รองโฆษก ปชป.ซัดนายกฯ อยู่ในโลกความจริงเลิกจินตนาการ เหตุมั่วลูกชายถูกเป่านกหวีด ฉะไม่โกหกก็ไม่ได้คุยกับลูกเลย แนะอย่าถูกเป่าหูง่าย ยาหมดควรสั่งเพิ่ม เชื่อมือก่อเหตุที่รามฯเพียบ จับ 2 คนจบไม่ได้ พร้อมเอาผิด จนท.เพิกเฉย หนุนก่อเหตุ ปชป.พร้อมแจ้งหลักฐานเพิ่ม ฉะโฆษก ศอ.รส.ไม่กรองข่าวก่อนแถลง ยั่วยุผู้ชุมนุม ไม่หยุดควรเปลี่ยนโฆษก
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลิกอยู่กับโลกจินตนาการ แล้วมาอยู่กับโลกความเป็นจริง ในกรณีที่ที่หาว่ามีการเปานกหวีดใส่ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชายตนเองในโรงเรียน ทั้งที่ไม่เป็นความจริงนั้น ถือเป็นเรื่องเสียหายมากเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นถึงผู้นำประเทศ และการออกมาปฏิเสธของโรงเรียนแสดงให้เห็นว่ามีแหล่งข่าวใกล้ตัวนายกฯ หรือหนังสือพิมพ์บางฉบับ ตนไม่อยากมองในแง่ร้ายว่าเป็นขบวนการจัดการสร้างข่าว แต่ถ้านายกฯไม่โกหกก็แสดงว่าไม่ได้คุยกับลูกตัวเองเลย เพราะเรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้นจริง สามารถซักถามบุตรชายได้อยู่แล้ว และคงไม่ใช่เหตุที่นั่งปั้นเรื่องให้บุตรชายมาแถลงอีก
“ขอให้นายกฯ เลิกอยู่กับโลกจินตนาการ มองโลกความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและฟังคนรอบข้างให้น้อยหน่อย หรือถ้ายาหมดก็รบกวนให้แพทย์สั่ง ผมคิดว่าอาการเหล่านี้ก็จะทุเลาลง และตั้งสติกลับมา เพื่อช่วยลูกชายให้โตขึ้นมาเป็นอนาคตของชาติที่มีเหตุผลไม่เป็นไปตามคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ทำมา”
นายณัฏฐ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ที่บริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแห่ง ที่ ศอ.รส.แถลงว่าเหตุการณ์สงบแล้ว แต่ข้อเท็จจริงยังมีการก่อเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น ในช่วงเช้ามีการเผารถตู้ 2 คัน และก่อเหตุประปราย ซึ่งจะต้องเร่งหาตัวผู้กระทำความผิดมาให้ได้ แม้จะมีการจับได้ 2 คนแล้ว แต่มีการอ้างว่าพกอาวุธปืนเพื่อป้องกันตัวแต่กลับมีกระสุนถึงร้อยนัดตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องการป้องกันตัวอย่างแน่นอน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการยิงทั้งอาวุธหนักและเบาตลอดคืน ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแน่นอน ยังมีผู้ก่อเหตุอีกจำนวนมาก จะบอกว่าจับสองคนแล้วทุกอย่างจบไม่ได้ นอกจากนี้ยังต้องดำเนินการเอาผิดลงโทษทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบบริเวณนั้นต่อการเพิกเฉย หรือส่งเสริมผู้ชุมนุมให้เกิดความรุนแรง เพราะพื้นที่ที่เกิดเหตุทาง ศอ.รส.บอกชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามทางพรรคจะทำการรวมรวบภาพถ่ายต่างๆ ในที่เกิดเหตุ เช่นมีการใช้รถตำรวจขนผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป
นอกจากนี้ การแถลงข่าวของ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ หรือ ศอ.รส. ดูเหมือนจะไม่เข้าในบทบาทว่าเป็นศูนย์รักษาความสงบ ไม่ใช่ศูนย์รักษาความวุ่นวาย เพราะข่าวที่ออกมาแถลงบางกรณีเป็นข่าวลือ และบางทีไม่ได้กลั่นกรองว่าสมควรออกมาแถลงหรือไม่ เช่นกรณีอ้างว่ามีการใช้แก็สน้ำตาเพราะมีการใช้ระเบิดปิงปองของกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน หรืออ้างเรื่องการรถควบคุมผู้ต้องหาหายไปเพราะผู้ชุมนุมนำไปก่อเหตุเป็นต้น แทนที่จะทำให้เหตุการณ์สงบกลับเป็นยั่วยุสร้างความไม่เป็นธรรมกับผู้ชุมนุม ตนเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรม หรือถ้าไม่หยุดก็ควรพิจารณาเปลี่ยนตัวโฆษกเพื่อไม่ให้เกิดข้อมูลคลาดเคลื่อนทำให้การชุมนุมครั้งนี้กลายเป็นความไม่ชอบธรรมจากฝ่ายรัฐบาล