิ่งที่อธิบายไม่ได้กับความเชื่อของสังคมที่ขับเคลื่อนไป ภาพที่ถนนแยกแตก และเศียรพระที่หลุดออกชวนให้หลายคนมองว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงนัยของความแตกแยกในสังคมไทยก็เป็นได้
ธรรมชาติเริ่มส่งสัญญาณ
ในสมัยโบราณก่อนที่จะมีคำอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติด้วยชุดความรู้แบบวิทยาศาสตร์ มนุษย์มีความเชื่อต่างๆ นานาในการอธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้รวมไปถึงแผ่นดินไหว
โดยหากเป็นชาวโรมันโบราณมีความเชื่อว่า แผ่นดินไหวเป็นฝีมือของเทพเจ้า วัลแคน ช่างตีเหล็กของเทพเจ้าองค์อื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในภูเขาไฟ โดยมองว่าแผ่นดินที่สั่นสะเทือนเกิดจากเทพเจ้าวัลแคนกำลังตีเหล็ก
ในขณะที่ความเชื่อในเอเชียโลกตะวันออก ชาวฮินดูในประเทศอินเดียเชื่อว่าโลกตั้งอยู่บนถาดทองคำซึ่งวางอยู่บนหลังช้างหลายเชือกติดกันพอช้างเคลื่อนไหวโลกก็จะสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นแผ่นดินไหว ขณะที่คนจีนโบราณคิดว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อพญามังกรที่อาศัยอยู่ใต้พื้นดินขยับตัวพร้อมกันนั้นก็ได้ส่งเสียงคำราม ส่วนคนญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่า มีปลาดุกยักษ์อาศัยอยู่ใต้ดิน เมื่อมันขยับตัวหรือสะบัดหางไปมาจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว
สำหรับประเทศไทยนั้นก็มีความเชื่อคล้ายกับคนญี่ปุ่นที่ว่ามีปลายักษ์อยู่ใต้โลก แต่ปลาที่อยู่ใต้โลกในความคิดของคนไทยความเชื่อภพไตรภูมิไม่ใช่ปลาดุกยักษ์ แต่เป็นที่คนโบราณเรียกกันว่า ปลาอานนท์ที่อาศัยอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ
อย่างไรก็ตาม ภัยธรรมชาติดังกล่าวก็เป็นเหตุอาเพศที่หลายคนมองว่า ภาพวัดที่พังทลาย เศียรพระที่หักลงมา และถนนที่ทรุดตัวเป็นรอยแยกอาจเป็นสัญญาณถึงภาวะวิกฤตทางสังคมที่ใกล้จะมาถึง หมอโสรัจจะ นวลอยู่ เจ้าของฉายานอสตราดามุสเมืองไทย
“มันอาจจะเป็นการพ้องจองกันโดยบังเอิญ ธรรมชาติเหมือนจะเตือนเราว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ดีเหมือนกันมีอะไรมาเตือนเรา ให้เราสามัคคีกันบ้างแต่ถ้าเรายังเป็นอยู่อย่างนี้อยู่ มันก็มีแต่จะเกิดความรุนแรงขึ้น สิ่งนี้มันเกิดขึ้นตามดวงเลย ราหูในปลายเดือนมิถุนายน ช่วงนี้จะเกิดภัยพิบัติใหญ่ๆ ได้”
มีหลายความเห็นมองว่า แผ่นดินไหวที่ภาคเหนือบ่งบอกถึงรักษาการนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่เป็นผู้นำของประเทศ และเกิดที่ภาคเหนือ อาจเป็นนัยของการลงจากตำแหน่ง หมอโสรัจจะ เผยว่า ดวงดาวคงไม่ได้ชี้ชัดถึงขนาดนั้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นการเตือนคนทั้งประเทศมากกว่า
“ไม่ใช่เตือนเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ภาวะตอนนี้คือในสังคมมีแต่ความชิงชังแบ่งแยก คิดในสิ่งที่ไม่ดี เหมือนดวงดาวมันก็สะท้อนสิ่งนี้ออกมา ดังนั้นถ้าจะหันหน้าเข้าหากันก็ควรจะจริงจังไม่ใช่ทำหลอกๆ ภัยพิบัติกับดวงดาวมันมีส่วนนะครับ เตือนทั้งหมดเลยไม่ได้ใครคนหนึ่งเพราะมันมีผลสั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ”
ในส่วนของภัยพิบัติที่อาจเกิดต่อไปนั้น เขาเอ่ยว่า ช่วงปลายปีน่าจะมีหนักมาก่อน อาจจะเป็นแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วม กระทั่งสึนามิก็มีความเป็นไปได้หมด โดยเป็นเหตุที่เกิดอย่างสอดคล้องกันของทั้งพิบัติภัยทางธรรมชาติ และจุดแตกหักทางสังคมการเมืองอีกด้วย
“วิกฤตมันกำลังเริ่มขึ้น และช่วงปลายมิถุนายนจะรุนแรง มีการแตกแยกห้ำหั่นกัน เกิดความแตกแยกชิงชังกัน” เขาเอ่ยถึงจุดวิกฤตที่เป็นผลมาจากแผ่นดินไหว “อันนี้เป็นดวงเมือง ตรงนี้จะเกิดขึ้นช่วง 30 มิถุนายนขึ้นไป ถ้ารุนแรงมากก็น่าจะเป็นเดือนตุลาคม แล้วก็ภัยพิบัติน่าจะอยู่ช่วงมิถุนายน กรกฎาคมอาจจะมีแผ่นดินไหวใหญ่ขึ้น ในกรุงเทพฯ ก็มีโอกาส อันนี้ทายไปตามดวงดาว อาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง”
อย่างไรก็ตาม เขายังคงมองว่า แม้ดวงตามคำทำนายอาจจะดูรุนแรง แต่ทุกคนก็ควรมองโลกในแง่ดี และควรตั้งรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น
“ดวงดาวมันดูน่ากลัวแต่ถ้าเราตั้งใจจริงๆ พยายามเข้าหากันจริงๆ มองโลกในแง่ดีนิดนึง อย่าพึ่งไปเครียดตกใจ เกิดอะไรขึ้นก็พยายามตั้งรับแก้ปัญหา ผมมองว่ายังไงเราก็จะสามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้ครับ”
ในส่วนของวัฒนธรรมการตีความเมื่อภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้นนี้ รศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เหตุผลว่า แผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก จึงทำให้ประเทศไทยมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์น้อย เมื่อปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจึงมีความรู้สึกผูกโยงกับเรื่องของไสยศาสตร์และการลงโทษลงทัณฑ์
“บ้านเราไม่ได้เกิดแผ่นดินไหวกันบ่อยๆ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เลยน้อย พอเกิดก็รู้สึกเหมือนว่า มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์หรือพระเจ้าลงโทษ ซึ่งจริงๆผมว่ามันไม่เกี่ยวหรอก เพราะว่าประเทศที่มันแผ่นดินไหวบ่อย มันก็เป็นเรื่องทางภูมิศาสตร์ เชียงรายทางเหนือของเรามันก็อยู่เขตที่มันมีโอกาสจะเกิดแล้วในแง่วิทยาศาสตร์มันก็มีโอกาสจะเกิด เพียงแต่ว่าเวลาเกิดบังเอิญพวกวัด พวกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อสร้างแบบเก่า มันก็มีโอกาสที่จะพังเสียหายได้”
อย่างไรก็ตาม เขามองว่าสังคมที่มีความเชื่อไม่เป็นวิทยาศาสตร์ส่งผลเสียที่อาจทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้
“ถ้าสังคมเรามองเป็นวิทยาศาสตร์ก็ต้องมองแล้วว่า การก่อสร้างอะไรต่างๆต้องมีความระมัดระวัง ชอบไปสร้างคอนโดฯอาจจะเกิดอันตรายได้หรือเปล่า? คอนโดฯมันมีรับรองแผ่นดินไหวหรือเปล่า? ถ้าเรามองเป็นวิทยาศาสตร์มันควรมองในแง่นี้มากกว่า”
“แผ่นดินไหว” ต้องเร่งรับมือ
แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนระดับ 6.3 ริกเตอร์ที่ ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่มีการใช้เครื่องมือตรวจวัดมา
“แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดและมันเกิดขึ้นในรอยเลื่อนที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก เป็นรอยเลื่อนนอกสายตาขณะที่เราจับตาดูรอยเลื่อนแม่จัน มันกลับมาเกิดที่รอยเลื่อนลูกน้องของแม่จันอีกที” ดร.ปัญญา จารุศิริ หัวหน้าหน่วยวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เอ่ยถึงปรากฏการณ์ครั้งนี้ที่ส่งผลสะเทือนถึงทิศทางการศึกษาวิจัยเรื่องแผ่นดินไหวที่ต้องเปลี่ยนไปศึกษาดูถึงรอยเลื่อนขนาดเล็กด้วย
ทั้งนี้ เขายังยืนยันด้วยว่า ความเสี่ยงในการจะเกิดแผ่นดินไหวนั้นจะมีสูงขึ้นเพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาแม้แต่รอยเลื่อนพะเยาที่น่าจะเกิดสูงสุดยังมีการคาดการณ์มีความเป็นไปได้ไว้เพียง 6 ริกเตอร์ แต่ที่มันเกิดมาคือ 6.3 ริกเตอร์ !!
“เราต้องจับตาดูแผ่นดินไหวตามด้วย 2 สาเหตุ 1. เรากลัวว่า แผ่นดินไหวตามมันจะกลายเป็นแผ่นดินไหวใหญ่หรือที่เรียกว่าเมนช็อก คือไอ้ที่เกิดมา 6.3, 5.1, 5.4, 5.0 มันกลับเป็นโฟร์ช็อก แผ่นดินไหวนำ นั่นคือแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมาก่อนแผ่นดินไหวหลัก ประเด็นนี้ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกัน แต่เราก็ภาวนาไม่ให้เกิดเพราะประเทศไทยไม่เคยมีเลยมาก่อน
“หรืออันที่ 2 แผ่นดินไหวที่เกิดในช่วงระยะเวลาปีถึงปีครึ่งนี้เป็นแผ่นดินไหวระดับตื้นและมาจากรอยเลื่อนขนาดเล็ก ไม่ได้มาจากรอยเลื่อนขนาดใหญ่เลย ผมเองศึกษามา 20 ปีก็เฝ้าดูรอยเลื่อนขนาดใหญ่ไม่ได้สนใจรอยเลื่อนขนาดเล็ก แนวการวิจัยต้องเปลี่ยนไป ไปหารอยเลื่อนขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เมืองมากขึ้น ที่ผ่านมาเราเพิกเฉยกับมันมาตลาด”
จนถึงตอนนี้เขาเผยว่า จากการเฝ้าสังเกตก็พอจะบอกให้อุ่นใจได้แล้วว่า แผ่นดินไหวที่ผ่านมานั้นคือเมนช็อก หรือแผ่นดินไหวหลักที่จะตามมาด้วยอาฟเตอร์เควก คงไม่มีเมนช็อกอีก
แต่แน่นอนหลังจากภัยพิบัติผ่านพ้นสิ่งหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือการรับมือ เขาบอกเลยว่า สิ่งสำคัญคือการสื่อสารทำความเข้าใจประชาชนให้รับรู้ว่า แผนที่รอยเลื่อนตอนนี้เป็นอย่างไร รอยเลื่อนเล็กที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวนั้นพาดผ่านจุดไหนบ้าง สิ่งเหล่านี้จะเชื่อมโยงไปกำหนดทิศทางทั้งหมดของสังคมอีกที
“มันเชื่อมโยงกันหมดครับ ถ้าเป็นนายกเทศมนตรีเมืองก็ต้องรู้ว่ารอยเลื่อนอยู่ทางไหนจะได้พัฒนาเมืองไปยังพื้นที่ที่ไม่มีความเสี่ยง หากเป็นประชาชนรู้ว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ต้องมีการเตรียมตัวรับมือ”
ทว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เขาเผยว่า อาจมีความยากลำบากในการจัดการเพราะกรมทรัพยากรธรณีมีผู้ที่ทำงานด้านแผ่นดินไหวอยู่เพียง 4 คนเท่านั้น ขณะที่หน่วยวิจัยด้านแผ่นดินไหวของเขาก็มีคนทำงานด้านรอยเลื่อนอยู่เพียง 3 คน จึงจำเป็นต้องลำดับความสำคัญและจัดการแบ่งงานกันให้ดี
“ขณะนี้ฟันธงได้เลยภาคเหนืออันตรายที่สุด” เขาเอ่ยเมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของแผ่นดินไหวที่อาจเกิดในประเทศไทย “รองลงมาเป็นทางด้านตะวันตกมีรอยเลื่อนสำคัญอยู่ 2 รอยคือรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์กับรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์
รองจากนั้นก็น้อยลงไป ภาคใต้เมื่อก่อนถูกมองว่าไม่มีแผ่นดินไหวแน่นอน แต่ไม่ได้ตอนนี้พบรอยเลื่อน 2 รอยที่มีโอกาสแผลงฤทธิ์ได้ มีภาคอีสานที่ปลอดภัยแน่นอนสำหรับแผ่นดินไหว”
ในส่วนของการรับมือแน่นอนว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงจำเป็นต้องรู้จักวิธีเอาตัวรอดที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยควรมีการสื่อสารทำความเข้าใจ อาจผ่านเว็บไซต์ให้ประชาชนรู้วิธีเอาตัวรอดเบื้องตัน ทั้งนี้อาจมีการซ้อมรับมือ
“ภัยพิบัติที่ผ่านมา อย่างสึนามิถามว่า ตอนนี้ถ้ามาอีกจะเป็นยังไง ทุ่นตรวจวัดระดับน้ำยังใช้ได้มั้ย มีการซ้อมหลบภัยกันอย่างไร ที่รู้ตอนนี้แน่ๆคือตึกที่สร้างใหม่นั้นไม่ได้ป้องกันภัยสึนามิได้ มาอีกก็ตัวใครตัวมัน
“ประเด็นคือจากภัยพิบัติที่ผ่านมา คนไทยไม่ได้มีเตรียมการรับมืออย่างเต็มที่ อย่างที่ควรจะเป็นและถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนธรรมดายังบอกกันได้แต่พอมันไปเกี่ยวข้องกับนายทุนเมื่อไหร่ มันยากลำบากแล้วเราก็จะเห็นคนตายกันอีก”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE