นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าว ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และกลุ่มแกนนำ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค. พยายามเรียกร้องไปยังบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อร่วมกันคัดเลือกและทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น ศอ.รส. ขอยืนยันว่า ข้อเรียกร้องตามแถลงการณ์ของนายสุเทพเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ประกอบกับปัจจุบันยังคงมีคณะรัฐมนตรีที่มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีอยู่ ดังนั้นการดำเนินการที่จะให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง จึงเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจกระทำได้ และโดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อจัดตั้งนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีขึ้นอีกชุดหนึ่งในขณะที่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ นอกจากจะเป็นการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว ยังจะเป็นการล่วงละเมิดพระราชอำนาจต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง
นายธาริต กล่าวต่อไปว่า ด้วยความเคารพต่อบุคคล เช่น ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งล้วนเป็นบุคคลที่มีความสำคัญของประเทศเป็นอย่างยิ่ง ศอ.รส. มีความเชื่อมั่นต่อความเป็นผู้รักษากฎหมาย และเป็นผู้ใหญ่สำคัญในบ้านเมืองที่จะไม่กระทำในสิ่งที่นอกเหนือกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้นายสุเทพกับพวก รวมถึงกลุ่มการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุนบางกลุ่มยุติการกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยการคัดเลือก และทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายแล้ว ยังจะเป็นสาเหตุให้เกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้นในบ้านเมือง เพราะข้อเรียกร้อง กปปส. จะทำให้เกิดความไม่พอใจจากมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างรุนแรง และลุกลามไปถึงการก่อเหตุร้าย และเข้าปะทะกันอย่างแน่นอน จนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุด ขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าถึงจุดวิกฤตมากที่สุดแล้ว ศอ.รส. จึงจำเป็นจะต้องยกระดับการใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดและเข้มข้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดในเวลาอันใกล้นี้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนแยกตัวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม การยกระดับมาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดยวิธีการคือ จะขอหมายจับนายสุเทพและแกนนำรวม 51 คน โดยศาลอาญานัดฟังว่า จะออกหมายจับหรือไม่ ซึ่งมั่นใจว่าศาลจะอนุมัติออกหมายจับอย่างแน่นอน ซึ่งได้เตรียมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราชไว้พร้อมแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่อาจจะมีการกระทบกระทั่งกับมวลชน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนออกจากการเข้าร่วมชุมนุม
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการครั้งนี้ไม่เกี่ยวที่มีการเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่เพราะเกรงว่าถ้าภาครัฐไม่ใช้กฎหมายจัดการแล้วประชาชนจะจัดการกันเอง นำมาสู่สงครามกลางเมือง และไม่มีความเห็นเรื่องกระแสข่าวการปฏิวัติ และกรณี พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคลจะเสนอให้ ผบ.เหล่าทัพพิจารณาในแนวทางขอพึ่งพระบารมี ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ
นายธาริต กล่าวต่อไปว่า ด้วยความเคารพต่อบุคคล เช่น ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งล้วนเป็นบุคคลที่มีความสำคัญของประเทศเป็นอย่างยิ่ง ศอ.รส. มีความเชื่อมั่นต่อความเป็นผู้รักษากฎหมาย และเป็นผู้ใหญ่สำคัญในบ้านเมืองที่จะไม่กระทำในสิ่งที่นอกเหนือกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้นายสุเทพกับพวก รวมถึงกลุ่มการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุนบางกลุ่มยุติการกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยการคัดเลือก และทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายแล้ว ยังจะเป็นสาเหตุให้เกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้นในบ้านเมือง เพราะข้อเรียกร้อง กปปส. จะทำให้เกิดความไม่พอใจจากมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างรุนแรง และลุกลามไปถึงการก่อเหตุร้าย และเข้าปะทะกันอย่างแน่นอน จนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุด ขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าถึงจุดวิกฤตมากที่สุดแล้ว ศอ.รส. จึงจำเป็นจะต้องยกระดับการใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดและเข้มข้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดในเวลาอันใกล้นี้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนแยกตัวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม การยกระดับมาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดยวิธีการคือ จะขอหมายจับนายสุเทพและแกนนำรวม 51 คน โดยศาลอาญานัดฟังว่า จะออกหมายจับหรือไม่ ซึ่งมั่นใจว่าศาลจะอนุมัติออกหมายจับอย่างแน่นอน ซึ่งได้เตรียมกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราชไว้พร้อมแล้ว โดยยืนยันว่าไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่อาจจะมีการกระทบกระทั่งกับมวลชน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนออกจากการเข้าร่วมชุมนุม
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการครั้งนี้ไม่เกี่ยวที่มีการเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่เพราะเกรงว่าถ้าภาครัฐไม่ใช้กฎหมายจัดการแล้วประชาชนจะจัดการกันเอง นำมาสู่สงครามกลางเมือง และไม่มีความเห็นเรื่องกระแสข่าวการปฏิวัติ และกรณี พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานคณะรัฐบุคคลจะเสนอให้ ผบ.เหล่าทัพพิจารณาในแนวทางขอพึ่งพระบารมี ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ