รองโฆษก-ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย แถอีกกรณี กกต.จ่อเอาผิดออกทีวีสื่อช่วงเลือกตั้ง แถไม่ได้พูดหาเสียง อ้างช่อง 11 เชิญทุกพรรคแต่ไม่มาเอง โวพูดโจมตี ปชป.-กปปส.ได้เพราะไม่ได้ลงเลือกตั้ง
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกและผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 5 พตส.5 ซึ่งจัดขึ้นโดย กกต.กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ตั้งเรื่องสอบ 16 ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบ่งเขต ที่ออกรายการถกการเมือง 3 รายการที่ช่อง 11 หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 23 ครั้ง ซึ่งมีชื่อตนเป็นหนึ่งในนั้น ว่า ตนยืนยันว่าผู้ที่ไปออกรายการไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะไม่เป็นผู้เช่าเวลา ไม่ได้ใช้อำนาจระหว่างรักษาการใช้ทรัพยากรของรัฐในการเอื้อประโยชน์การเลือกตั้ง เพราะไม่มีการสั่งให้เชิญมาออกรายการ ไม่ได้พูดหาเสียงหรือโจมตีคู่แข่งที่ลงสมัครไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเป็นลักษณะโฟนอิน 2 ครั้ง โดยพิธีกรแจ้งว่าเป็นการสัมภาษณ์ในฐานะรองโฆษกพรรค ไม่ได้พูดเรื่องนโยบายพรรค การหาเสียง หรือหมายเลขผู้สมัครแต่อย่างใด ส่วนคนอื่นๆ ต่างกรรมต่างวาระทั้งไปนั่งคุยในรายการ หรือทำเป็นสกู๊ป บางคนพูดเรื่องจำนำข้าว วิกฤตเศรษฐกิจ หรือวิกฤตการเมือง แต่ที่เหมือนกันคือไม่มีใครไปพูดโน้มน้าวให้เลือกมายเลขอะไร
“โดยสถานะอย่างผมเป็นรองโฆษกพรรค นักข่าวโทร.มาสัมภาษณ์เป็นเรื่องปกติและทำประจำอยู่แล้ว ส่วนท่านอื่นก็พูดถึงปัญหาบ้านเมืองตามสถานการณ์ เช่น ปัญหาทางออกเรื่องจำนำข้าว หาก กกต.บอกว่าทำอย่างนี้ผิดต่อไปจะเป็นปัญหา เพราะเวลามีประเด็นข่าวนักข่าวก็จะสัมภาษณ์แหล่งข่าวเสมอ ไม่ใช่การห้ามพูดห้ามออกทีวีเลย เว้นแต่กรณีการดีเบตทางการเมืองแข่งขันเรื่องนโยบายพรรคในการหาเสียง จะเป็นหน้าที่ที่ กกต.ต้องไปจัด” นายอนุสรณ์ กล่าว
ส่วนที่ผู้รับเชิญมีแต่พรรคเพื่อไทยพรรคเดียวนั้น รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.เวลาเชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ไปพูด ได้ถามว่าทำไมช่อง 11 ถึงเชิญแต่ผู้ที่สนับสนุนการเลือกตั้งไปพูดข้างเดียว ซึ่งแปลว่ามีอีกฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งนายสมชัยควรจะไปเอาผิดผู้ที่ข่มขู่ไม่ให้มีการเลือกตั้ง กลับจะมาเอาผิดกับผู้ที่พูดให้คนไปเลือกตั้ง
“คนที่ได้ไปออกรายการต้องไปถามช่อง 11 ไม่ใช่มาถามพรรคเพื่อไทย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ ผอ.ช่อง 11 ก็พูดตรงกันว่าเขาก็เชิญทุกพรรค แต่พรรคนั้นๆ หรือบุคคลนั้นไม่ไป ซึ่งก็อยู่ที่เอกสารและข้อเท็จจริงว่ามีการเชิญไปแล้วหรือไม่ เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับ กกต.แต่ กกต.ต้องไปคุยกับช่อง 11” นายอนุสรณ์กล่าว
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวด้วยว่าประเด็นข้อต่อสู้ทางกฎหมายของพรรคเพื่อไทย คือ 1.ผู้สมัคร ส.ส.16 คนที่รับเชิญไปไม่มีการหาเสียง แม้จะพูดพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ หรือ กปปส.ก็ไม่ใช่คู่แข่งการเลือกตั้งเพราะไม่ได้ลงสมัคร 2.ผู้สมัครไม่ได้เช่าเวลาออกรายการ หรืออำนาจสั่งสื่อของรัฐอย่างไม่เหมาะสม แต่ในส่วนรายการของช่อง 11 ทางสถานีเป็นผู้เลือกที่จะเชิญใครไปออกรายการ 3.ขณะที่มีกฤษฎีกาเลือกตั้ง ผู้สมัครที่มีการจัดรายการก็เลิกจัด ส่วนการดีเบตทางการเมือง กกต.จะเป็นผู้ดูแล แต่ไม่ได้แปลว่าผู้สมัครพูดอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่การหาเสียง เป็นการสั้นระหว่างการมีเลือกตั้งกับการไม่มีการเลือกตั้ง ไม่ได้โจมตีพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่ง
“มันเป็นคนละเรื่องกับคุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เพราะการกล่าวโจมตีทางการเมืองบนเวทีตอนนั้นเป็นผู้สมัครทั้งคู่” นายอนสุรณ์ กล่าว