เกาะกระแส
00 จนถึงบัดนี้ สิ่งที่เป็นความหวังเดียวของ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือต้องทำทุกทางเพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเหยียบย่ำศพ เลือดเนื้อของชาวบ้านไม่ว่าฝ่ายไหน อีกกี่ร่าง กี่ศพก็ไม่สนใจ ไม่สนใจด้วยว่าการเลือกตั้งที่ต้องใช้เงินงบประมาณเกือบสี่พันล้านจะไร้ประโยชน์สูญเปล่าหรือไม่ก็ตาม ขอเพียงให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นมาก่อน จะได้ ส.ส.กี่คน ก็เอามาก่อน ที่เหลือก็ค่อยบังคับ กกต.เลือกซ่อม เลือกใหม่ไปเรื่อยๆ หวังว่าด้วยกลไก "รัฐตำรวจ"จะสามารถข่มขู่คุกคามเอาได้ในภายหลัง เป้าหมายคือต้องสร้าง "พิธีกรรม"ประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งขึ้นมาให้ได้ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องความชอบธรรมใดๆทั้งสิ้น ตราบใดที่ยัง "มีข้าราชการขี้ข้า" มี"ตำรวจขี้ข้า"ระดับบนคอยเป็นมือไม้ร่วมหัวจมท้ายรับใช้กันแบบถวายหัว เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเดิมพันสูง "อยู่-ไป"ร่วมกัน
00 แน่นอนว่า หากพูดถึงระบอบทักษิณ ก็ย่อมหมายรวมถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และมือไม้สำคัญในเวลานี้ก็คือ "เครือข่ายตำรวจ" ระดับหัวแถวลงมา เช่น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ซึ่งหากวัดกันด้วยบทบาท "เบื้องหลัง"คนที่ "ลงมือ"จริงๆ น่าจะเป็นสองคนหลัง โดยเฉพาะ คำรณวิทย์ หากว่าไปแล้วเวลานี้อาจถือว่าเป็นผู้สั่งการในฐานะผบ.ตร.ไปแล้วได้ สำหรับ พล.ต.อ.วรพงษ์ ในตอนแรกคงหวังลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร.คนต่อไป แต่เมื่อสถานการณ์พัฒนามาจนถึงขณะนี้เชื่อว่า "ดับฝัน"ไปพร้อมกับเก้าอี้ นายกฯของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้ว สถานการณ์มันบีบคั้นเพียงแค่เอาตัวรอดไปวันๆเท่านั้น เพราะมวลมหาประชาชนที่ "ตื่นรู้"ความนี้มันมหาศาล และที่สำคัญล้วนแล้วแต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ "เสียงดัง"ทั้งสิ้น
00 กระแสปฏิรูปแบบ "ของแท้"กำลังขยายวง เพราะคราวนี้ไม่ใช่เป็นความขีดแย้งระหว่างพรรคการเมือง ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน อาจจะมีบ้างที่ได้เห็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ปะปนอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่การชี้นำ เพราะเป้าหมายของมวลชนที่ออกมาเที่ยวนี้ต้องการ "ปฏิรูป-ปฏิวัติโดยประชาชน"ก้าวข้ามนักการเมืองที่ล้าหลังไปแล้ว เพราะพวกเขาได้เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้มาตั้งแต่การชุมนุมปี 48-49 เรื่อยมา แม้ว่าในระหว่างอาจจะมีเรื่องให้รำคาญใจ หมองใจกันบ้าง แต่เมื่อถึง"จุดร่วม"ในเวลานี้จึงพร้อมเพียงกันออกมายืนหยัดอย่างมั่นคงแบบที่เห็น และเชื่อว่าไม่มีทางหันหลังกลับเด็ดขาด
00 ทุกคนกำลังฟันธงว่ายิ่งใกล้วันเลือกตั้ง 2 ก.พ.เข้ามาเท่าใด ก็ยิ่งเกิดเหตุรุนแรงที่"ฝ่ายระบอบทักษิณ"พยายามสร้างสถานการณ์ป่วนให้ความรุนแรง ให้เกิด"ความกลัว"ต้องการ "ข่มขู่คนกรุงเทพฯ"ไม่ให้เข้าร่วม เข้ามา"เติม"ยืนระยะการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล หวังว่าพวกคนกรุงประเภทไฮโซ คนรุ่นใหม่เกิดความกลัวไม่กล้าเสี่ยงออกมา แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาที่ออกมาแล้วถือว่าตรงกันข้าม กลายเป็นว่า "ไม่ลดลง"ยิ่งป่วนยิ่งออกมา ยิ่งเกลียดหนักขึ้นไปอีก และแม้ว่า ระบอบทักษิณ โดยยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คิดจะอ้างเหตุความรุนแรง"ประกาศภาวะฉุกเฉิน"ก่อนวันเลือกตั้ง และ"ห้ามคนออกนอกบ้านในเวลากลางคืน"ก็คงไม่เป็นผล และมาถึงนาทีนี้ยังเชื่อว่า "การเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไม่เกิด"ค่อนข้างแน่ และถ้าเกิดจริงโอกาส"โหวตโน"ทำให้รัฐบาล "หงายเงิบ"ไปเลยก็ได้
00 เชื่อหรือไม่ว่า แม้เวลานี้ ระบอบทักษิณ และรัฐบาลกำลังโดนมวลมหาประชาชนออกมากดดันอย่างหนัก แต่ก็ยังโค่นไม่ลง ส่วนสำคัญนอกเหนือกจากยังมี ขรก.เครือข่ายรัฐตำรวจเกื้อหนุนแบบร่วมลงเรือลำเดียวกันอย่างแข็งขันยังกัดฟันยืนอยู่ได้แล้ว ยังมีมวลชนตามต่างจังหวัด "วางเฉย"และหนุนอยู่ แต่นั่นอาจเป็นเมื่อสองเดือนก่อน หรือปีก่อน แต่คราวนี้เมื่อ"เจอเข้าอย่างจัง"มันก็จุกอกหนุนต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน เหมือนที่ "ชาวนา"กำลังเป็นอยู่จากโครงการจำนำข้าว ที่กำลังก่อหายนะ ขายข้าวไป3-4 เดือนแล้วแต่ยังไม่ได้เงิน เดือดร้อนจนหน้าเขียวกันแล้ว และที่สำคัญยังไม่รู้อนาคตว่ารัฐบาลจะหาเงินที่ไหนมาจ่าย มันตีบตันไปหมด และเชื่อว่าภายในเดือนนี้ถ้ายังไม่ได้เงินรับรอง "จลาจล"แน่
00 กรณีจำนำข้าวนี่แหละจะเป็นตัวทำลายความ "ฮึกเหิม"ถือดีของระบอบทักษิณลงไปอีกโข จากเดิมที่ท้าทายไปทั่วว่าถ้าใครคัดค้านก็ขอให้ประกาศออกมาเลยว่าให้ยกเลิกโครงการนี้ แต่เวลานี้เอาเข้าจริงตัวเองก็ไม่กล้าประกาศใช้หาเสียง ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งเมื่อสภาพที่เป็นอยู่จริงในวันหน้าหากมีการจำนำต่อไปจะมีชาวนาคนไหนกล้าเอาข้าวไปจำนำอีก เพราะกลัวว่า "ไม่ได้เงิน" สภาพเวลานี้แรงกดดันทุกนาที ทุกชั่วโมงกำลังกดดัน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนไม่กล้าไปซุกตามต่างจังหวัด เพราะกลัวถูกทวงถามเรื่องเงิน เรื่องประชาธิปไตยบางครั้งอาจกินไม่ได้ แต่ปากท้อง ข้าวปลาเป็นของจริงนะเฟ้ย เข้าใจบ่ !!