นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกระแสข่าวให้รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ขึ้นทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา เพื่อเสนอนายกฯ คนกลาง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7 ว่า เห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 117 กำหนดไว้ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส. ปี 2549 ตนเคยทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภามาเกือบ 7 เดือนเพราะ ส.ว.ครบวาระลง โดยช่วงนั้นก็มีการยุบสภาและมีการเลือกตั้ง ส.ส.แต่ยังไม่ประกาศผล มีกลุ่มบุคคลชั้นสูงมาเสนอให้แต่งตั้งนายกฯ มาตรา 7 แต่ตนก็ไม่ได้นำความกราบบังคมทูลฯ แต่อย่างใด เนื่องจากขัดรัฐธรรมนูญ 2540 ดังนั้น ประธานวุฒิสภารักษาการจะทำหน้าที่ได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 ระบุไว้เท่านั้น คือ พิจารณาเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ แต่งตั้ง ถอดถอนบุคคลตามองค์กรรัฐธรรมนูญ การประกาศสงคราม จะทำนอกเหนือจากนี้ไม่ได้
ในทำนองเดียวกัน รองประธานวุฒิสภาต้องทำตามมาตรา 124 ทำหน้าที่แทนประธานในที่ประชุมวุฒิสภา กรณีที่ประธานวุฒิสภาไม่อยู่ แต่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้ทำหน้าที่รักษาการแทนประธานวุฒิสภาได้ ได้หารือกับอดีตประธานวุฒิสภาหลายท่านก็เห็นว่ากรณีนี้ไม่ใช่เข้าข่ายมาตรา 7 เพราะฉะนั้นการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็น ส.ส.จะกระทำไม่ได้ และถ้าออกเป็นมติของวุฒิสภาก็จะยิ่งผิดกฎหมาย ที่ให้ประธานวุฒิสภานำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ จะถูกฟ้องร้องถึงขั้นติดคุกได้
เพราะฉะนั้นตามหลักสากลทั่วโลกต้องมีการเลือกตั้ง แม้แต่ประเทศที่มีสงคราม แตกแยกกันก็ยังจบลงด้วยการเลือกตั้ง ถ้าได้รัฐบาลไม่ดีก็ต้องเลือกตั้งกันใหม่ จึงจะจบลงด้วยประชาธิปไตย ยกเว้นประเทศไทยคิดอยากจะมีระบอบการปกครองใหม่ แต่ตนเป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมเรื่องนี้ เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่
ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาระบุว่า การทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีรักษาการจะสิ้นสุดลงในวันที่ 2 เมษายน 2557 นั้น นายสุชน กล่าวว่า เป็นการคิดกันเอาเอง เพราะเปิดประชุมสภาและเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตามมาตรา 172 ที่ครบกำหนดภายใน 60 วัน คือ 2 เมษายน 2557 แต่หลังจากนั้นรัฐธรรมนูญก็ยังระบุว่า ถ้ายังไม่ได้ชื่อนายกรัฐมนตรี ก็ให้เวลาอีก 180 วัน แต่ถ้ายังไม่ได้อีกก็ต้องว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
ในทำนองเดียวกัน รองประธานวุฒิสภาต้องทำตามมาตรา 124 ทำหน้าที่แทนประธานในที่ประชุมวุฒิสภา กรณีที่ประธานวุฒิสภาไม่อยู่ แต่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้ทำหน้าที่รักษาการแทนประธานวุฒิสภาได้ ได้หารือกับอดีตประธานวุฒิสภาหลายท่านก็เห็นว่ากรณีนี้ไม่ใช่เข้าข่ายมาตรา 7 เพราะฉะนั้นการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็น ส.ส.จะกระทำไม่ได้ และถ้าออกเป็นมติของวุฒิสภาก็จะยิ่งผิดกฎหมาย ที่ให้ประธานวุฒิสภานำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ จะถูกฟ้องร้องถึงขั้นติดคุกได้
เพราะฉะนั้นตามหลักสากลทั่วโลกต้องมีการเลือกตั้ง แม้แต่ประเทศที่มีสงคราม แตกแยกกันก็ยังจบลงด้วยการเลือกตั้ง ถ้าได้รัฐบาลไม่ดีก็ต้องเลือกตั้งกันใหม่ จึงจะจบลงด้วยประชาธิปไตย ยกเว้นประเทศไทยคิดอยากจะมีระบอบการปกครองใหม่ แต่ตนเป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมเรื่องนี้ เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่
ส่วนที่หลายฝ่ายออกมาระบุว่า การทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีรักษาการจะสิ้นสุดลงในวันที่ 2 เมษายน 2557 นั้น นายสุชน กล่าวว่า เป็นการคิดกันเอาเอง เพราะเปิดประชุมสภาและเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตามมาตรา 172 ที่ครบกำหนดภายใน 60 วัน คือ 2 เมษายน 2557 แต่หลังจากนั้นรัฐธรรมนูญก็ยังระบุว่า ถ้ายังไม่ได้ชื่อนายกรัฐมนตรี ก็ให้เวลาอีก 180 วัน แต่ถ้ายังไม่ได้อีกก็ต้องว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
