“ณัฐวุฒิ” ปฏิเสธข้าวในสต๊อกรัฐบาลเน่าเสีย อ้างเป็นการกล่าวหาเลื่อนลอยของฝ่ายค้าน แนะ อคส.ลงตรวจสอบ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาว เป็นพวกเจ้าเก่าที่เปลี่ยนแกนนำใหม่ เชื่อไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเก็บไว้ในโกดังใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ที่ถูกปล่อยเน่าว่า โดยหลักการเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเอาข้าวในโกงดังของรัฐบาลมาทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งการกล่าวหาทำง่าย เพราะพูดแล้วก็เดินพ้นไป คนที่ถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่ชี้แจงตามหลัก หลายเรื่องแล้วที่พรรคฝ่ายค้านพูดเรื่องข้าว แล้วจับได้ไล่ทันว่าเป็นความเท็จแต่ก็ไม่เห็นว่ารับผิดชอบอะไร เช่น เอากระสอบป่านใส่ข้าวมาโชว์ในสภาว่าเป็นข้าวจากโกดัง พอไปตรวจสอบไม่พบความผิดปกติ และก็ไม่รับผิดชอบ
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า โดยเฉพาะการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวเม็ดเงินถึงเกษตรกรเพียง 80,000 กว่าล้านบาทนั้น เรื่องนี้ก็เท็จล้านเปอร์เซ็นต์ ตนขอยืนยันว่าจนถึงวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สรุปตัวเลขว่าโอนเงินจาก ธ.ก.ส.ถึงบัญชีชาวนาโดยตรงแล้วไม่ต่ำกว่า 623,000 ล้านบาท
“พอจับได้ไล่ทัน ก็เลื่อนไปโกหกเรื่องอื่นอีก นี่เป็นวิชาในคัมภีร์ยุทธของพรรคประชาธิปัตย์โดยแท้ คือโกหกวางไว้แล้วเดินไปต่อ แล้วโกหกใหม่แล้วเดินไปต่อ ซึ่งรัฐบาลก็จะเหนื่อยหน่ายที่จะชี้แจงไม่ได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่เอาความจริงมาแสดงกับประชาชน แต่ถึงขั้นว่ามีข้าวเน่าในโกดังนั้น ผมเชื่อว่าไม่มี” รมช.พาณิชย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีข้าวในสต๊อกของรัฐเสียหายได้มีการตรวจสอบแล้วหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แม้ว่าจะยังไม่มีการตรวจสอบ แต่สิ่งที่ตนอธิบายนำมาจากภาพเก่า อย่างตอนที่ตนทำหน้าที่ตอบกระทู้ในสภา เวลากล่าวหาแล้วไปตรวจสอบไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเลย จึงเป็นข้อสันนิษฐานว่า กรณีนี้จะเป็นวิธีการเดิมของฝ่ายค้านอีก อย่างไรก็ตาม เวลามีการกล่าวหาถึงข้าวในโกดังใด ทางองค์การคลังสินค้าก็ต้องเร่งไปตรวจสอบอยู่แล้ว หรืออย่างเรื่องการใช้สารเคมีนั้น อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ก็ยืนยันว่าทุกอย่างทำตามปกติเหมือนกับหลายรัฐบาลที่ทำกันมา
เมื่อถามย้ำว่ากรณีนี้ได้มีการสั่งตรวจสอบเป็นพิเศษหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) น่าจะมีการหารือเรื่องนี้อยู่บ้าง
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวว่า ยืนยันกลุ่มคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังยังเป็นกลุ่มเดิม ที่เคลื่อนไหวทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด จะแตกต่างบ้างตรงนักแสดงนำจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แตะมือพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้เปลี่ยนนักแสดงนำเป็น พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำและอดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภา นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว. และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายภาคประชาชนไทยและแนวร่วมคนไทยหัวใจรักษาแผ่นดิน ที่เคลื่อนไหวประกาศเรียกร้องนายรัฐมนตรีพระราชทาน ทั้งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ล้มล้างการปกครอง ขอพูดในนามพรรคเพื่อไทยหากมีการทำรัฐประหารจะร่วมกับประชาชนที่รัก ประชาธิปไตยต่อสู้กับการทำรัฐประหาร และส่วนตัวตนยังเชื่อคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.อยู่ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์แสดงความชัดเจนต่อกรณีแบบนี้
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงปะทะกับกลุ่มหน้ากากขาวที่ จ.เชียงใหม่ มีความเห็นอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนได้แสดงความเห็นว่าการเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มทุกฝ่ายไม่ว่าหน้ากาก ขาวหรือเสื้อสีไหน ถ้าภายใต้กรอบกฎหมายก็ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพที่ทุกฝ่ายควรระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน และตนยังเชื่อมั่นในวิจารณญาณของคนเสื้อแดงว่า เข้าในเกมแบบนี้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรบานปลาย หากสังคมตั้งสติดีๆ และเชื่อมั่นร่วมกันว่าประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะนำให้ ประเทศเดินหน้าได้ ความเคลื่อนไหวของบุคคลต่างๆ ก็จะไม่มีปัญหา ทั้งนี้ การเผชิญหน้ากันของคนสองฝ่าย หากเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริงก็ยากที่จะเข้าใจได้ อย่างกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวมีการถือเหล็กแป๊ปที่ไม่ใช่อุปกรณ์การชุมนุมไปไล่ตีคนเสื้อแดงที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่บนถนน ดังนั้นจึงอยากให้ใช้ความอดทนร่วมกัน ไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน แต่ถ้าเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แล้วไปชี้ใครผิดใครถูกคงยาก