อดีต ปธ.วุฒิสภา ยอมรับคำวินิจฉัย ป.ป.ช.ชี้มูลผิดแก้ รธน.ที่มา ส.ว.แต่โวยตัดสินไม่สมเหตุสมผล ระบุสั่งปิดประชุมตามหน้าที่ จ่อแจงวุฒิสภาสู้คดีถอด ยังค้านนายกฯ คนกลาง ด้าน รักษาการประธานวุฒิฯ ขอศึกษาอำนาจก่อน ไม่รู้ฉวยชงได้หรือไม่
วันนี้ (20 มี.ค.) นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ในฐานะอดีตรองประธานรัฐสภา กล่าวภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเสียงข้างมากชี้มูลความผิดกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.โดยมิชอบ ว่า ตนยอมรับคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.และคงไม่มีการดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายใดๆ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเหตุผลที่ ป.ป.ช.นำมาตัดสินความผิดว่าตนสั่งปิดการอภิปราย ทั้งที่มีผู้อภิปรายค้างอยู่ ถือเป็นการไม่สมเหตุสมผล เพราะการสั่งปิดประชุมเป็นการทำหน้าที่ประธานที่ประชุมต้องดำเนินการตามที่มีผู้เสนอให้ปิดการอภิปราย แต่เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้วก็ถือว่ามีผล และต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ และหลังจากนี้ก็จะเตรียมเอกสารเพื่อชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภา ในการพิจารณาถอดถอนตนให้ออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 จะทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภาแทนตนได้ทุกอย่าง ยกเว้นการปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานรัฐสภา
“ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วจะส่งเรื่องมายังวุฒิสภา เพื่อให้พิจารณาถอดถอนภายใน 20 วัน และต้องขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132(3) เพื่อประชุมพิจารณาถอดถอน และเชื่อว่าถึงตอนนั้น ส.ว.ชุดใหม่น่าจะได้เข้ามาทำหน้าที่แล้ว แต่อาจจะฉุกละหุกบ้าง” นายนิคม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามระหว่างนี้หากมีการเสนอตั้งนายกฯคนกลางจะสามารถทำได้หรือไม่ นายนิคม กล่าวว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีรัฐธรรมนูญรองรับ
ด้าน นายสุรชัย กล่าวว่า เมื่อนายนิคมถูกชี้มูลความผิดแล้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และตนจะทำหน้าที่รักษาการประธานวุฒิสภาแทน แต่จะมีอำนาจทำได้แค่ไหนอย่างไร ช่วงที่ยังอยู่ระหว่างการยุบสภา ขอไปศึกษาอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ที่มีหลายคนมองว่าเมื่อนายนิคม หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว จะเป็นจังหวะที่จะมีการเสนอชื่อนายกฯ คนกลาง เพื่อให้เข้ามาทำหน้าที่นั้น ประเด็นนี้ตนไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่ขอไปศึกษาในข้อกฎหมายอีกครั้งหนึ่งก่อน