“นิติธร” ประกาศภารกิจสำเร็จ หลังยึดกระทรวงการต่างประเทศนอนค้าง 1 คืน สื่อสารต่างชาติรู้รัฐปูแดงหมดความชอบธรรมบริหารประเทศ พร้อมยุติความสัมพันธ์ด่วน ยันปฏิเสธคำสั่งรัฐ สั่งจัดทัพเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย ขนของออกพื้นที่ เผยใช้แค่ลานสระบัว ไม่มีบุกรุกอาคาร
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเวลา 10.50 น. บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ขณะนี้ ได้มีการตั้งขบวนที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศแล้ว โดยทางแกนนำได้ประกาศให้มวลชนเตรียมพร้อมเพื่อเคลื่อนขบวน แต่ทั้งนี้ยังไม่ระบุว่าจะไปที่ใด นายนิติธรกล่าวว่า การเข้ายึดพื้นที่กระทรวงการต่างประเทศ และปักหลักค้างคืนเป็นเวลา 1 คืนนั้น ถือว่า คปท.ทำภารกิจสำเร็จแล้ว ซึ่งภารกิจที่ว่าคือการมาสื่อสารให้ต่างประเทศรู้ว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ และเพื่อให้ต่างประเทศตรวจสอบรัฐบาลและยุติความสัมพันธ์ จนกว่าจะมีการแก้ไข ทาง คปท.พร้อมปฏิเสธการบริหารงานของรัฐบาลทุกรูปแบบ ส่วนท่าทีการเคลื่อนไหวต่อไปจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่กระทรวงการต่างประเทศทั้งหมด และช่วยกันเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อยดังเดิมด้วย อย่างไรก็ตาม การเข้ายึดพื้นที่นั้น มวลชนใช้พื้นที่แค่เพียงลานสระบัว ไม่มีการบุกรุกเข้าไปในอาคาร และไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ทางผู้ชุมนุมได้เดินทางออกจากกระทรวง มีรายงานว่าข้าราชการได้เดินทางมาสำรวจความเสียหายภายในพื้นที่ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มอบให้รองปลัดกระทรวงฯ ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.พญาไท
เวลา 11.30 น. มวลชน คปท.ได้เคลื่อนจากกระทรวงการต่างประเทศ เดินมาตามถนนศรีอยุธยา อยู่ที่แนวกั้นหน้าวัดเบญจมบพิตรฯ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้มาชุมนุมเมื่อวานนี้ โดยมีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลและการทำหน้าที่ของตำรวจ ขณะที่ทางตำรวจขอให้ผู้ชุมนุมกลับที่ตั้ง พร้อมระบุว่าตำรวจมาทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ต้องการใช้ความรุนแรงหรือปะทะกับมวลชน
เวลา 11.31 น. มวลชน กปท.นำโดย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกองทัพธรรม ได้เดินทางตามถนนราชดำเนินกลาง ไปยังกระทรวงมหาดไทย
เวลา 11.52 น. ขบวน คปท.ได้เดินทางออกจากแนวกั้นหน้าวัดเบญจมบพิตร เลี้ยวไปทางถนนพระราม 5 กลับสู่ที่ตั้งเวทีนางเลิ้งแล้ว โดยแกนนำระบุว่าจะมีการเคลื่อนไหวอีกครั้งหลังเที่ยงวัน
เวลา 12.11 น. มวลชน กปท.ได้เดินทางมาถึงหน้ากระทรวงมหาดไทยแล้ว โดย ร.ต.แซมดิน ประกาศ ให้ข้าราชการประจำกระทรวงออกจากกระทรวง โดยให้เวลาถึง 12.40 น. ถ้าไม่เช่นนั้นจะทำการปิดล้อม และตัดไฟ
เวลา 12.19 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ได้นำมวลชน คปท.ตั้งขบวนที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เตรียมเดินเท้าไปยังกระทรวงพลังงาน ถนนพระราม 1
เวลา 12.23 น.กปท.ได้ปิดล้อมทุกประตูรอบกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้ชุมนุมบางส่วนตะโกนต่อว่าให้ข้าราชการหยุดทำงานรับใช้นักการเมือง อย่างไรก็ตามมีรายงานเบื้องต้นว่า ผู้ชุมนุมจะล้อมกระทรวงไว้โดยไม่มีการบุกเข้าไปภายในพื้นที่
เวลา 12.56 น.มวลชนยังคงทยอยมาสมทบที่กระทรวงมหาดไทยต่อเนื่อง เช่นเดียวกับข้าราชการที่ทยอยเดินออกมาจากกระทรวงแต่โดยดี ด้าน พล.อ.ปรีชา ได้ประกาศว่า หากไม่มีใครออกมารับหนังสือจะปักหลักที่หน้ากระทรวงมหาดไทย โดยมีรายงานว่า ข้าราชการชั้นผู้น้อยได้เดินทางออกด้วยประตูด้านหลังเหลือเพียงอธิบดีกรมการปกครองที่ยังไม่ยอมย้ายออกไป จึงทำให้แกนนำตัดสินใจประกาศให้มวลชนปิดล้อมประตูเข้า-ออกทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลังข้าราชการและอาสาสมัครดูแลรักษาความปลอดภัยบางส่วนยังไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ แกนนำได้ประกาศปักหลักพักค้างคืนที่หน้ากระทรวงมหาดไทยในคืนนี้ ก่อนที่วันพรุ่งนี้จะมีการกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวต่อไป
ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณด้านหน้ากระทรวงมหาดไทยนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดูแลรักษาความปลอดภัยกระทรวงมหาดไทยจำนวนหนึ่ง ยืนตรึงกำลังตลอดแนวรั้วด้านหน้ากระทรวงมหาดไทย พร้อมรั้วลวดหนามที่ขึงไว้ที่ความสูงเท่ารั้ว
เวลา 13.10 น. ที่กระทรวงการคลัง เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเล็กน้อยหลังการ์ดผู้ชุมนุมได้ควบคุมตัวชายวัย 50 ปี ใส่เสื้อยืดพร้อมเสื้อคลุมสีแดงปักอักษร "พรรคไทยรักไทย" มาหลังเวทีปราศรัย ซึ่งถูกผู้ชุมนุมเป่านกหวีดใส่ และโห่ไล่ ขณะที่ชายคนดังกล่าวพยายามยกมือไหว้ ขณะที่แกนนำได้เชิญชายคนดังกล่าวออกจากพื้นที่ โดยขอร้องไม่ให้ผู้ชุมนุมทำร้าย ขณะที่ผู้ชุมนุมที่พักผ่อนอยู่ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผู้เข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมเวลานี้ ยังคงมีประชาชนทยอยเข้าร่วมการชุมนุมอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันบนเวทีปราศรัยมีการแสดงดนตรี สลับกับการปราศรัยจากตัวแทนผู้ชุมนุม
เวลา 14.10 น. มีรายงานว่า มีการตัดไฟที่กระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมารับหนังสือจากผู้ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมจากถนนราชดำเนินได้ทยอยมาสมทบเรื่อยๆ จนมีผู้ชุมนุมมากกว่า 3 พันคน ขณะเดียวกันได้รับรายงานว่า มีข้าราชการอีกกว่า 100 คน จะขอออกจากพื้นที่ แต่ทางแกนนำไม่ยินยอมเพราะถือว่าได้ล่วงเลยเวลาที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกันมาแล้ว
เวลา 14.13 น. มีรายงานว่า พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวน สน.พญาไท กำลังขอหมายจับ นายนิติธร นายอุทัย ยอดมณี นายอมร อมรรัตนนานนท์ ด้วยข้อกล่าวหา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืนและมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปและทำให้เสียทรัพย์ ประตูเลื่อนไฟฟ้าเสียหาย 4 บาน มูลค่าประมาณ 200,000 บาท
เวลา 14.30 น.ศาลอาญาได้พิจารณาคำร้องและหลักฐานของพนักงานสอบสวน อนุมัติให้ออกหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในคดีปิดล้อมสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ
เวลา 14.31 น.นายนิติธร และนายอุทัย เปิดเผยว่า กลุ่ม คปท. เตรียมร่างหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ในประเทศให้ทราบถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลและขอให้ประเทศต่างๆ ยุติการทำงานร่วมกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะประชาชนไม่ยอมรับ หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ซึ่งขณะนี้แกนนำอยู่ระหว่างหารือและเร่งดำเนินการ เพื่อเป็นการเคลื่อนไหวต่อเนื่องขับไล่ระบอบทักษินให้หมดสิ้น และล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทย ขณะเดียวกันหากมีข้อมูลว่ารัฐบาลเตรียมใช้กำลัง ความรุนแรงกับประชาชนนั้น ยืนยันว่า คปท. จะยกระดับการชุมนุมต่อทุกกรณี เพื่อต่อต้านความรุนแรงในทุกรูปแบบ
ส่วนกรณีที่ตำรวจออกหมายจับแกนนำ คปท. รวม3คน พร้อมเรียกค่าเสียหาย 2 แสนบาท กรณีที่นำมวลชนไปบุกยึดกระทรวงการต่างประเทศนั้น เห็นว่าตำรวจทำตามหน้าที่และพร้อมที่จะต่อสู้ในทุกคดี แต่ขณะนี้การขับไล่รัฐบาลมีความสำคัญกว่า ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าบุกยึกกระทรวงมหาดไทยนั้น เห็นว่าเป็นการต่อสู้แบบอารยะขัดขืน ไม่ยอมรับอำนาจรัฐ ผู้ชุมนุมจึงเข้าไปเชิญชวนข้าราชการหน่วยงานอารยะขัดขืนกับอำนาจรัฐด้วย
สำหรับ การแถลงข่าววันนี้ กลุ่ม คปท. ได้จัดให้มีการแถลงข่าวด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อสื่อสารไปยังนักข่าวต่างประเทศ ให้ทราบถึงวัตถุประสงค์การชุมนุมของกลุ่ม คปท.ว่าเป็นการต่อสู้คัดค้านไม่ยอมรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เวลา 15.00 น.นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ โฆษกกลุ่มต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมและขับไล่ระบอบทักษิณ กล่าวเน้นย้ำ หลักอหิงสา ปราศจาคอาวุธ ไม่กระทบต่อ ประชาชน และยืนยันว่า จะไม่รวมตัวกันไปยึดสนามบิน สถานีรถไฟ อย่างเด็ดขาด ส่วนกรณีที่ปรากฎภาพข่าวว่า มีการปะทะกันระหว่าง จนท.กับ ผู้ชุมนุม จากการตรวจสอบแล้ว พบว่า อาจเป็นความเข้าใจผิด ที่ว่า ตำรวจอาจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ทั้งนี้ อยาก เรียกร้องใหัทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างสงบ และยึดแนวทางสันติ
เวลา 15.15 น.มีรายงานว่านายสุเทพ จะแถลงจุดยืนและแผนการณ์หกโมงเย็นวันนี้ หลังจากที่ศาลอนุมัติหมายจับ
เวลา 15.39 น.ที่กระทรวงมหาดไทย แกนนำได้ประกาศบนเวทีปราศรัยว่า เจ้าหน้าที่เทคนิคได้ตัดไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมาตรการต่อไปจะดำเนินการตัดน้ำทันที พร้อมระบุว่าถ้าอยู่ได้ให้อยู่ไปอยากอยู่ในถ้ำให้อยู่ไป ขณะเดียวกันพื้นที่โดยรอบหน้ากระทรวงมหาดไทย ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ผู้ชุมนุมต่างหาที่ร่มเพื่อหลบพักแต่ส่วนหนึ่งก็ยังคงปักหลักชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงมหาดไทยโดยใช้อุปกรณ์เสริมอาทิ ร่ม เสื้อกันฝน มาคลุมศรีษะไว้ ส่วนรถปราศรัยก็ยังคงปราศรัยอยู่ตามปกติ
เวลา 16.47 น.ที่หน้ากระทรวงมหาดไทย หลังจากที่ฝนได้ตกลงมาสักระยะ จนกระทั่งเริ่มซาลง แกนนำก็ได้ขึ้นรถปราศรัยขอบคุณพี่น้องมวลชนที่มาร่วมสู้เพื่อชาติ ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ใส่เสื้อกันฝนยืนชุมนุมอย่างไม่ลดละ ทั้งนี้พบว่าจำนวน อส.ภายในกระทรวงเบาบางลงภายหลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ยอมปล่อยให้ข้าราชการออกมาจากภายในจนเหลือไม่กี่ร้อยคน โดยได้มีผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามเกลี่ยกล่อมให้ อส.มาร่วมชุมนุมด้วย
ขณะที่แกนนำได้ประกาศว่า นายวิบูลย์ สงวนพงษ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ประสานมายัง พล.อ.ปรีชา เพื่อขอเปิดโต๊ะเจรจา โดย พล.อ.ปรีชา ยืนยันว่าถ้ามีการเจรจาจะต้องทำตามเงื่อนไขของกลุ่มเท่านั้น และไม่ยอมอ่อนข้ออีก ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานว่าจะมีการเจรจากันเมื่อใด
เวลา 17.04 น.ที่กระทรวงการคลัง ภายหลังจากฝนหยุดตกบนเวทีปราศรัยยังคงไร้แกนนำหลัก เป็นเพียงการร้องเพลงปลุกใจมวลชน ซึ่งคาดว่าคงมีการหารือต่อคำสั่งศาลที่อนุมัติหมายจับนายสุเทพ
เวลา 18.00 น.นายสุเทพ ไม่แถลงข่าวประจำวัน แต่จะปราศรัยกับประชาชนในเวลา 20.00 น.แทน
เวลา 18.19 น.ผู้ชุมนุม กปท.ได้เคลื่อนออกจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว หลังจากที่ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เจรจากับ พล.อ.ปรีชา แกนนำ บนรถปราศรัย โดยทางแกนนำขอไม่ให้รับใช้รัฐบาล และไม่ให้ข้าราชการมาทำงานที่กระทรวง ด้านรองปลัดกระทรวงมหาดไทย รับปากจะไม่เปิดทำการที่กระทรวงจนกว่าสถานการณ์จะปกติ โดยผู้ชุมนุมพอใจ พร้อมระบุว่า หากยังพบว่ามีข้าราชการทำงานอยู่ก็จะเดินทางมาชุมนุมอีก จึงได้เดินทางกลับสู่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่ตั้งเดิม
ทั้งนี้ระหว่างที่มวลชนทยอยออกจากพื้นที่ได้มีการส่งข้าวกล่อง และน้ำดื่มให้กับอาสาสมัครฯ ภายในกระทรวงพร้อมโบกมืออำลาด้วย