xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กทหาร-กปปส. ถกแก้วิกฤต “ธนะศักดิ์” ยังกั๊กยืนข้าง ปชช. “สุเทพ” ย้ำ “ปู” ต้องออก พร้อมสู้เป็นปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผบ.เหล่าทัพ เชิญ กปปส.พร้อมองค์กรภาคเอกชนเสวนาหาทางออกวิกฤต “ธนะศักดิ์” ระบุให้ทุกฝ่ายเคารพกติกาเพื่อให้ประเทศเดินหน้า แต่ยังสวนท่าทีจะยืนข้างประชาชนหรือไม่ ขณะที่ “สุเทพ” ชี้ “ยิ่งลักษณ์” ลาออก ทุกอย่างจะราบรื่น ย้ำต้องปฎิรูปก่อนเลือกตั้ง มั่นใจมวลชนสู้ได้เป็นปี


ที่ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ กองบัญชาการกองทัพไทย วันนี้ (14 ธ.ค.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) จัดเวทีเสวนา “ความสงบสุขและประโยชน์สูงสุดของประเทศ” โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ นายทหารระดับสูง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) คณะกรรมการ กปปส. ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ จากสภาทนายความ นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายปริญญา เทวนฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมองค์กรภาคเอกชนอื่นๆ เข้าร่วม

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวเปิดการเสวนาตอนหนึ่งว่า ขอให้ทุกฝ่ายเคารพกติกาเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่กลับเข้าสู่วงจรเดิม ทุกฝ่ายที่เข้าร่วมการเสวนาในวันนี้ มีจิตใจที่รักชาติ และไม่มีใครคิดทำร้ายชาติ แม้จะมีแนวคิดที่ต่างกัน จึงขอให้บรรยากาศการเสวนาเป็นกันเองอย่างพี่น้อง และขอให้เวทีเสวนาเป็นสถานที่ปลอดความขัดแย้ง เพื่อให้ประเทศไปสู่ความรุ่งเรือง เป็นที่ชื่นชอบของเวทีโลก ซึ่งการเสวนาในวันนี้เป็นเพียงการนำพาแนวคิด อาจจะไม่สำเร็จในวันนี้

ผบ.สส.กล่าวว่า ในฐานะผู้นำสูงสุดของกองทัพมีความจำเป็นต้องปฏิบัติงานเพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตรย์ ปกป้องชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และรัฐธรรมนูญ ทหารถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และชีวิตทรัพย์สินประชาชน ไม่ได้ถูกออกแบบมาปราบจลาจล เรามีกำลังพลประมาณ 6 แสนคน และ 60% ของจำนวนนี้ถืออาวุธในมือ เพราะฉะนั้นจะทำอะไรต้องมีกฎกติกาบังคับ ทำตามใจไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นกองโจรขนาดใหญ่ จากนั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ได้ให้ผู้ที่เข้าร่วมเสวนาแสดงความคิดเห็น

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวว่า กปปส.ต้องการพบผู้นำเหล่าทัพเพื่อชี้แจงเจตนารมณ์ในการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน และเพื่อให้รู้ถึงวัตถุประสงค์หลักที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว แต่เมื่อเป็นเวทีเสวนาก็ไม่ขัดข้องอะไร

นายสุเทพ กล่าวว่า ที่เราออกมาเพราะต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยการเปลี่ยนแปลง เช่น การแก้ไขเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ต้องการให้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เพื่อเป็นหลักประกันว่า จะไม่เกิดการเลือกตั้งที่ทุจริต เกิดการซื้อสิทธิขายเสียง นอกจากนี้ต้องกำหนดกติกาในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันให้ได้ผล เช่น ความผิดด้านคอร์รัปชันต้องไม่มีอายุความ ซึ่งเป็นเรื่องที่สภาประชาชนต้องพิจารณาในรายละเอียด

นอกจากนี้ ต้องให้ประเทศนี้ยอมรับอำนาจประชาชนให้มากขึ้น มีการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง ต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องกระจายงบประมาณแผ่นดินอย่างยุติธรรม ต้องมีการปรับโครงสร้างตำรวจ โดยไม่ให้รวบรัดอำนาจอยู่ที่ ผบ.ตร.เพียงคนเดียว เพื่อไม่ให้ถูกนักการเมืองครอบงำ ซึ่งตำรวจจะต้องเป็นของประชาชน และการโยกย้ายจะต้องขึ้นอยู่กับประชาชน รวมทั้งต้องกำจัดระบอบทักษิณ เนื่องจากเป็นระบอบที่อยู่เหนือกฎหมาย

นอกจากนี้ ต้องมีการประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อช่วยเหลือคนจน และเพื่อไม่ให้มีการนำโครงการประชานิยมมาใช้ เช่น โครงการรับจำนำข้าว ที่ไม่ได้ประโยชน์แต่อย่างใด

นายสุเทพ กล่าวยืนยันว่า แนวทางการเคลื่อนไหวของ กปปส.ที่ผ่านมา เป็นการปฏิรูปการเมืองและให้การเมืองมีความบริสุทธิ์ ยุติธรรมมากขึ้น นี่คือมวลมหาประชาชน นี่คือประชาชน และเราจะทำให้ดีที่สุด และเมื่อทำเรื่องนี้สำเร็จ ตนจะไม่เล่นการเมืองแล้ว จึงมาบอกเรื่องนี้กับ ผบ.เหล่าทัพ

จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่บนเวทีซักถาม โดยนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนเราไม่เคยออกมา แต่ที่ออกมาในครั้งนี้เพราะสถานการณ์การเมือง หากไม่มีการชุมนุมสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างน่ากลัวอยู่แล้ว นอกจากนี้ เราประเมินว่ากลไกภาครัฐทำงานไม่ได้ ความขัดแย้งในสภา รวมถึงความขัดแย้งระหว่างสภากับศาลรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ทางตัน หากเดินไปสู่การเลือกตั้งแบบนี้ปัญหาจะตามมา และอาจจะรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น จึงเห็นว่าควรปฏิรูป แต่เราอยากให้การเปลี่ยนแปลงอยู่ในวิถีทางประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ง่ายนัก

ส่วนเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน 7 องค์กรเอกชนเห็นด้วยกับการต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งภาคธุริจตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เราทำมา 2 ปี แต่ล้มเหลวยิ่งทำยิ่งมีคอร์รัปชัน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคเอกชนเป็นองค์กรแรกๆ ที่มาพูดเรื่องนี้

ด้านนายปริญญา เทวนฤมิตรกุล กล่าวว่า ตอนที่ได้รับเชิญก็ไม่ทราบรูปแบบว่าเป็นอย่างไร แต่ที่ได้รับฟังจากกองทัพคือ ไม่อยากเห็นบ้านเมืองถอยหลังกลับไป ประเทศไทยเราก้าวมาถึงระดับประชาธิปไตยที่ประเทศทางยุโรปอเมริกาไปถึงมาแล้วก่อนเราคือ มีการถ่วงดุลเสียงข้างมาก จากนี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนจะใช้เสียงข้างมากทำตามใจไม่ได้ จึงถือเป็นโอกาสในการปฏิรูปประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

“ตอนนี้มีการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง 2 ก.พ. แล้ว สิ่งที่เราทำได้มีหลายแบบ สิ่งที่ผมจะเสนอคือ ในยุโรปกับอเมริกาในการทำประชามติควบคู่ในวันเลือกตั้งเสมอ ผมจึงเสนอให้ทำประชามติในวันเลือกตั้ง ในเรื่องต่างๆ เช่น การปฏิรูปประเทศ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องสภาประชาชน และรัฐบาลที่มาใหม่ ต้องผูกพันมติของประชาชน แต่การทำอาจจะต้องแก้กฎหมาย เพราะกฎหมายระบุว่า การทำประชามติต้องมีเวลา 90 วัน”

นายปริญญา วิงวอนทุกฝ่ายขอให้การแก้ปัญหาอยู่ในกรอบขอกฎหมาย และช่วยกันหาหนทางว่า จะมีทางไหนได้บ้าง เรื่องการเลือกตั้งไม่ใช่เป้าหมาย แต่ประชาธิปไตยตั้งอยู่บนพื้นฐานประชาชนทั้งหลายไม่ว่าจะยากดีมีจนเสมอภาคกัน วิธีตัดสินคือ 1 คน 1 เสียง เครื่องมือประชามติคือเครื่องมือตัดสินว่าทุกคนเท่ากัน

นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ ระบุว่า ในทางนิติศาสตร์บอก หากรัฐศาสตร์ไม่นิ่ง นิติศาสตร์ก็ยังไม่ทำงาน ตอนนี้รัฐศาสตร์ยังไม่นิ่ง ตามที่เคยร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราเคยวางกติกากับนักการเมืองที่ทุจริตกับรัฐบาล โดยเฉพาะเราเขียนเรื่องจริยธรรมลงไป แต่ที่บ้านเราขาดคือ เรื่องสปิริต หากเป็นบ้านอื่นเมืองอื่นลาออกนานแล้ว บ้านเราไม่ยอมรับศาล วงจรอำมหิตบ้านเรายังไม่ไปไหน หากยังไม่มีการปฏิรูปอย่างแท้จริง ตอนนี้เรื่องความดีความงาม กับการปรับปรุงโครงสร้างรัฐธรรมนูญ หากเราไม่สามารถบังคับใช้ได้ความหวังก็เป็นศูนย์

ผู้ดำเนินการเสวนาถาม กปปส.ว่า รัฐบาลของประชาชนที่ว่ามาจากที่ไหน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้บอกไปแล้วว่า มี 2 ทางคือ 1.นายกรัฐมนตรีลาออก นั่นเป็นวิธีที่เร็วที่สุด และ 2.ต้องเห็นประชาชนลุกขึ้นสู้หนักกว่านี้ ไม่ช้าจะเห็นคนออกมามากกว่า 10 ล้านคน ตนบอกเลยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีวันเกิดขึ้น ถึงเกิดก็ไม่มีวันสำเร็จ ส่วนการปฏิรูปจากทุกฝ่าย หากฝ่ายอื่นเสนอเราก็ยินดีรับ แต่ที่บอกว่า ไม่ต่อรองคือ ไม่ต่อรองกับระบอบทักษิณ

ผู้ดำเนินการเสวนาได้ถามว่า กปปส.จะยอมรับข้อเสนอของทุกๆ ฝ่ายได้หรือไม่ นายสุเทพ ย้ำว่า กปปส.ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอฝ่ายอื่นๆ แต่ปฏิเสธข้อเสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเป็นแค่การซื้อเวลาโดยหวังว่าจะทำให้ประชาชนออกมาชุมนุมน้อยลง แต่ครั้งนี้ประชาชนจะไม่ถอยแล้ว ส่วนความเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนได้บอกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ให้พรรคตัดสินใจตามที่พรรคเห็นสมควรได้เลย ส่วนตนก็จะตัดสินใจตามที่ฝ่ายประชาชนเห็นว่าเหมาะสม ต่างฝ่ายต่างอิสระ ตนไม่สามารถตอบแทนพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะลงเลือกตั้งหรือไม่ลงเลือกตั้ง ทั้งนี้ กปปส.เปิดกว้างตลอด โดยได้เชิญมวลชนคนเสื้อแดงมาร่วมด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับระบอบทักษิณ

ส่วนการดำเนินการตาม กปปส.อธิบายกับต่างชาติยากเรื่องประชาธิปไตย และจะทำอย่างไรให้นานาชาติยอมรับ นายสุเทพ กล่าวว่า เห็นใจคนชาติตะวันตก เพราะความหมายของเขาคือ การเลือกตั้ง แต่ความหมายของเราคือ การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ชาวตะวันตกเขาไม่เคยเจอแบบนี้ ประชาชนในยุโรปเคลื่อนไหว เขาก็เข้าข้างประชาชน แต่พอประเทศเราออกมาก็ตั้งข้อสงสัย

ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ได้ตั้งคำถามว่า แต่ละคนมีความเห็นเหมือนกันคือ รักชาติ อยากเห็นความสงบทำอย่างไรจะให้วินวิน ตอนตนเป็นเด็กถูกฝึกมาให้ทำงานอย่างมีระเบียบวินัย ทำงานเดินบนเส้นตรงเป๊ะ แต่พอโตมามีช่องทางคู่ขนาน ก็มีเด้งเชือก แต่ก็ต้องชกบนเวที ทำอย่างไรเราอยากให้สงบโดยเร็ว แต่จะทำอย่างไร เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมาแล้ว จะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์มากที่สุด จะใช้กรรมการอย่างไร มีสัญญาประชาคมอย่างไร มีคนบอกว่า กรุงโรมสร้างไม่เสร็จในวันเดียว แต่ถ้าสร้างเสร็จนาน อาจจะไม่มีคนอยู่

นายสุเทพ ตอบว่า ขอพูดตรงไปตรงมาแบบลูกผู้ชายด้วยกันว่า แค่ทำให้นายกฯ ลาออกจากการรักษาการก็พอ ทุกอย่างก็ราบรื่น เมื่อก่อนถ้าบ้านเมืองจะเกิดความเสียหาย ทหารก็ทำการปฏิวัติ เอารถถังมาจอดตามสี่แยก 3 ชั่วโมงก็จบ เขาทำเพราะเห็นแก่ชาติบ้านเมือง แต่วันนี้ทหารเป็นทหารสมัยใหม่ เป็นทหารประชาธิปไตย พวกท่านคงไม่ทำ แต่พวกเราก็ไม่ได้ต้องการให้ท่านปฏิวัติ แต่ท่านเป็นคนไทยท่านเลือกได้ ประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว หากข้าราชการยืนข้างประชาชน หยุดรับใช้รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม เรื่องจบทันที หากท่านตัดสินใจเร็ว ประชาชนแซ่ซ้องเป็นวีรบุรุษของประชาชน เราไม่ได้บีบบังคับท่าน แต่เรารอการตัดสินใจของท่าน

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าผมไปยืนอยู่กับท่าน ไม่ว่าจะมีปืน หรือไม่มีปืนก็เหมือนกัน” นายสุเทพ บอกกลับทันทีว่า “มาแต่ตัวครับไม่ต้องเอาปืนมา” ผบ.สส.ถามว่า แต่ละคนมีความคิดของตนเอง ทำอย่างไรจะเอามารวมกันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของประเทศไทย นายสุเทพ ตอบว่า วันนี้คนไทยต้องเลือก เพื่อตัดวงจรเลวร้ายออก สำหรับประชาชนเมื่อถึงวันนี้เราสู้ได้เป็นปี ตั้งแต่วันนี้เราสู้ได้เป็นปี และจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็อย่างที่บอกยิ่งยืดยาวก็กระทบเศรษฐกิจของประเทศ วันนี้ประชาชนต้องทำหลังจากนี้ต้องรอการตัดสินใจของท่าน

พล.อ.ธนะศักดิ์ ถามต่อว่า คำถามนี้จะตอบหรือไม่ก็ได้ ถือเป็นค่าเช่าสถานที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าใหญ่ และถือว่ากระทบกระทั่งกัน หากเป็นประเทศอื่นจะสูญเสียเยอะกว่านี้มากมาย นอกจากนี้ ทหาร ตำรวจ เราต้องใช้เขาในการป้องกันประเทศ ต้องขอบคุณทุกส่วน ไม่เฉพาะนายสุเทพ อีกส่วนก็เห็นต่าง หากทุกคนมาชนกันเอาไม้มาเคาะหน้าคนละทีก็เป็นเรื่องใหญ่ หากทำได้แบบที่ตนพูดก็วินวิน

“ลูกน้องทหาร ตำรวจที่ใช้ก็เป็นพี่น้องประชาชนเหมือนกัน เขาได้รับคำสั่งห้ามใช้อาวุธกับประชาชน ตอนที่มีความสุขคือ การเปิดแบริเออร์ และมากอดกัน”

ในตอนท้ายของการเสวนา พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ มือที่สามหากช่วยกันระวังป้องกันเหตุคาดไม่ถึงก็จะดีที่สุด นอกจากนี้ ลูกน้องตนที่ทำเนียบไม่มีไฟเสียบหุงข้าว อย่าให้ถึงขนาดต้องใช้ฟืนหุงข้าวเลย ส่วนเรื่องธงชาติ ตนนับถือธงชาติไม่อยากให้ใช้ธงชาติล้อมทำเนียบ เพราะตกมากะเรี่ยกะราดจะไม่ดี ถ้าติดเสาธงไม่เป็นไร

นายสุเทพ รับปากว่า เรื่องธงชาติเย็นวันนี้จะเรียบร้อยจะทำให้อยู่ในที่ที่สวยงาม ส่วนเรื่องตำรวจหากสั่งการได้ให้เขากลับบ้านเถอะ ที่เฝ้าอยู่เรายึดได้หมด หากจะทำทหารที่เฝ้าอยู่ตนก็ไม่เข้า ถ้าตำรวจกลับ ทหารอยู่หมวดเดียวก็พอ

ด้านายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชี้แจงว่า เหตุที่นำธงชาติไปติดรอบทำเนียบฯ เพราะอยากให้ทุกฝ่ายมีสำนึกรักชาติ และจะปรับเป็นริ้วให้สวยงาม ส่วนตำรวจในทำเนียบรัฐบาลที่ถูกล้อมไว้นั้น เพราะประชาชนอยากจะให้ตำรวจได้รู้สึกว่า ตอนที่ประชาชนโดนล้อม และตำรวจห้ามนำอาหารเข้าไปนั้นรู้สึกอย่างไร ทั้งนี้ ตนได้สั่งข้าวกล่องไปให้ตำรวจในทำเนียบฯ รับประทานแล้ว

ก่อนปิดการเสวนา ได้มีผู้เข้าร่วมซึ่งบอกว่าเป็นอาจารย์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย พยายามจะขอพูด โดยได้เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกฯ แต่ผู้ดำเนินการเสวนาบนเวทีได้ปิดการเสวนาไปก่อน
















กำลังโหลดความคิดเห็น