xs
xsm
sm
md
lg

ศาล รธน.แถลงผลงานปี 56 พอใจวินิจฉัยได้เร็วสอดคล้องสถานการณ์ ยันถูกวิจารณ์ไม่กระทบคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เลขาฯ ศาล รธน.แถลงผลงานปี 56 ย้ำยึดนิติธรรม ค้ำจุ้นประชาธิปไตย เผยมีคำร้อง 113 คดี เลื่อนไปพิจารณาปีหน้า 39 คำร้อง ยุบไป 2 พรรคเล็ก พร้อมเร่งดูคดีกู้ 2 ล้านล้าน-ถอดยศ “อภิสิทธิ์” ยันถูกวิจารณ์ไม่กระทบการวินิจฉัย ระบุพอใจดำเนินคดีได้เร็วขึ้นสอดคล้องสถานการณ์ ยันแต่ละคดีต่างความซับซ้อนต้องใช้เวลาตามเหตุ

วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แถลงผลงานประจำปีของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ในรอบปี 2556 ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญ และแผนยุทธศาสตร์ตามวิสัยทัศน์ที่ว่าศาลรัฐรัฐธรรมนูญ ได้ยึดถือหลักนิติธรรม ค้ำจุนประชาธิปไตย ห่วงใยสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

โดยในรอบปี 2556 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องทั้งสิ้น 113 คำร้อง ซึ่งเป็นการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 18 ธ.ค. โดยมีคำร้องค้างพิจารณายกมาจากปี 2555 จำนวน 14 คำร้อง คำร้องที่รับไว้พิจารณาในปี 2556 มีจำนวน 99 คำร้อง และคำร้องค้างพิจารณาที่จะยกไปดำเนินการในปี 2557 มี 39 คำร้อง ส่วนคำร้องที่พิจารณาแล้วเสร็จมีจำนวน 74 คำร้อง โดยมีคำร้องสำคัญๆ อย่างเช่น การพิจารณาวินิจฉัยคำร้องที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของที่มาของ ส.ว.ที่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.และ ส.ว.312 คน ซึ่งมีอยู่ 3 คำร้อง โดยศาลได้พิจารณาในคราวเดียวกัน โดยศาลได้วินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งการจัดทำและเนื้อหา อีกทั้งยังมีการพิจารณากรณีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ที่เกี่ยวกับงบประมาณของสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงการพิจารณาสถานภาพการเป็นรัฐมนตรี ของนายวราเทพ รัตนากร รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรและสหกรณ์ จำนวน 1 คำร้อง ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าไม่สิ้นสภาพ

นายเชาวนะกล่าวอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญยังมีการวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง 2 พรรค คือ พรรคชีวิตที่ดีกว่า และพรรคพลังแผ่นดิน หรือพรรคพลังอาสามาตุภูมิ โดยมีคำสั่งให้ยุบ 2 พรรค ส่วนคำร้องอื่นที่เกี่ยวกับการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ที่เป็นการยื่นตรงจากประชาชน 21 คำร้อง ศาลไม่สามารถรับไว้พิจารณาไว้ได้ เนื่องจากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และคำร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 7 คำร้อง ประกอบด้วย คำร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 68 กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 และกรณีให้ศาลวินิจฉัยตามมาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1) ว่าร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

นายเชาวนะกล่าวต่อว่า ความคืบหน้าคำร้องในพิจารณาคำร้องว่าร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ขณะนี้ศาลก็ได้เร่งกระบวนการพิจารณาคำร้องอยู่ เพราะกรณีนี้มีความซับซ้อน ศาลจึงต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา ซึ่งขณะนี้ยังไม่อยู่ในขั้นที่เพียงพอต่อการพิจารณา ส่วนคำร้องที่เกี่ยวกับการพิจารณาสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่คาบเกี่ยวกับการดำเนินงานของศาลอื่นด้วย โดยศาลเองก็ต้องรอข้อมูล ข้อเท็จจริงมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม ส่วนการยุบสภาแล้ว นายอภิสิทธิ์ก็พ้นจากการเป็น ส.ส.แล้ว ศาลสามารถจำหน่ายคดีได้ออกหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณา

เมื่อถามว่า ในคำร้องดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญต้องรอให้มีคำวินิจฉัยของศาลปกครองออกมาใช่หรือไม่ นายเชาวนะกล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญต้องรอกระบวนการที่จะให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอย่างอื่นเพื่อมาประกอบการพิจารณา เพราะเป็นคดีที่ซับซ้อน และมีคาบเกี่ยวกับศาลอื่นด้วย ส่วนคำวินิจของศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาขัดแย้งกันหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ก็ต้องรอดูว่าจากนี้ไปจะต้องพิจารณาในเรื่องนี้อย่างไร ทั้งนี้ไม่ขอไปเร่งการทำงานของศาลปกครอง เพราะในทางปฏิบัติศาลจะไม่มีการไปก้าวล่วงอำนาจกัน

เมื่อถามถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับคำร้องเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่ของ ส.ว. จนมีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา นายเชาวนะกล่าวว่า ศาลเองก็มีหลักในการพิจารณา คือความยุติธรรม ความเป็นกลาง ยึดหลักรัฐธรรมนูญ ยึดหลักนิติธรรม ซึ่งความเห็นที่เหมือนหรือต่างนั้น ศาลก็เคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งการแสดงความคิดเห็นที่เหมือนหรือต่างจากศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีผลกระทบต่อการวินิจฉัยของศาลแต่อย่างใด เพราะศาลรักษาระเบียบแบบแผนกฎหมายของรัฐธรรมนูญไว้เป็นสำคัญ

ส่วนที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญมักจะถูกโยงเป็นคู่กรณีการขัดแย้งทางการเมืองนั้น นายเชาวนะกล่าวว่า ศาลเองเป็นองค์กรเยียวยาปัญหาข้อพิพาทในคดีซึ่งมีทั้งคดีที่เกี่ยวกับการเมืองหรือไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่ในการทำหน้าที่ของศาลก็ยึดหลักการดำรงนิติธรรม โดยรักษาเป้าหมายของความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนผลการพิจารณาของศาลจะออกมาในรูปแบบไหน มีผลต่อการเมืองอย่างไรนั้น ศาลคงไม่ไปคาดหมายหรือมีความเกี่ยวข้องในเป้าหมายทางการเมือง เพราะศาลมีส่วนในการกำหนดกรอบด้วยความชอบตามรัฐธรรมนูญ และยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลักในการพิจารณา

“ตลอดการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญก็มีความพอใจในการดำเนินคดี เพราะศาลได้เร่งรัดให้มีความรวดเร็ว และคดีที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบการบริหารราชการแผ่นดินในด้านต่างๆ ศาลก็สามารถทำได้ในเวลาที่ทัน และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแก้ไขเยียวยา ส่วนเรื่องของอุปสรรคในการทำงาน ศาลเองไม่มีการพูดการหยิบยกปัญหาอุปสรรคมาพูดกัน แต่กรณีของคดีที่มีความสำคัญ มีความซับซ้อนนั้น กระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงก็ต้องใช้เวลา เป็นไปตามเหตุผลในการพิจารณา เพื่อประโยชน์ของความยุติธรรม” นายเชาวนะกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น