ผอ.ศรส.ยันไม่เสียหน้าหลังศาลแพ่งทุเลาคำสั่งเนรเทศ “สาธิต เซกัล” รอศาลวินิจฉัย 26 พ.ค. 57 โวย กกต. ยันตนไม่เคยแตะงบ ศรส.สักบาท ลั่นเห็นด้วยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฟันธง เม.ย.การเมืองร้อนแรง ด่าองค์กรอิสระตัวอันตราย โวย 7 องค์กรเสนอโรดแมปไม่ใช่หน้าที่ หยัน กสม.-ผู้ตรวจฯ ไร้เครดิต ทายไว้ก่อนล่วงหน้าจะเสนอนายกฯ มาตรา 7 ลั่นโดนด่าแน่ เสนอตัวเป็นพยานให้นายกฯ โกงจำนำข้าว ลั่นไม่ได้ทำอะไรผิด
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงกรณีทนายความของนายาธิต เซกัล ขอทุเลาคำสั่งศาลแพ่งกรณี ศรส.เซ็นคำสั่งเนรเทศ ว่าการที่ศาลอนุญาตเป็นสิทธิและดุลพินิจ ฝ่าย ศรส.ต้องเคารพ การที่ กปปส.ไปฟ้องศาลว่าตนขัดคำสั่งศาลนั้น เป็นการฟ้องมั่ว สร้างให้เกิดความสับสน เพราะในคำสั่ง 9 ข้อ ศาลห้าม ศรส.ใช้อำนาจมาตรา 11 (8) เรื่องการเนรเทศ แต่ตนใช้อำนาจตามมาตรา 7 ที่ให้อำนาจคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง แต่เมื่อมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อำนาจรัฐมนตรีต่างๆ จะมาอยู่ที่นายกฯ และนายกฯ ได้มอบหมายตน เรื่องดังกล่าวศาลจะวินิจฉัยในวันที่ 26 พ.ค. 57 ซึ่งต้องฟังศาลอย่างเดียว ทาง ศรส.ไม่ถือว่าเสียหน้า นอกจากนี้ เรื่องที่คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกให้ไปชี้แจงงบประมาณของ ศรส. ตนไม่เคยแตะงบประมาณ ศรส.สักบาท ผู้ที่ต้องไปชี้แจงคือ ผู้ที่เบิกจ่าย แต่ตนไม่ใช่ผู้เบิกจ่ายจึงไม่รู้ว่าจะไปชี้แจงเรื่องอะไร
ผอ.ศรส.กล่าวว่า ตนได้ฝากหน่วยความมั่นคงให้บอกนายกฯ ว่าตนเห็นด้วยที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะจะกระทบการท่องเที่ยว และถึงใช้อยู่ก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนจะตั้งใครมาทำหน้าที่ดูแลตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงอยู่ที่รัฐบาล แต่บุคลิกต้องเป็นคนที่นายกฯ เชื่อมั่น ตนประเมินว่าสถานการณ์ในเดือน เม.ย.ร้อนแรงแน่ โดยเฉพาะคดีความในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกร้อง 2 ปีกว่า เอกสารเรื่องข้าวยังหาไม่ครบ แต่นายกฯ ขอขยายเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 45 วัน กลับไม่ให้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้า เพราะคนไทยด้วยกัน ฉะนั้น องค์กรอิสระอย่าเอาแต่ใจ อย่าใช้อารมณ์ ไม่ใช่มีธง หรือไปรับคำสั่งจากกลุ่มบุคคล และคณะบุคคล ซึ่งไม่ได้ฝักใฝ่ประชาธิปไตย แต่อยากมีอำนาจ อย่างนั้นบ้านเมืองมีปัญหา สิ่งที่อันตรายสำหรับรัฐบาลตอนนี้คือ องค์กรอิสระ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่โดนสอบเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่มีการแต่งตั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นประธาน นปช. ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่กล้าไปวิพากษ์วิจารณ์ เพราะไม่ได้ร่วมด้วย แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนหัวใจรุกรบ จะไม่ยอมให้ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป คนเรามีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน หากคุณทำดีทุกคนก็ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่หากทำลายอีกฟากฝั่งแบบไม่เป็นธรรม ถึงวันนั้นไม่มีใครกลัวใคร ตนวิเคราะห์แบบนี้
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงกรณี 7 องค์กรอิสระจะแถลงเป็นตัวกลางและเสนอโรดแมปเพื่อหาทางออกประเทศในวันที่ 17 มี.ค. ว่าตนมองในแง่ดีว่าอาจจะเจตนาดี หากคิดดีไม่เป็นไร แต่จริงๆ ไม่ใช่หน้าที่ และไม่มีหน้าที่ แล้วใน 7 องค์กรอิสระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ไม่มีใครเชื่อถือ ควรมองดูตัวเอง เพราะไม่มีเครดิต ส่วนผู้ตรวจการแผ่นดิน หากมีการปฏิรูปต้องยกเลิกองค์กรนี้ เพราะเปลืองเงินเดือน ไม่มีประโยชน์อะไรต่อบ้านเมืองเลย
ส่วนที่อ้างว่าอัยการเข้าร่วมประชุมนั้น เป็นอัยการที่เกษียณอายุราชการแล้ว บ้านอยู่ จ.นครปฐม พวกตนเอง ตัวองค์กรอัยการเองมาร่วมไม่ได้ ทั้งนี้ หากวันที่ 17 มี.ค.แถลงออกมาในลักษณะไม่ยึดบทบัญญัติกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทำตัวเหมือนรับคำสั่ง นึกว่าคนอื่นจะเชื่อถือ หากเสนอนายกฯ คนกลางเมื่อไร เดือดร้อนทั้งครอบครัว เขาจะด่าโคตรพ่อโคตรแม่กลับไป ตนจะด่าด้วย หากคิดอย่างนั้นขอให้ยุติเสียเถอะ ไม่มีใครฟัง ต้องยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และหากออกมาค้านสายตาประชาชนกระทบต่อความเชื่อถือในคดีที่พิจารณาอยู่ล้านเปอร์เซ็นต์
“ถ้าจะเอานายกฯ มาตรา 7 ผมยอมไม่ได้ คุณถูกด่าแหลก ครอบครัวเดือดร้อน บ้านเมืองไปไกลแล้ว ที่เสนอก็เพราะจะเอาพวกมันมาเป็นนายกฯ ไม่มีใครยอมใครแล้วล่ะ แล้วหากจะมาบอกให้ถอยคนละก้าว บอกเลยไม่ต้องถอย ถอยทำไม อย่าเกียร์ว่าง เดินหน้าอย่างเดียว ไปจัดเลือกตั้งให้ครบ มีรัฐบาลแล้วค่อยปฏิรูป” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจการ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งใน 28 เขตที่มีปัญหาว่า หากศาลวินิจฉัยว่าเป็นอำนาจของรัฐบาลหรือ กกต. ผู้นั้นจะต้องออก พ.ร.ฎ. และเปิดการเลือกตั้งใหม่ หรือหากศาลตัดสินว่า การเลือกตั้งเป็นโมฆะก็เลือกตั้งใหม่ถึงจะถูกต้อง หากไปทางอื่นไปไม่ได้ บ้านเมืองจะวุ่นวาย
ส่วนเรื่องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหานายกฯ ว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยมาตราดังกล่าวมี 2 ท่อนคือ ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กับปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าโดยทุจริต เรื่องทุจริตนายกฯ หลุดไปแล้ว เพราะไม่ได้แสวงหาประโยชน์ จึงเหลือแค่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายกฯ ตั้งตนเป็นประธานตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแล้ว จึงรอทนายความติดต่อมาจนจะเป็นพยานให้ เพราะนายกฯ ไม่ได้ผิด