“อาทิตย์ อุไรรัตน์” ปัดเอี่ยวหน้ากากขาว วอน “ณัฐวุฒิ” หยุดลากเป็นเครื่องมือ

“ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์” ยกปรากฏการณ์หน้ากากขาว ปชต.บริสุทธิ์ ไม่อาจน้อมรับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังตาม “ณัฐวุฒิ” พล่ามมั่วได้ ลั่นล้างมือการเมืองนานแล้ว วอนอย่าลากไปเกี่ยวข้อง ฝาก “อำมาตย์เต้น” รู้จักทำตัวเป็นแบบอย่าง นำชาติไปสู่ความสันติสุข ให้ชาติได้จารึกถึงคุณงามความดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 18 มิ.ย. ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตประธานรัฐสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Arthit Ourairat แสดงจุดยืนหลังนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวหาว่าเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังหน้ากากขาว ตามข้อความดังนี้

“ผมขอเรียนว่า ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของขบวนการหน้ากากขาวเลย

ผมเชื่อว่า ขบวนการหน้ากากขาวเป็นเสียงของประชาชนที่บริสุทธิ์เกิดการรวมตัวของผู้ที่มีความเห็นตรงกันเหมือนกัน และต้องการแสดงออกเรียกร้องในสิทธิที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงพึงกระทำได้ ด้วยความมีอารยะ สงบสันติ และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ไคร เป็นขบวนการที่น่าจะเรียกว่าศักดิ์สิทธิ์และมหัศจรรย์ที่เกิดได้ โดยไม่มีแกนนำใดใดและไม่ต้องใช้เงินจ้างวานมา ผมเองยังทึ่งในปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นขบวนการอารยะและประชาธิปไตยบริสุทธิ์

ฯพณฯ ณัฐวุฒิ เป็นคนหนุ่มและมีวาจาโวหารที่โน้มน้าวคนให้หลงใหลและเชื่อได้ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตของชาติ ขอให้เป็นแบบอย่างในการประกอบคุณงามความดีต่อชาติให้จารึกไว้

ผมขอขอบคุณที่ยกย่องให้ผมมีความสามารถอยู่เบื้องหลังขบวนการอันอารยะนี้ แต่ผมไม่บังอาจยอมรับความเก่งกล้าสามารถนี้ได้ เพราะมันไม่มีมูลความจริงประการใดแม้แต่น้อย ผมพยายามทำหน้าที่ส่วนเล็กๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อชาติ ในสิ่งที่รัฐบาลและการเมืองไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ และผมไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องกับการเมืองมานานแล้ว จึงขอความกรุณา ฯพณฯ ณัฐวุฒิ กรุณาอย่าได้โยงใยผมไปเกี่ยวข้องด้วยเลย ถ้ามีมูลความจริงแม้แต่น้อย ผมคงไม่กล้าออกมาเขียนแสดงจุดยืนเช่นนี้

ผมไม่ทราบว่าท่านมีเหตุอันใดที่สร้างเรื่องนี้ขึ้น แต่กรุณาอย่าโยงผมไปเป็นเครื่องมือเลย ผมอยู่ในวงการศึกษา เรื่องการสร้างปัญญาด้วยความจริงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

ผมขอให้ ฯพณฯ ณัฐวุฒิ จงเป็นผู้นำของปวงชนที่นำชาติไปสู่ความสันติสุข ความเจริญรุ่งเรือง และให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขต่อไป โดยเฉพาะในยามที่ประเทศของเราจะเพิ่มประชากรเป็น 60 ล้านกว่าคนแล้ว เราจะให้ประชาชนอยู่อย่างไร จะอยู่อย่าง เมืองหลวง เมืองขึ้น เมืองท่า หรือเมืองชนกลุ่มน้อยแบบโรฮิงญา

ผมในฐานะประชาชนอาวุโสคนหนึ่ง ขอฝากอนาคตของชาติและประชาชนที่เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย ไว้กับ ฯพณฯ ณัฐวุฒิ ผู้นำคนรุ่นใหม่ให้ชาติไทยได้ภาคภูมิใจว่าเป็นชาติที่มีปัญญาเป็นคุณแก่มนุษยชาติ เข้มแข็ง ซื่อสัตย์สุจริต จริงใจและมีระเบียบวินัยโดดเด่นตลอดไป”