“บุญส่ง” เผยเร่งสอบปม “ยิ่งลักษณ์” ใช้ตำแหน่งลงพื้นที่เหนือ-อีสานช่วง มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส่วน “เจ๊แดง” พี่สาวนายกฯ ขนคนลงคะแนน คาดลงมติฟันได้ 27 มี.ค. ด้านคดีช่อง 11 ให้ผู้สมัคร ส.ส.พท.จ้อออกจอทีวีพรรคเดียว ต้องรอดูรายละเอียด รูปแบบรายการก่อน แย้มหากผิดจริง มีผู้บริหารพรรคเอี่ยวโทษถึงขั้นยุบพรรค
นายบุญส่ง น้อยโสภณ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาวันเลือกตั้ง และกรณีการมอบเงินให้กับญาติของตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่การชุมนุมว่า กรณีดังกล่าวมีผู้ยื่นร้องเรียนทั้งหมด 6 คำร้อง ซึ่ง กกต.ได้รวมพิจารณาเป็นสำนวนเดียวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้มีการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้องไปแล้วจำนวน 4 ปาก และในวันเดียวกันนี้ได้มีการนัดสอบผู้ร้องเพิ่มอีก 4 ปาก ก่อนที่จะมีการเชิญฝ่ายผู้ถูกร้องเข้าชี้แจงในลำดับถัดไป
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กกต.จะเร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว โดยจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำหน้าที่ของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน
นายบุญส่งยังกล่าวถึงการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ ที่นายเยาวภา วงค์สวัสดิ์ ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง กรณีขนคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งว่า หากในวันที่ 27 มีนาคมนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ไม่มีความเห็นให้สอบพยานหรือขอดูรายละเอียดหลักฐานเพิ่มเติม กกต.ก็จะสามารถลงมติในสำนวนนี้ได้ทันที เนื่องจาก กกต.ทั้ง 4 คนได้ข้อยุติและมีธงอยู่ในใจเกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวแล้ว
ส่วนกรณีทีนายสมชัยขอให้มีการตรวจสอบการนำเสนอรายการที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) ที่เชิญผู้สมัคร ส.ส.มาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในช่วงมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งนั้น นายบุญส่งกล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นรายละเอียดของรูปแบบ เนื้อหา และวิธีการนำเสนอรายการ อีกทั้งต้องดูว่ามีการเชิญผู้สมัคร นักการเมือง จากทุกพรรคการเมืองมาร่วมรายการหรือไม่ หรือมีการเชิญเพียงผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ในวันที่ 27 มีนาคม ที่ กกต.จะสามารถลงมติต่อเรื่องดังกล่าว เนื่องจากอาจต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กกต.ระมัดระวังเรื่องความเป็นกลางในการทำหน้าที่ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมีคนให้ความสนใจ ทั้งนี้ ยังไม่ขอพูดถึงบทลงโทษ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง เพราะไม่อยากให้มองไปไกล ยังมีขั้นตอนตรวจสอบอีกหลายขั้นตอน แต่หากมีผู้บริหารของพรรคการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องจริง บทลงโทษอาจถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้
ส่วนที่ กกต.ไม่อนุมัติงบกลาง จำนวน 2,309 ล้านบาท ให้กับศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) นั้น นายบุญส่งกล่าวว่า เท่าที่ทราบยังเห็นว่าในหนังสือขอความเห็นชอบนั้น มีเพียงการแสดงรายการตัวเลขแบบประมาณการ ยังไม่มีการชี้แจ้งรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหารของเจ้าหน้าที่กำลังพล ซึ่งในวันที่ 27 มีนาคมนี้ หาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ปฏิบัติหน้าที่ รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการ ศรส.มาชี้แจงด้วยตัวเองก็จะเป็นเรื่องที่ดี