xs
xsm
sm
md
lg

“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย!(ตอนสิบสาม)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มักมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเกี่ยวข้องกับคนดีและคนชั่ว ส่วนใครดี-ใครชั่วพิจารณากันเองนะครับ

รัฐประหารรสช.ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ทำให้การเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เริ่มจาก รสช.ตั้ง อานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 47 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2553

หลังมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 22 มีนาคม 2535 พรรคชาติไทย-กิจสังคม-ประ ชากรไทย-ราษฏร หนุน ณรงค์ วงศ์วรรณ ที่สนิทกับไพโรจน์และเป็นหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ซึ่งได้สส.มากที่สุดในสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯได้ออกมาแถลงว่า “ณรงค์ วงศ์วรรณ”ติดบัญชีดำห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา?

สภาฯจึงมีมติให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 48 เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2535 ต่อจาก“อานันท์”

เพราะ“สุจินดา”ประกาศกับสังคมว่า การเมืองสกปรกตนจะไม่เล่นการเมืองเด็ดขาด แต่“สุจินดา”กลับไปรับตำแหน่งนายกฯ โดยแก้ตัวแบบน้ำขุนๆว่า“ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และประชาชนจึงชุมนุมเรียกร้อง ให้นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง และ“สุจินดา”ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

แต่สุจินดาไม่ยอม..แถมยังส่งทหารออกเข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยม จนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงออกมายุติ การสังหารประชาชนในครั้งนั้นด้วยพระองค์เอง!

แผ่นดินกลับมาสงบด้วยพระบารมีฯ แต่สุจินดาต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2535 โดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกฯรักษาราชการแทน วันที่ 10 มิถุนายน 2535 คณะ รสช.ที่คุมสส.เสียงข้างมากในสภาฯ จึงหนุน พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ ที่สนิทกับไพโรจน์ และเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยแทน“น้าชาติ” ให้เป็นนายกฯต่อจาก“บิ๊กสุ”ทันที

งานสำคัญสุดยอดแบบนี้เกมต้องอยู่ในกำมือ รสช.บางคนจึงเชิญตัว“ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์” ไปชมวิวขุนเขาที่จังหวัดเชียงราย ก่อนจะพาตัวกลับกรุงเทพฯหลังมั่นใจว่า ประธานสภาฯที่ชื่อ“อาทิตย์”จะต้องเสนอชื่อ พล.อ.อ.สมบุญ เป็นนายกฯตามความต้องการ

แต่เรื่องพลันอลเวง เมื่อ พล.อ.อ.สมบุญต้องแต่งชุดขาวยืนเป็นแม่สายบัวรอเก้อ เพราะพระราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางตรงไปยังบ้าน นายอานันท์ ปันยารชุน!

เหตุการณ์ครั้งนั้น คณะรสช.กับนักการเมืองขี้ข้ารสช. ก่นด่าดร.อาทิตย์ที่ไม่ยอมทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่คนไทยทั้งชาติกลับชื่นชม“ดร.อาทิตย์” ที่กล้าหาญ-กล้าทำเพื่อชาติและประชาชน จน ดร.อาทิตย์ได้รับการยกย่องให้เป็น“วีรบุรุษประชาธิปไตย”

งานนี้ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ แทงหวยการเมืองพลาดอีกครั้ง!

“อาทิตย์-ตั้ง-อานันท์”ให้เป็นนายกฯครั้งที่ 2 คนที่ 49 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2535

จากนั้น นายชวน หลีกภัย ก็ได้เป็นนายกฯคนที่ 50 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2535 แต่นายกฯชวน“ตกม้าตาย”เร็วกว่าที่ควร เพราะไปแจกที่ดิน“สปก.4-01”ที่ให้เฉพาะคนจนไว้ทำการเกษตร แต่“เทพเทือก”กลับฉวยโอกาสแจกคนรวยด้วย สื่อมวลชน-สส.กลุ่ม16 และกระแสสังคมจึงรุมถล่มรัฐนาวาชวนจนโคลงเคลง

ต้องรู้ว่า..ไพโรจน์นั้นเป็นหนึ่งในผู้อุปถัมภ์ สส.หลายพรรคที่มารวมตัวกัน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2535 ในนาม“กลุ่ม16” ที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้

1.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ 2.นายเนวิน ชิดชอบ 3.นายสุชาติ ตันเจริญ 4.ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี 5.นายจำลอง ครุฑขุนทด 6.นายสนธยา คุณปลื้ม 7. วิทยา คุณปลื้ม 8.นายธานี ยี่สาร 9.นายสรอรรถ กลิ่นประทุม 10.นายสุชาติ หาญสวัสดิ์ 11.นายวราเทพ รัตนากร 12.นายอิทธิ ศิริลัทธยากร 13.นายประวัฒน์ อุตตะโมต 14.นายยิ่งยศ อรุณเวสสะเศรษฐ 15.นายทรงศักดิ์ ทองศรี 16.นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ 17.พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ 18.นายเกษม รุ่งธนเกียรติ์ 18.นายอุดมเดช รัตนเสถียร 19.นายเฉลิมชัย อุฬารกุล 20.ร.ต.หญิงพนิดา เกษมมงคล 21.นายเสริมศักดิ์ การุณ

สส.กลุ่ม 16 เหล่านี้ บางคนตายและเลิกเล่นการเมืองแล้ว ที่ยังเล่นการเมืองอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นสส.ในสังกัดพรรคเพื่อไทยของ“เฮียเหลี่ยม”

ในที่สุดพิษสปก.4-01 ก็เป็นคลื่นสึนามิที่โถมใส่“รัฐนาวาชวน”จนล่มลง!

นายบรรหาร ศิลปอาชา “บุรุษผู้มากับฝนห่าใหญ่”จึงผงาดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 51 เมื่อวันที่ 13 กรกฏาคม 2538 โดยมี ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็น“ขุนคลัง” และผมเป็นหนึ่งในที่ปรึกษา“ขุนคลัง”คนนี้

อ้อ..มีความลับหนึ่งที่ต้องรู้ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ กับ เกริกเกียรติ์ ชาลีจันทร์ สนิทกันมากๆ!

ห้วงนั้น-บทบาทกลุ่ม 16 ร้อนแรงทางการเมือง แต่ได้ก่อเรื่องใหญ่ที่อื้อฉาวขึ้นในประเทศนี้ จนเป็นข่าวดังระเบิดเถิดเทิงว่า

ทลายขบวนการนักธุรกิจ-นักการเมืองกลุ่ม 16 ผลาญเงิน(ธนาคาร)บีบีซี 80,000 ล้านบาท!

เรื่องของเรื่อง คือ นักธุรกิจ-นักการเมืองกลุ่ม 16 บางคน เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ หรือบีบีซีประสบวิกฤติอย่างหนัก เพราะมีการปล่อยเงินกู้อย่างฉ้อฉลครั้งใหญ่

น.อ.ประสงค์ สุ่นสิริ ได้เปิดโปงว่า มีรัฐมนตรีในกลุ่ม 16 คนหนึ่งค้าไม้ชายแดน มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสาวพม่านาม“มะไข่” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอิร์ท อินดัสเตรียล จำกัด (มหาชน) ในตลาดหลักทรัพย์ถึง 16 ล้านหุ้น ร่วมกับ เอกชัย อธิคมนันทะ ที่เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารบีบีซี และเป็นที่ปรึกษา“เนวิน ชิดชอบ”รมช.คลัง แกนนำกลุ่ม 16 ซึ่งถือหุ้นอยู่ถึง 11.05 ล้านหุ้น และ“นายชวลิต อิทธิคมนันทะ”พี่ชายนายเอกชัยถืออยู่อีก 10.14 ล้านหุ้น

ปมปัญหาคือ ซื้อหุ้นมา 11 เดือน แล้วใช้เทคนิคทำให้หุ้นจากราคา 11 บาท ขายได้ 16 บาท กำไรถึง 3-4 ร้อยล้านบาท เป็นการสวาปามรวมหมู่กันแบบเรียบง่าย โดยธนาคารให้บริษัทหนึ่งกู้ แล้วให้อีกบริษัทหนึ่งซื้อ ทำกำไรกันเองในหมู่พวกพ้อง ดูเหมือนนักธุรกิจ-นักการเมืองกลุ่ม 16 จะซื้อบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ถึง 15 บริษัท ในห้วงเวลาแค่ปีเศษ!

ดังนั้น ธนาคารบีบีซีจึงปล่อยวงเงินกู้ สูงถึงหลายหมื่นล้านบาทให้กับคนแค่ไม่กี่กลุ่ม รวมทั้ง นายราเกซ สักเสนา ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ นายเกริกเกียรติ์ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารบีบีซี ที่หนีคดีฉ้อฉลนี้ไปอยู่ถึงประเทศแคนาดา แต่วันนี้ราเกซถูกนำตัวกลับมาติดคุกในไทยเรียบร้อยแล้ว

“เทพเทือก”ได้หยิบกรณีฉาวโฉ่นี้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2539 โดยเปิดโปงกลุ่ม 16 ที่กู้เงินไปซื้อหุ้นทำกำไรระยะสั้นว่า

บริษัท ซีล่าร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิส และ บริษัท วินิเวส ของตระกูล“ตันเจริญ” ได้เอาที่ดินจังหวัดหนองคาย ไปค้ำประกันการกู้เงินจากธนาคารบีบีซี ซึ่งเป็นที่ดินที่ออกน.ส. 3 ก.โดยมิชอบ ส่งผลให้เกิดเอ็นพีแอลอย่างมหาศาลกับธนาคารบีบีซี

งานล้างแค้นทางการเมืองต่อกลุ่ม 16 ครั้งนี้ “เทพเทือก” จวก”สุชาติ ตันเจริญ”จนน้ำตานองหน้า ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งรมช.กระทรวงมหาดไทยไปเลย!

การเปิดโปงเรื่องนี้ของฝ่ายค้านในสภา ยังทำให้ประชาชนตกใจจนแห่กันมาถอนเงิน จากธนาคารบีบีซีทุกวัน จนธนาคารบีบีซีต้องล้มครืนลง ตามด้วยการดำเนินคดีกับเกริกเกียรติ์และราเกซ ในข้อหายักยอกทรัพย์ธนาคารบีบีซี 1,657 ล้านบาท แต่นักธุรกิจและนักการเมืองกลุ่ม16 ปลอดภัยครับ

งานนี้“ดร.สุรเกียรติ์”ก็ต้องทิ้งตำแหน่ง“ขุนคลัง”ด้วย เพราะมี“นักธุรกิจคนสนิทตั้ว”ไปขอให้“ขาใหญ่ตัวเตี้ย”ช่วย“ตั้ว”แบบผิดๆ แต่ดร.สุรกียรติ์ถือเรื่องชื่อเสียงสำคัญกว่าตำแหน่งและ“ถุงขนม” เมื่อ“ขาใหญ่ตัวเตี้ย”ยื่นคำขาดว่า หากช่วยจะให้อยู่ต่อ-หากไม่ช่วยจะปลดออก ดร.สุรเกียรติ์จึงลาออกจากการเป็น“ขุนคลัง”โดยไม่ลังเล..

ไพโรจน์-เพื่อนสนิท“เฮียเหลี่ยม”ไม่ธรรมดาใช่ใหม? แถมไพโรจน์นี่แหละที่ดัน“ ทนง พิทยะ” จนได้เป็น“ขุนคลัง”ในยุค“บิ๊กจิ๋ว”เป็นนายกรัฐมนตรี เบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องนี้..น่าสนใจครับ!
กำลังโหลดความคิดเห็น