“ประพันธ์” ยันเกิด “สภาประชาชน” ได้ เพียงแค่แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 171 ไม่บังคับนายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง แล้วตั้งคนกลางเข้ามาเดินเรื่องปฏิรูปก่อนยุบสภา ระบุเคยเกิดขึ้นแล้วจากเหตุการณ์ 14 ตุลา-พฤษภาทมิฬ “คำนูณ” ชี้มีทางออกตามกฎหมาย ไม่ต้องถึงมาตรา 7 พร้อมแนะ “สุเทพ” ต้องระวังทหารด้วย หวั่นเรียกร้องผลประโยชน์เพื่อตัวเอง ด้าน “ประทีป” เชื่อหลัง 6 ธ.ค. มวลชนพุ่งเป้าจัดการนายกฯ-ครม.
วันที่ 3 ธ.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขงกองทัพเรือ (นปข.) ร่วมสนทนาในรายการ “เกาะติดสถานการร์การชุมนุม” ทางเอเอสทีวี
โดยนายคำนูณกล่าวว่า มี 2 ทางเลือกที่รัฐบาลจะเลือก คือ รัฐบาลเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศก่อนแล้วค่อยยุบสภาหรือลาออก ซึ่งก็ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ณ นาทีนี้ นายสุเทพไม่น่าจะเอา อีกทั้งจะไว้วางใจรัฐบาลได้หรือ แล้วความชอบธรรมที่นายสุเทพ ต่อสู้มาตลอดว่ารัฐบาลเป็นโมฆะไปแล้ว จะทำให้เดินแนวทางนี้ไม่ง่ายนัก อีกทางเลือกคือตามข้อเสนอที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) คือให้ยุบสภาพร้อมกับตั้งรัฐบาลรักษาการ จุดนี้รัฐบาลก็รับไม่ได้ เพราะกลัวจะไม่ใช่รักษาการแค่ 45-60 วัน มันมีโอกาสขยาย ยิ่งเอานายกฯ ที่ไม่ได้มาจาก ส.ส. มันตกลงยาก แล้วจะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ เพราะต่างก็ตีความต่างกันไป
ที่แน่นอนขณะนี้ไม่ใช่มีแค่สองฝ่าย มีฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายต้าน แล้วก็มีกองทัพด้วย นั่นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ หรืออดีต ผบ.ทบ. อีก 1-2 คนที่พยายามวางตัวเป็นกลาง ไม่ยืนข้างรัฐบาล แต่ก็ไม่ยืนข้างนายสุเทพ แต่หลังวันที่ 6 ธ.ค.ทุกฝ่ายคงต้องตัดสินใจ
นายคำนูณกล่าวอีกว่า ทางกฎหมายรัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชนมันเป็นไปได้หมด ไม่ต้องถึงมาตรา 7 แต่ก่อนอื่นขั้นแรกที่จะทำให้บรรลุผล จะต้องทำอย่างไร หลังวันที่ 6 ธ.ค.เป็นต้นไป ใช้ยุทธศาสตร์แบบเดิมคงไม่ได้แล้ว มวลชนเบื่อแน่ จะต้องทำให้ทหารตัดสินใจว่าฝ่ายไหนคือประเทศไทยที่ควรยืนข้าง อีกทางต้องคิดด้วยว่าแล้วทหารจะเอาแค่ไหนอย่างไร จะมากดดันแต่ละฝ่ายอย่างไร เพราะแปลกทหารยกตัวเองขึ้นมาเป็นผู้ถือดุล ในเมื่อทหารบีบรัฐบาลได้ก็ต้องระวังว่าบีบมวลชนได้ด้วยเช่นกัน
นายประพันธ์กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถว่าคืนอำนาจให้ประชาชนไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพียงเพราะยังอยากอยู่ในอำนาจ ช่องทางตามกฎหมายรัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพเองก็ทำได้ ด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 171 ให้นายกฯ ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้ แล้วตั้งมาจากฝ่ายประชาชน หรือตั้งสภาประชาชนแล้วยุบสภา มันแก้รัฐธรรมนูญได้
อีกทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์ กรณีหลัง 14 ตุลา จอมพลถนอม กิตติขจร ลาออก ตอนนั้นในสภามีสภานิติบัญญัติ ปรากฏว่ารัฐธรรมนูญ 2515 มาตรา 14 บอกนายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง ประธานสภาขณะนั้น จึงกราบบังคมทูลเสนอชื่อ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ แล้วสภานิติบัญญัติเดิมจำนวนหนึ่งลาออกจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ นายกฯก็กราบบังคมทูลเสนอตั้งสภานิติบัญญัติใหม่ขึ้นมา แล้วร่างรัฐธรรมนูญปี 2517 ขึ้นมา และนำไปสู่การเลือกตั้ง โดยที่ไม่ต้องใช้มาตรา 7 แต่อันนั้นจอมพลถนอมจำยอมลาออก ครั้งที่สองก็ตอนพฤษภาทมิฬ พล.อ.สุจินดาลาออก ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาฯ ขณะนั้นเสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ คนใหม่
การแก้รัฐธรรมนูญให้นายกฯ ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง ก็สามารถให้คนที่เป็นคนกลางที่ประชาชนยอมรับ เป็นคนที่ไม่มีส่วนได้เสียเข้ามาเป็นนายกฯได้ เพื่อมานำการปฏิรูป
อีกทางออก คือ ป.ป.ช.ต้องชี้มูลให้ ส.ส.-ส.ว.312 คนออกจากตำแหน่ง คนที่เหลือในสภาก็แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อตั้งคนกลางเข้ามาเป็นนายกฯ กฎหมายมีทางออกหลายทาง โดยไม่ต้องปฏิวัติ
แต่ทั้งหมดนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลยินยอม หรือไม่ก็มีอำนาจมาบีบบังคับ อาจจะเป็นอำนาจประชาชนบวกทหารมากดดัน หรืออำนาจ ป.ป.ช.
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ต้องผ่านด่านแรกให้ได้ก่อน คือทำอย่างไรให้นายกฯยินยอมลาออก หรือยุบสภา เมื่อไม่ยอมลงจากอำนาจก็ต้องอาศัยพลังประชาชนกดดันอย่างหนัก
ส่วนแนวโน้มการต่อสู้หลังพักรบ เชื่อว่าทุกโมเดลที่เป็นทางออกผู้ชุมนุมต้องการให้สภาสิ้นไป สุดท้ายทหารก็ต้องเลือกข้าง จึงเป็นเกมบีบบังคับว่าการต่อสู้จะเป็นแบบเดิมไม่ได้แล้ว ต้องยกระดับสูงขึ้น หลัง 6 ธ.ค. คงถึงจุดได้เสีย
พล.ร.ท.ประทีปกล่าวว่า อิทธิพลวันมหามงคล น่าจะทำให้เกิดการเจรจาระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสุเทพ และกองทัพอีกครั้งหนึ่ง เหล่าทัพอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนคาดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการเจรจา มีโอกาสเป็นไปได้มากสุดคือ เกิดรัฐบาลที่มาจากประเพณีปฏิบัติ คือแก้รัฐธรรมนูญให้นายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง พ่วงการนิรโทษกรรมทุกฝ่ายด้วย
แต่หากไม่มีโต๊ะเจรจา นายสุเทพยังไม่สามารถเอาทหารมาเป็นพวกได้อย่างเบ็ดเสร็จ จึงไม่สามารถสร้างรัฐบาลประชาชนได้ เพราะยังไม่สามารถควบคุมองค์รัฐาธิปัตย์ ฉะนั้นต้องสถาปนาอำนาจรัฐให้ได้ ซึ่งมีอุปสรรค คือนายกฯและครม.ยังมีตัวตนอยู่ นี่คือโจทย์ที่พอเป็นคำตอบได้ว่า หลัง 6 ธ.ค. เป้าหมายการเคลื่อนมวลชนน่าจะพุ่งเป้าไปที่นายกฯ และครม. อาจจะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
