ศอ.รส.แถลงการณ์ ฉบับที่ 8 เตือนวุฒิสภาดำเนินการให้มีนายกฯ ม.7 ตามแนวทาง กปปส.ที่ถูกดำเนินคดีเป็นผู้ก่อการร้ายและกบฏ เข้าข่ายร่วมสนับสนุนและสมคบคิด ขู่หากยังเดินหน้านอกจากผิดกฎหมาย แล้วอาจนำไปสู่ความรุนแรงและเหตุร้ายจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) อ่านแถลงการณ์ ศอ.รส.ฉบับที่ 8 ว่า บัดนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.กับแกนนำ กปปส.ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่างๆ นานาอย่างต่อเนื่องรวมทั้งหมด 9 ข้อหา โดยเฉพาะนายสุเทพ และนายชุมพล จุลใส ซึ่งถูกสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อการร้ายเพิ่มเติมอีกด้วย พฤติการณ์การกระทำของนายสุเทพและแกนนำ กปปส.นอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายแล้ว ยังมีข้อเรียกร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่างๆ นานา เช่น การเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่โดยอ้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 3 และมาตรา 7 เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย
แถลงการณ์ระบุว่า ตามที่นายสุเทพและกลุ่มแกนนำเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมกันคัดเลือกและทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 นั้น ศอ.รส.เห็นว่าข้อเรียกร้องตามแถลงการณ์ของนายสุเทพเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เนื่องจากการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 มาตรา 172 และมาตรา 173 โดยนายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าปัจจุบันยังไม่อาจมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ที่จะทำหน้าที่คัดเลือกและให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ประกอบกับปัจจุบันยังคงมีคณะรัฐมนตรีที่มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีอยู่ การดำเนินการที่จะให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลาง จึงเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจกระทำได้ และโดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อจัดตั้งนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีขึ้นอีกชุดหนึ่งในขณะที่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ นอกจากจะเป็นการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว ยังจะเป็นการล่วงละเมิดพระราชอำนาจต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง
แถลงการณ์ ศอ.รส.ได้เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา รวมถึงกลุ่มการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุนบางกลุ่มยุติการกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยการคัดเลือกและทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะนอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายแล้ว ยังจะเป็นสาเหตุให้เกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้นในบ้านเมือง
จากการประเมินสถานการณ์ในปัจจุบันมีข้อมูลเพียงพอที่บ่งชี้ได้ว่าจะเกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้นในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ศอ.รส. โดยเฉพาะหากยังมีการคัดเลือกและเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ตามที่ กปปส.เรียกร้องจะต้องเกิดความไม่พอใจจากมวลชนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างรุนแรงและลุกลามไปถึงการก่อเหตุร้ายและเข้าปะทะกันอย่างแน่นอน จนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุด
นอกจากนั้น ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้คือ การที่วุฒิสมาชิกบางคนและกลุ่มผู้สนับสนุนบางกลุ่มให้การสนับสนุนกิจกรรมและแนวทางดำเนินการต่างๆ นานา โดยเฉพาะการคัดเลือกแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวของนายสุเทพกับพวกที่ได้ถูกพนักงานอัยการสั่งฟ้องในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง และฐานความผิดอื่นๆ นั้น บุคคลและกลุ่มบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับนายสุเทพกับพวกดังกล่าวอาจมีความผิดและอาจถูกดำเนินคดีฐานให้การสนับสนุน หรือเป็นตัวการร่วมสมคบคิดกับนายสุเทพกับพวกไปด้วย ศอ.รส.จะติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
อนึ่ง ด้วยความเคารพต่อสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านซึ่งล้วนเป็นบุคคลที่มีความสำคัญของประเทศ ศอ.รส. มีความเชื่อมั่นต่อความเป็นผู้รักษากฎหมาย และเป็นผู้ใหญ่สำคัญในบ้านเมืองที่จะไม่กระทำในสิ่งที่นอกเหนือกฎหมาย และจะปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ก่อนเข้ารับหน้าที่ การที่ ศอ.รส.จำเป็นต้องมีแถลงการณ์ฉบับนี้ก็เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจอันถูกต้อง และหลีกเลี่ยงเหตุความไม่สงบและเหตุร้ายแรงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ แถลงการณ์ฉบับนี้เป็นความเห็นและดำเนินการโดยฝ่ายบริหารของ ศอ.รส.โดยตรง ซึ่งไม่ได้ขอให้ฝ่ายทหารร่วมมีความเห็นและดำเนินการด้วย