xs
xsm
sm
md
lg

ป่วน-ประกาศภาวะฉุกเฉิน คิดชั่วได้ แต่ ชินวัตร จบเห่!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

นที่ติดตามสถานการณ์อย่างเข้าใจ ย่อมคาดการณ์ได้ไม่ยากว่า การก่อเหตุร้ายเพื่อหวังสร้างความปั่นป่วน สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนจนไม่เข้าร่วมการชุมนุม หรือทำให้การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลมีจำนวนคนเข้าร่วมลดน้อยลง จนง่ายต่อการล้อมปราบ หรือสลายการชุมนุมในวันหน้า

หลายคนเชื่อว่า การก่อเหตุเพื่อ “สร้างสถานการณ์” ทุกรูปแบบกับการชุมนุมในทุกเวทีที่ต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ จะต้องมีความพยายามทำให้เกิดขึ้นเข้มข้นและถี่ยิบมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์

เพราะนาทีนี้ฝ่ายระบอบทักษิณกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการกับผู้ชุมนุมที่นำโดย “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” ให้ได้

ที่ผ่านมามีทั้ง “นักวิชาการขี้ข้า-กุนซือขี้ข้า” รวมทั้งบรรดา “ตำรวจขี้ข้า” บางนาย พยายามเสนอให้ประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าว แต่ก็ถูกคัดค้านจากฝ่ายกองทัพ เพราะเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่ร้ายแรงให้ต้องทำเช่นนั้น อีกทั้งทางฝ่ายกองทัพยังเห็นว่าตัวเองยังไม่จำเป็นต้องกระโดดลงไปในสถานการณ์เวลานี้ก็ได้ ทำให้การประกาศใช้กฎหมายพิเศษดังกล่าวต้องยืดเวลาออกไป

แต่ทว่าในสภาวะที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “หมดสภาพ” บริหารแทบไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ตัวนายกรัฐมนตรีรักษาการต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่กล้าไปไหนมาไหนนานนับเดือนแล้ว แต่ยังมีความหวังสุดท้าย เพื่อ “ฟอกตัวเอง” ตบตาชาวโลก นั่นคือต้องไปให้ถึงการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ให้จงได้ ไม่ว่าจะต้องเหยียบย่ำศพไปอีกกี่ศพ ต้องเสียเลือดเนื้อของประชาชนไปอีกเท่าใดก็ตาม

แม้จะรู้ล่วงหน้าแล้วว่าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็ไม่มีทางได้จำนวน ส.ส.ครบเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด เปิดสภาไม่ได้ เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่ได้ คิดแต่เพียงว่าขอให้มี ส.ส.เข้ามาก่อน จากนั้นค่อยบังคับให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เลือกตั้งเพิ่มเติมให้ครบในภายหลัง คิดกันเฉพาะหน้าแบบนี้

เพราะการเลือกตั้งเป็นความหวังเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ เพื่ออ้างความชอบธรรมจาก “เสื้อคลุมประชาธิปไตย” ทั้งที่ตัวเองหมดสภาพ-หมดความชอบธรรมไปตั้งนานแล้ว ดังนั้น เมื่อต้องการเดินให้ถึงวันเลือกตั้งให้ได้ มีทางเดียวก็ต้องทำให้การชุมนุมของมวลมหาประชาชนในนามของ กปปส.ที่ยังปักหลัก “ปิดกรุงเทพฯ” ในเวลานี้ต้องยุติลง หรือลดจำนวนลงไปให้มากที่สุด ซึ่งไม่มีวิธิการใดลงตัวเท่ากับการ “สร้างสถานการณ์” ให้เกิดความรุนแรง ใส่ร้ายป้ายสีทำลายฝ่ายผู้ชุมนุมต่อต้าน เพราะการสร้างความรุนแรงที่เกิดขึ้นกลางวันแสกๆ ที่มีทั้งการขว้างระเบิดสังหาร การใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมอย่างอุกอาจ

ย่อมเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” โดยเฉพาะตำรวจที่ยังยืนยันรับใช้ระบอบทักษิณ อย่างเหนียวแน่น หรือไม่ก็เป็น “อันธพาล” การเมืองที่ฝ่ายรัฐบาลขยิบตาให้ลงมือก่อเหตุ เพราะมีแต่คนพวกนี้เท่านั้นที่มีศักยภาพทำได้ เป็นการลงมือที่เหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมาย

สภาพในเวลานี้ก็คือไม่ต่างจากรัฐบาลโจร ตำรวจเริ่มมีพฤติกรรมไม่ต่างจากโจรในเครื่องแบบซึ่งน่ากลัว เพราะชาวบ้านแยกไม่ออก

จากความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่กรณีของ “ชายชุดดำ” บนดาดฟ้าตึกกระทรวงแรงงานที่ใช้อาวุธปืนยิงลงมาใส่ผู้ชุมนุมเมื่อครั้งที่ไปประท้วงวันรับสมัครเลือกตั้งที่อาคารสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นตำรวจหนึ่งนาย และผู้ชุมนุมหนึ่งราย บาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งต่อมาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จำนนต่อหลักฐานภาพถ่าย ต้องยอมรับว่าชายชุดดำดังกล่าวเป็น “ตำรวจจริง” รวมไปถึงตำรวจที่ก่อเหตุทุบรถของประชาชนในบริเวณนั้นด้วย

สถานการณ์แนวโน้มความรุนแรงที่ถูกสำทับให้มีความเป็นจริงมากขึ้นจากการแถลงของรองโฆษกกองทัพบก พอ.วินธัย สุวารี ระบุว่า มีข่าวความเคลื่อนไหวว่ามีการ “จัดหาอาวุธและวัตถุระเบิด” เพื่อมาก่อเหตุร้ายในกรุงเทพฯ โดยขอให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ด้เพิ่มความเข้มงวดและปรับการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น แน่นอนว่าการแถลงแบบนี้มองแบบผิวเผินเป็นการให้เบาะแสไปให้ฝ่ายรัฐบาล แต่อีกด้านหนึ่งเป็นการ “เตือน” ให้เห็นชัดเจนว่าฝ่ายกองทัพได้เห็นการเคลื่อนไหว ได้เห็น “แผนชั่ว” ของฝ่ายรัฐบาลที่กำลังเตรียมก่อเหตุสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาจะด้วยเจตนาเพื่อเป็นเงื่อนไขในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือข่มขู่ให้ชาวบ้านกลัวไม่กล้าเข้าร่วมชุมนุม หรือเมื่อผู้ชุมนุมลดลงก็ง่ายต่อการเข้าสลายการชุมนุมในที่สุด

อย่างไรก็ดี นั่นคือความคิดชั่วๆ หรือแผนชั่วๆ ของฝ่ายรัฐบาล และระบอบทักษิณ กำลังทำอยู่และเพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน หากทำจริงเพื่อหวังให้ชาวบ้านเขากลัว ในความเป็นจริงกลับออกมาเป็นตรงกันข้าม เพราะสิ่งที่เห็นก็คือยิ่งป่วน ยิ่งลอบกัดมากขึ้นคนก็ยิ่งเข้าร่วมขับไล่มากขึ้น ไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

และถ้ารัฐบาลพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างเงื่อนไขประกาศภาวะฉุกเฉินนั่นก็ยิ่งทำให้พังเร็วขึ้น โดยเฉพาะครอบครัว “ชินวัตร” จะจบเห่ทันที ไม่เชื่อก็ลองดู!!
กำลังโหลดความคิดเห็น