"สุรชัย" เรียกประชุม ส.ว.นอกรอบวันนี้ ปัดตอบเรื่องตั้งนายกฯ ม.7 ขณะที่ กลุ่ม 40ส.ว.ชี้ผู้รับสนองฯ ตั้งนายกฯ ไม่ใช่ ปธ.รัฐสภาแต่เป็นประธานสภาผู้แทนฯ ซึ่งรองประธานวุฒิฯ สามารถทำหน้าที่แทนโดยตรง ด้าน ศอ.รส.เตือนศาล องค์กรอิสระ ยุติทำนอก รธน. คัดเลือกนายกฯ กร้าวประชาชนทำสงครามกลางเมือง "ประยุทธ์" จวกพวกปล่อยข่าวลือปฏิวัติ ย้ำกองทัพเป็นหนึ่งเดียว อำนาจสั่งการอยู่ที่ ผบ.ทบ.เท่านั้น "สุเทพ" พร้อมย้ายจากลุมพินี ยึดราชดำเนิน ล้อมทำเนียบฯ วันนี้ ขณะที่ชาติอาเซียนขอไทยใช้สันติวิธีแก้วิกฤติ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานวุฒิสภาคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนต่อการใช้วุฒิสภา เสนอรายชื่อนายกฯคนกลาง ว่า อย่าเพิ่งไปตอกย้ำตรงนั้น สื่อเองก็ควรระมัดระวัง เพราะนี่คือประเด็นที่อีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ยอมรับ การหาทางออกให้กับประเทศขณะที่คู่ขัดแย้งยังมีความขัดแย้งสูง เราจะต้องบริหารความขัดแย้งให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะนำข้อเสนออะไรไป อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมรับ ดังนั้นเราจะต้องบริหารความขัดแย้งให้คลี่คลายลง เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถพูดคุยกันได้ ที่ผ่านตนในฐานะเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ก็ต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และได้เก็บข้อเสนอของแต่ละฝ่ายมาสังเคราะห์อยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ไม่เคยปฏิเสธสูตรไหนเลย แต่ก็ไม่เคยเห็นคนที่ออกมาปฏิเสธแล้วเสนอว่า สิ่งที่ตัวเองปฏิเสธแท้จริงควรจะเป็นสูตรอะไร ที่ผ่านมาบ้านเมืองหาทางออกไม่ได้ก็ด้วยเหตุผลนี้
อย่างไรก็ตาม หากทุกฝ่ายได้เพียรพยายามแล้ว ที่สุดยังหาทางออกไม่ได้ แล้วประชาชนกับสังคมมอบความไว้วางใจให้กับวุฒิสภาถึงตอนนั้น ตนก็ต้องมีความพร้อมในการทำงานให้กับประเทศชาติ
เมื่อถามว่า เห็นว่าท่านจะนัดประชุมนอกรอบกับสมาชิก เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง จะเริ่มต้นเมื่อไร หรือจะรอให้มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งท่านก่อน นายสุรชัย กล่าวว่า คงไม่คอย คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะเชิญ ส.ว.ทุกคนมาหารือนอกรอบเรื่องบ้านเมือง เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งสิ่งที่กังวลใจก็คือ จะยังรอไปถึงสัปดาห์หน้าได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ก็มีมวลชนอีกกลุ่ม มาชุมนุมที่ ถ.อักษะแล้ว ถ้าแต่ละฝ่ายชุมนุมด้วยความสงบอยู่ในที่ตั้ง ความหวาดวิตกของประชาชนก็จะผ่อนคลายลง แต่ถ้าแต่ละฝ่ายไม่อยู่ในที่ตั้งของตัวเอง โดยมีการเคลื่อนขบวนออกไปตามที่ต่างๆ ก็อาจจะนำมาสู่เหตุปะทะได้ และอาจจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ที่จะนำไปสู่ความสูญเสีย
อย่างไรก็ตาม ตนได้ฝากการบ้านไว้กับสมาชิกทั้ง 150 คนแล้ว เพื่อให้ช่วยกันคิด และทันทีที่มีการเริ่มต้นพูดคุย ก็จะได้เข้าประเด็นทันทีว่า สูตรไหนจะเป็นทางออกให้ประเทศ และเมื่อตกผลึกแล้ว ตนก็จะเรียนเชิญผู้นำส่วนราชการ ที่เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองมาหารือต่อไป
เมื่อถามว่า คิดว่าสูตรของไหนที่จะนำพาประเทศไปสู่ทางออกมากที่สุด ระหว่างการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป หรือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง นายสุรชัย กล่าวว่า "อย่าเพิ่งให้ผมตอบคำถามนี้ ผมบอกแล้วว่า ผมต้องหารือให้ตกผลึกก่อน พูดไปก่อนไม่ได้ เพราะคงมีคนออกมาโต้ผมทันที”
เมื่อถามต่อว่า แล้วสูตรของนายสุเทพ เลือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่มายื่นหนังสืออยากให้วุฒิสภาตั้งรัฐบาลชั่วคราว นายสุรชัย กล่าวว่า “ก็เป็นสูตรหนึ่งที่ผมรับไว้พิจารณา ผมเรียนแล้วว่า รับไว้ทุกสูตร สูตรที่ใช้ได้กับสถานการณ์ และเป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายก็ยุติที่สูตรนั้น คงต้องขอเวลาอีกหน่อย” เมื่อถามต่ออีกว่า แต่นายสุเทพขีดเส้นไว้ว่า ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ต้องเสร็จ นายสุรชัย กล่าวว่า ถ้าเริ่มต้นมีลู่ทางก็เชื่อว่า ตนพูดกับทุกฝ่ายได้ และยังเชื่อด้วยว่าเรื่องเวลาสามารถยืดหยุ่นได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากพูดกันผู้ใหญของส่วนราชการแล้ว ก็จะไปพูดคุยกับฝ่ายการเมือง โดยให้ความสำคัญกับทุกฝ่ายเท่าๆกันหมด ส่วนใครมองตนเป็นคู่ขัดแย้ง ก็เป็นเรื่องที่เขามองกันเอง แต่ตนไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร
**ชี้ปธ.วุฒิฯรับสนองฯตั้งนายกฯได้
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหา กลุ่ม 40ส.ว. กล่าวว่า ที่ประชุมวุฒิสภาจะหารือนอกรอบตามที่ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภานัดหมายในวันนี้(12พ.ค.) ประเด็นหลักใหญ่ คงจะได้หารือในกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ยื่นหนังสือให้กับวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 พ.ค. เรียกร้องให้ประธานวุฒิสภา ดำเนินการหารือกับประธานศาล และองค์กรอิสระทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่างลงในทันที
"นายสุรชัยก็คงต้องเชิญสมาชิกมาหารือนอกรอบ เพราะอยู่นอกสมัยประชุมสภา ที่ผ่านมาวุฒิสภาก็เคยมีการหารือนอกรอบ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติบ้านเมืองมาแล้ว โดยประธานจะรวบรวมความเห็นของสมาชิก เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป เพียงแต่จะไม่สามารถอ้างเป็นมติของวุฒิสภา เพราะมีมติไม่ได้ ได้แค่ประเด็นแนวคิด ซึ่งมักจะเอาไปใช้จริงไม่ได้ สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวประธานวุฒิสภาเองที่จะตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจนั้น" นายไพบูลย์กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่สังคมกำลังเข้าใจผิดอยู่ขณะนี้ คือเข้าใจว่า ผู้ที่ทูลเกล้าฯรายชื่อนายกรัฐมนตรี คือประธานรัฐสภา แต่ขอให้ตรวจสอบดูได้ว่า ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีทุกครั้ง คือ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ประธานรัฐสภา ดังนั้น เมื่อไม่มีประธาน และรองประธานสภาผู้แทนฯ เพราะเหตุยุบสภา แล้วเกิดเหตุว่างเว้นนายกฯ ลง องค์กรฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่เทียบเคียงกันคือ วุฒิสภา โดยประธาน หรือรองประธานวุฒิสภา จึงสามารถทำหน้าที่แต่งตั้งบุคคลเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 แทนสภาผู้แทนราษฎร ด้วยการเสนอชื่อ และลงมติด้วยการขานชื่อ รายบุคคล
"ฝ่ายรัฐบาลพยายามจะบิดเบือนว่า ผู้ที่นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องเป็นประธานรัฐสภา ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ว่าการแต่งตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมัคร สุนทรเวช รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานสภาผู้แทนฯ เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการทั้งสิ้น ดังนั้นนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ในฐานะรองประธานวุฒิสภา สามารถทำหน้าที่ดังกล่าว เมื่อนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ต้องงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และทำหน้าที่ดังกล่าวได้โดยไม่จำเป็นต้องรอการโปรดเกล้าฯ เป็นประธานวุฒิสภา ตามที่ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติไป เมื่อวันที่ 9 พ.ค. แต่อย่างใดเลย" นายไพบูลย์ กล่าว
**คาด"สุเทพ" มีแนวทางในใจแล้ว
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การหารือนอกรอบของวุฒิสภาดังกล่าว คงได้แค่แนวทางที่นายสุรชัย จะต้องไปพิจารณาตัดสินใจเอง เพราะไม่สามารถอ้างเป็นมติของวุฒิสภาได้ และเชื่อว่า นายสุเทพเองก็ไม่ได้หวังผลตามที่เรียกร้อง เพียงแต่ต้องการยืนยันว่า ได้ดำเนินการในแนวทางนี้แล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพื่อที่จะไปดำเนินการขั้นต่อไปในแนวทางอื่นแทน
"วิธีการนัดหมายที่ตั้งใจจะให้บรรลุผล เขาจะไม่นัดกันแบบนี้ มันต้องมีวิธีการที่ชัดเจน เพราะจะต้องมีขั้นตอนการดำเนินการมากมาย ซึ่งเชื่อว่าทาง กปปส. เขาคงไม่รอ แต่ที่เสนอมาก็เหมือนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทำ คือเลียบๆ เคียงๆ หาความเห็นร่วมซึ่งมันดูดี แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้ว" แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ประเด็นของนายสุเทพ คือเขาต่อสู้มานานแล้ว เมื่อนายกฯว่างตำแหน่งลง ก็ขอเสนอให้ตั้งนายกฯ คนใหม่ แล้วจะเรียกผู้ที่เขาเชิญมาพูดคุยตกลง แล้วเดินหน้าเลย แต่ถ้าจะให้มารับฟังอะไรอีกมากมาย แล้วถือว่าความเห็นกปปส. เป็นความเห็นหนึ่งเท่านั้น เขาก็ไม่เอา มองว่าไม่ทันกิน
ทั้งนี้ ประธานองค์กรหลายๆ องค์ที่นายสุเทพ กล่าวอ้างถึงนั้น ผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่พยายามต่อสายเพื่อสอบถามความเห็น พบว่าทั้งประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกกต. รวมทั้งว่าที่ประธานวุฒิสภา ต่างไม่รับสายโทรศัพท์ จากสื่อมวลชนแต่อย่างใด
** ศอ.รส.ชี้นายกฯ ม.7 เกิดสงครามแน่
เมื่อเวลา 113.00 น. วานนี้ (11 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์? อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้อ่านแถลงการณ์ศอ.รส.ฉบับที่ 7 มีใจความโดยสรุปว่า ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการก ปปส.และกลุ่มแกนนำ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค. พยายามเรียกร้องไปยังบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อร่วมกันคัดเลือกและทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น ศอ.รส. ขอยืนยันว่า ข้อเรียกร้องตามแถลงการณ์ของนายสุเทพ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ประกอบกับปัจจุบันยังคงมีคณะรัฐมนตรีที่มี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล “เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี”อยู่ ดังนั้น การดำเนินการที่จะให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง จึงเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจกระทำได้ และโดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อจัดตั้งนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีขึ้นอีกชุดหนึ่ง ในขณะที่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ นอกจากจะเป็นการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว ยังเป็นการล่วงละเมิดพระราขอำนาจต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง
?นายธาริต กล่าวว่า ด้วยความเคารพต่อบุคคล เช่น ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งล้วนเป็นบุคคลที่มีความสำคัญของประเทศเป็นอย่างยิ่ง ศอ.รส. มีความเชื่อมั่นต่อความเป็นผู้รักษากฎหมาย และเป็นผู้ใหญ่สำคัญในบ้านเมืองที่จะไม่กระทำในสิ่งที่นอกเหนือกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้ นายสุเทพ กับพวก รวมถึงกลุ่มการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุนบางกลุ่ม ยุติการกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยการคัดเลือก และทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายแล้ว ยังจะเป็นสาเหตุให้เกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้นในบ้านเมือง เพราะข้อเรียกร้องกปปส. จะทำให้เกิดความไม่พอใจจากมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างรุนแรง และลุกลามไปถึงการก่อเหตุร้าย และเข้าปะทะกันอย่างแน่นอน จนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุด
** เตรียมหน่วยอรินทราชล่าสุเทพ
นายธาริต กล่าวว่า ขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าถึงจุดวิกฤตมากที่สุดแล้ว ศอ.รส. จึงจำเป็นจะต้องยกระดับการใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่ดครัดและเข้มข้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดในเวลาอันใกล้นี้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนแยกตัวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตามการยกระดับมาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดยวิธีการคือ จะขอหมายจับนายสุเทพ และแกนนำรวม 51 คน โดยศาลอาญานัดฟังว่า จะออกหมายจับหรือไม่ ซึ่งมั่นใจว่า ศาลจะอนุมัติออกหมายจับอย่างแน่นอน ซึ่งได้เตรียมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช ไว้พร้อมแล้ว ยืนยันว่า ไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่อาจจะมีการกระทบกระทั่งกับมวลชน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนออกจากการเข้าร่วมชุมนุม
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการครั้งนี้ ไม่เกี่ยวที่มีการเสอนแต่งตั้งนายกฯ แต่เพราะเกรงว่า ถ้าภาครัฐไม่ใช้กฎหมายจัดการแล้ว ประชาชนจะจัดการกันเอง แล้วนำมาสู่สงครามกลางเมือง และไม่มีความเห็นเรื่องกระแสข่าวการ ปฏิวัติ และกรณี พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคล จะเสนอให้ ผบ.เหล่าทัพพิจารณาในแนวทางขอพึ่งพระบารมี ใครทำอะไร ก็ต้องรับผิดชอบ
** "มาร์ค"หนุนนายกฯคนกลางแก้วิกฤติ
วานนี้ (11 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ “วีรบุรุษประชาธิปไตยกับนายกฯ จากการเลือกตั้ง” โดยมีเนื้อหาว่า ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นทางออกของประเทศ ว่าน่าจะต้องมีรัฐบาลเฉพาะกาล หรือนายกรัฐมนตรีคนกลาง เสียงคัดค้านจากฝ่ายรัฐบาล และนปช. จะตอบโต้ว่านายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้ตนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต คือวันที่คนไทยออกมาต่อสู้ให้นายกฯ มาจากการเลือกตั้ง เมื่อปี 35 หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ลาออกจากนายกรัฐมนตรี ระหว่างมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกฯ มาจากการเลือกตั้ง เสียงข้างมากในสภา ซึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุน พล.อ.สุจินดา ก็หันมาสนับสนุน พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากประชาชน ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
"วันนั้น ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่าทางตัน ด้วยการทูลเกล้าฯ เสนอชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งไม่ได้เป็น ส.ส.ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เข้ามาสะสางปัญหาจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และยุบสภาเมื่อรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติม มีผลบังคับใช้ วิกฤตจึงคลี่คลายลง ดร.อาทิตย์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น"วีรบุรุษประชาธิปไตย" ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้นายกฯ มาจากการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ท่านเสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง"
นายอภิสิทธิ์ยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ในประเทศอิตาลี เมื่อปี 54 ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางการเมือง หลังจาก นายเบอร์ลุสโคนี ลาออก ประธานาธิบดีอิตาลีได้แต่งตั้งนายมาริโอ มอนติ ซึ่งไม่ได้เป็นส.ส. มาเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาหลังจากหารือกับพรรคการเมืองทุกพรรค นายมอนติ ได้แต่งตั้ง ครม.ที่ปลอดนักการเมืองมาคลี่คลายปัญหาต่างๆ แล้วจึงลาออก และมีการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในปี 56 โดยไม่มีใครบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นประชาธิปไตย
"ยกทั้งสองเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ไม่ได้หักล้างหลักการว่าในระบอบประชาธิปไตย นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ผมยังสนับสนุนหลักการดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลง แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่าในสถานการณ์วิกฤติ เพื่อมาคลี่คลายสถานการณ์ในระยะเวลาสั้นๆ หรือเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายยินยอมพร้อมใจ นายกฯคนกลางอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพื่อเดินหน้าประเทศ และรักษาประชาธิปไตยได้ นำบ้านเมืองไปสู่การเลือกตั้งที่เรียบร้อย ให้ประชาชนมั่นใจว่า คนที่มาจากการเลือกตั้งจะนำพาประเทศไปสู่ความสงบ ทำงานให้ประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน วันนี้จึงต้องถามนักเลือกตั้งไทยว่า พร้อมจะเปิดทางให้ประเทศหรือไม่ หรือจะอ้างประชาธิปไตยบังหน้า รักษาอำนาจตัวเองต่อไป" นายอภิสิทธิ์ ระบุ
** ผบ.ทบ.จวกพวกปล่อยข่าวลือปฏิวัติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวทางโซเชียลมีเดียเผยแพร่อย่างกว้างขว้างในขณะนี้ว่า 1 ใน 5 เสือกองทัพบก ระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เตรียมพร้อมทำรัฐประหารว่า "ให้เขาลือไป กองทัพเป็นหนึ่งเดียวอำนาจสั่งการอยู่ที่ ผบ.ทบ.เท่านั้น เขาก็ต้องการสร้างความแตกแยก ลดความเชื่อมั่น อย่าไปขยายให้เขา ส่วนเรื่องที่มีชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีตาม มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญนั้น ใครอยากให้เป็นอะไรก็คงต้องไปหาวิธีการมา ผมไม่รับทราบ"
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่าขอให้ประชาชนระวังระวังการบริโภคข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดีย และใช้วิจารณญาณไตร่ตรองข้อเท็จจริง การโพสต์ข้อความต่างๆ ในโลกออนไลน์ ที่ไม่มีที่มาที่ไปก็เปรียบเสมือนเป็นข่าวลือ ทหารยังคงยืนยันปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ตามเดิม
**กปปส.ถอนมวลชนจากสถานีโทรทัศน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่ม กปปส. ที่ไปชุมนุมที่ บริเวณสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี หรือ ช่อง 9 นำโดย นายชุมพล จุลใส และ นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร ได้นำผู้ชุมนุมเดินทางออกจากพื้นที่ เพื่อกลับไปปักหลักสวนลุมพินีตามเดิมแล้ว ภายหลังได้เข้ามาชุมนุมในพื้นที่เพื่อขอความร่วมมือให้ออกอากาศแถลงการณ์ของ กปปส. และให้งดเสนอข่าวของทางฝ่ายรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทางแกนนำให้เหตุผลว่า เนื่องจากได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
เช่นเดียวกับกลุ่ม กปปส. ที่สถานีวิยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถนนวิภาวดีฯ นำโดยนายถาวร เสนเนียม ก็หารือกับแกนนำที่เกี่ยวข้องแล้ว และมีความเห็นว่าจะมีการเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมจากสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ไปปักหลักที่ถนนราชดำเนิน ซึ่งจะมีการตั้งเวทีตรงสะพานมัฆวานรังสรรค์
ส่วนกลุ่มกองทัพธรรม ที่ปักหลักชุมนุมหน้าสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) ถนนพหลโยธิน ก็ช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่และเก็บสัมภาระ ทำการรื้อเต็นท์ เพื่อคืนพื้นที่การชุมนุม โดยแกนนำประกาศบนรถเครื่องขยายเสียงที่จะให้ผู้ชุมนุมทราบว่า กลุ่มกองทัพธรรมจะกลับไปปักหลักชุมนุม ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และจะมีการตั้งเวทีใหม่ เป็นเวทีร่วมกับกลุ่ม กปปส. ที่จะมีการคืนพื้นที่สวนลุมพินี เพื่อย้ายมาปักหลักที่ราชดำเนิน
**ยุบเวทีลุมพินี ปักหลักทำเนียบฯ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ถนนพิษณุโลก ทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ในวันนี้ (12พ.ค.) กปปส. จะยุบเวทีที่สวนลุมพินี และมาชุมนุมที่เดียวคือ รอบบริเวณทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนินทั้งเส้น ตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้า ไปจนถึงสะพานผ่านฟ้า โดยจะตั้งเวทีใหญ่ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ส่วนเวที คปท. นั้นจะยังคงมีอยู่เช่นเดิม และในวันนี้ จะนำมวลชนไปให้กำลังใจ การประชุมวุฒิสภา เพื่อดูว่าจะมีการเร่งดำเนินการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีของประชาชนตามที่มีการร้องขอ หรือไม่
นายสุเทพ กล่าวอีกว่าจากนี้จะใช้ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เป็นศูนย์บัญชาการ จัดการประชุมกับผู้หลักผู้ใหญ่ และขอให้นายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้มาพูดคุยกันที่ตึกสันติไมตรี เพื่อจะขอให้ลาออกจากตำแหน่ง รวมถึงการอ่านแถลงการณ์สำคัญต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนจะต้องทำต่อจากนี้คือ การระดมคนให้มาร่วมชุมนุมกันมากยิ่งขึ้น และเรียกร้องบรรดาผู้มีอำนาจ มีตำแหน่งสำคัญ ลุกขึ้นมาร่วมแก้ปัญหา และจัดให้มีรัฐบาลของประชาชนให้ได้ แต่หากไม่มีใครทำ ประชาชนจะลงมือทำด้วยตนเอง ทั้งนี้ ในวันที่ 13 พ.ค. นี้ กปปส. จะทำบุญประเทศครั้งใหญ่ ในวันวิสาขบูชา เพื่อให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข
**หลวงปู่ฯงดกิจกรรมเคลื่อนไหว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมกลุ่มกปปส.แจ้งวัฒนะ นำโดยหลวงปู่พุทธะอิสระว่า วานนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้พักผ่อน ฟื้นฟูร่างกาย อยู่ที่บ้านทรงไทย ด้านหลังเวที หลังจากได้ปฏิบัติภารกิจหนักไปเมื่อ วันที่ 9-10 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้นำขบวนผู้ชุมนุมเวทีแจ้งวัฒนะ ไปยังสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวี-รังสิต พยายามจะเข้าในอาคารที่ทำการ ศอ.รส. เพื่อจะให้รับแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่ล่วงละเมิดสถาบันฯ กรณีการใช้ความรุนแรงยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และให้มีการดำเนินคดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีโครงการรับจำนำข้าว แต่เมื่อการเจรจาต่อรองไม่สำเร็จ และกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเดินบุกเข้าไป เจ้าหน้าที่จึงได้ฉีดน้ำ และยิงแก๊สน้ำตา จนทำให้หลวงปู่พุทธะอิสระ และผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งต่อมาได้มีการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ออกมาขมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกล่าวขอโทษ หลวงปู่พุทธะอิสระตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมาแล้ว
โดยวานนี้หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้งดกิจกรรมการเคลื่อนไหวต่างๆ ขณะที่บนเวทีชุมนุมช่วงเช้า ก็ยังไม่มีการจัดกิจกรรมใดๆ เช่นกัน คงมีเพียงเปิดเสียงตามสายบรรยายธรรมะ ให้ผู้ชุมนุมได้รับฟัง ซึ่งระหว่างนี้ผู้ชุมนุมได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ส่วนการรักษาความปลอดภัย การ์ดจุดต่างๆ ยังคงต้องตรวจค้นกระเป๋า สัมภาระผู้ที่จะเดินทางเข้าในบริเวณเวทีอย่างเข้มงวด
**"ตู่"จี้ปธ.ศาลฎีกาไม่รับข้อเสนอ"เทือก"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ได้โพสข้อความผ่านเฟซบุ๊ก " Jatuporn Prompan -จตุพร พรหมพันธุ์" ว่า ประชาชนคาดหวังว่า ประธานศาลฎีกา จะเป็นองค์กรเดียวที่ยังไม่มัวหมอง แสดงตนรับข้อเสนอของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดยประชาชนอยากได้ยินว่า มิอาจรับข้อเสนอของนายสุเทพ เนื่องจากให้ประมุขฝ่ายตุลาการ ทำผิดกฎหมาย
ส่วนประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประธานวุฒิสภา ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ ขอประกาศว่า หากการประชุมเกิดจริง และตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 เราจะแจ้งความดำเนิน คดีฐานก่อกบฏ และจะขัดขวางตั้งแต่วินาทีแรกในทุกวิถีทาง จะยึดสันติวิธีอย่างเคร่งครัด
สถานะรัฐบาลปัจจุบัน ยังชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีใครสามารถแต่งตั้งรัฐซ้อนรัฐได้ หากกระทำการขึ้นมา ถือว่าเป็นการก่อกบฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยในวันที่ 12 พ.ค. ที่นายสุเทพ จะฉลองชัยชนะ แต่จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากชัยชนะที่มาจากการปล้น จะได้รับการปฏิเสธจากประชาชน
"เราจะยุติการชุมนุม เมื่อบ้านเมืองมีความปลอดภัย ประชาธิปไตยมีความปลอดภัย เรามีวันมา ไม่มีวันกลับ วันเลือกตั้ง เป็นเรื่องเล็ก แต่วันที่บ้านเมืองประชาธิปไตย เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไม่มีการเลือกตั้ง มีการขัดขวางการเลือกตั้ง ก็ให้รัฐบาลนี้อยู่แบบนี้ต่อไป แต่หากมีการรัฐประหาร มาตรการที่ประกาศไว้ ก็จะไม่อยู่ในแนวทาง"
**เชื่อปธ.ศาลฎีกาไม่ทำเรื่องระคายเคือง
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นว่าประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายตุลาการ 1ใน 3 อำนาจอธิปไตย จะไม่กระทำการ ที่เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ด้วยการร่วมเสนอนายกรัฐมนตรีคนกลาง เพราะไม่มีกม.รองรับ และมีคนคัดค้านค่อนประเทศ เมื่อหนทางการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางตีบตัน ฝ่ายอำนาจนิยม จึงเหลือหนทางเดียว คือการยั่วยุ สร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงเพื่อให้กองทัพออกมาปฏิวัติ รัฐประหาร
นายชวลิต กล่าวว่า ตนชื่นชม ผบ.ทบ. มาตลอด ที่แสดงจุดยืนไม่ปฏิวัติรัฐประหาร แม้จะถูกร้องขอหลายครั้ง เพราะทำไปปัญหาก็ไม่จบ จึงขอให้ ผบ.ทบ.ได้ยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองให้คำมั่นไว้ ประการสุดท้าย ในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค. ช่วงเปิดทำการวันแรกของสัปดาห์นี้ อยากให้เป็นสัปดาห์แห่งการคลี่คลายปัญหาประเทศ
" ผมขอเรียกร้องให้ท่านศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ซึ่งเคยแสดงความเห็นว่า รองนายกรัฐมนตรีรักษาการ สามารถลงนามรับสนองพระบรมราชโองการใน พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งได้ เพราะมี กม.รธน. มาตรา 181 และคำวินิจฉัยศาลรธน. รองรับ แม้นายสมชัย จะออกมาดึงเรื่อง เพื่อเสนอกฤษฎีกาตีความ แต่เมื่อการทูลเกล้าฯ แต่งตั้งประธานวุฒิสภาคนใหม่ ยังต้องให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาการ ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ก็เท่ากับเป็นการตอกย้ำความเห็นของประธาน กกต. นั้นถูกต้อง จึงขอให้ประธานกกต. มั่นใจในความรู้ ความสามารถของตนเอง มีภาวะความเป็นผู้นำ อย่าให้นายสมชัย จูงไปในทางที่ทำให้เอียง"
นายชวลิต กล่าวด้วยว่า ขอเรียนว่าการที่ กกต.ดึงเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งป็นทางออกของประเทศที่ชอบด้วยกม. เท่ากับกกต.ไม่ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุจริต ตรงกันข้าม กลับเป็นการส่งเสริมขบวนการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง ซึ่งนอกรธน.ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงขอให้ กกต.ทั้งคณะ รีบแก้วิกฤติประเทศในกรอบรธน. ร่วมกันรักษาระบอบประชาธิปไตย ด้วยการจัดการเลือกตั้งตามหน้าที่ของตนเอง ก็จะกู้วิกฤติศรัทธาขององค์กรและหาทางออกของประเทศที่ชอบดัวยกฎหมายได้
**ชาติอาเซียนขอไทยใช้สันติวิธีแก้วิกฤติ
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อันประกอบด้วย 10 ชาติสมาชิกได้จัดการประชุมสุดยอดผู้นำขึ้นที่กรุงเนปิดอว์ ของพม่า ในสุดสัปดาห์นี้ โดยตัวแทนสูงสุดของรัฐบาลไทยไม่ได้มาปรากฏตัว ภายหลังที่ศาลมีคำตัดสินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง ในความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่ชอบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (7พ.ค.)
ในการแถลงของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศ ชาติสมาชิกอาเซียน กล่าวว่า กำลังจับตาดูสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิด ในเวลาที่ผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายต่อต้านรัฐบาล จัดการชุมนุมบนถนน จนจุดชนวนให้เกิดความหวั่นวิตกว่า ทั้งสองฝ่ายอาจปะทะกัน
ชาติสมาชิกอาเซียน “เน้นย้ำว่า ขอสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ให้ไทยใช้สันติวิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผ่านการพูดคุยกัน โดยเคารพหลักการของประชาธิปไตย และนิติธรรมอย่างเต็มที่”
นอกจากนี้เหล่ารัฐมนตรี ยังเน้นย้ำด้วยว่า “การส่งเสริมความปรองดองระหว่างคนในชาติ และคืนความสงบสุขให้กับประเทศไทย” คือสิ่งสำคัญ “เพื่อเห็นแก่ความมุ่งมั่นตั้งใจ และผลประโยชน์ของคนในชาติ”