หน.ปชป.ไม่กังวล เพื่อแม้วร้องยุบพรรค ยันไม่ได้ชิงอำนาจ แจงกิจกรรมพรรคไม่ยึดติดเวทีใด แต่ให้กำลังใจ “สุเทพ” พร้อมดูแลสิทธิมวลชน เชื่อ ปชช.เข้าใจบทบาททั้งนอก-ในสภา จับตารัฐคืนชีพแก้ รธน. ชี้ “สุเทพ-กรณ์” ปะทะคารม ผ่านไปแล้ว ขอให้ใจเย็น ย้ำเป้าหมายเดียวกัน ยันไม่ลอยแพ รับยุบสภาแก้ได้เปราะหนึ่ง อัด นายกฯ ไม่รับผิดชอบการกระทำ จี้จัดการเหตุมวลชนปะทะกันถ้าอยากให้สงบ เชื่ออยู่ยาก ลั่นเก็บ “สุเทพ” มีแกนนำพร้อมลุกขึ้นสู้เพียบ
วันนี้ (29 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยยื่นร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาพยายามช่วงชิงอำนาจไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญว่า ไม่กังวลอะไร เพราะเป็นนิสัยของพรรคเพื่อไทยที่ทำอย่างนี้มาตลอด ตนประกาศชัดแล้วว่าไม่มีการชิงอำนาจ พรรคทำตามกลไกรัฐธรรมนูญโดยกิจกรรมของพรรคที่จะทำต่อไปไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องทำร่วมกับเวทีราชดำเนินหรือเวทีใด แต่พร้อมเป็นกำลังใจให้กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มผู้ต่อต้านระบอบทักษิณ เราพร้อมดูแลความปลอดภัย คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนที่ร่วมชุมนุม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 29-30 พ.ย.หรือไม่นั้น ตอนนี้ตนยังไม่ทราบว่าเขาจัดในรูปแบบใด แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจดีถึงการทำงานของพรรคและนายสุเทพ โดยนายสุเทพและคณะลาออกจาก ส.ส.เพื่อความเป็นอิสระในการเคลื่อนไหว และพรรคก็ไม่ได้อยู่เฉย ต้องมีบทบาทของพรรค เพราะบางเรื่องพรรคต้องเป็นผู้ดำเนินการโดยตรง เช่น การถอดถอน และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และบางเรื่องเราก็เป็นผู้สนับสนุนและผู้ช่วย ซึ่งความจำเป็นในการดำรงสถานะ ส.ส.คือเรามีหน้าที่ เช่นคำร้องถอนถอน ส.ส.และ ส.ว.312 คน ที่ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย ถ้าเราหมดสภาพส.ส.ไป คำร้องนั้นก็หมดไปด้วย
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้เรากำลังจับตาดูอยู่ เพราะแม้จะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา ทำให้หลายคนคิดว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ 291 ยังใช้เวลาอีกนานที่จะกลับเข้าสู่ที่ประชุมสภา แต่เขาสามารถเอากลับเข้ามาได้ในเวลาอีก 2-3 สัปดาห์ ดังนั้นเราต้องประเมินว่าวิธีการใดที่จะช่วยให้การต่อสู้ของประชาชนประสบความสำเร็จมากที่สุด
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กับนายสุเทพว่า เรื่องผ่านไปแล้วไม่มีปัญหา แต่ได้ย้ำไปว่าต้องใจเย็นๆ ทุกคนอาจรู้สึกว่ากดดันว่าต่อสู้กันมาขณะนี้แล้วเหตุใดรัฐบาลยังไม่ตอบสนองจึงอาจหงุดหงิดไปบ้างเป็นธรรมดา ตนได้ย้ำในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่า เรามีเป้าหมายเดียวกันคือการปฏิรูปประเทศ แต่มีวิธีการเดินที่แตกต่างกัน ไม่ควรต่อว่ากันนายสุเทพ คิดว่าตัวเองกำลังทำงานใหญ่ระดับประเทศ ระดับโลก เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องหลัก ส่วนนายกรณ์ เป็นคนมองอนาคตไกลเกินกว่าที่จะมาติดกับเรื่องนี้ เป้าหลักวันนี้มีหน้าที่ชวนคนที่ยังไม่ออกมาให้ออกมาเดินด้วยกันให้มาก และต้องขจัดพวกที่อันธพาลที่ขวางไม่ได้เดิน ยืนยันไม่มีการลอยแพนายสุเทพ เห็นได้จากในเวทีต่างๆ ก็มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องตั้งหลักกันให้ดี วันนี้ ส.ส.ที่ต้องลาออกคือ ส.ส.ที่ทำผิด แต่ส.ส.ที่ยังไม่ลาออกกลับต้องคอยตอบคำถามว่าเหตุใดยังไม่ได้ลาออก แต่ใครจะมีความเห็นต่างกันอย่างไร แต่การเดินสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต้องเริ่มจากความรับผิดชอบของคนที่ทำผิดเสียก่อน กระบวนการการพุดคุยยังเกิดไม่ได้จนกว่าเงื่อนไขตรงนี้จะบรรลุ วันนี้ถ้าเราหยุดก็จะตกเป็นเหยื่อของรัฐบาล
เมื่อถามว่าอธิการบดีทั่วประเทศเสนอให้นายกฯยุบสภา เพื่อเป็นทางออกประเทศ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการเสนอทางออกที่สอดคล้องกับความรับผิดชอบ เพราะถือเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ได้ในเปราะหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่มวลชนจะพิจารณา ทั้งนี้การที่ปัญหาไม่สามารถคลี่คลายได้ เป็นเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขวางอยู่ ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบต่อความไม่ชอบธรรมที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง ถือเป็นการกระทำแบบตีสองหน้า พูดอย่างทำอย่าง จะเป็นการสร้างความแตกแยกทำให้ปัญหาบานปลาย เราหวังว่าสถานการณ์จะไม่มีการเผชิญหน้าถึงขั้นนองเลือดและคนที่จะขจัดตรงนี้ได้ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับผู้ต่อต้านระบอบทักษิณที่ จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ย.นั้น อยากเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการกับเรื่องแบบนี้ก่อน หากอยากเห็นความสงบในบ้านเมือง ไม่ใช่ไปเรียกร้องกับคนที่ใช้สันติวิธี ทั้งนี้ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ยาก ไม่สามารถผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศได้ รัฐบาลไม่ควรว่าคนอื่นอยู่กับเกมการเมือง เพราะตัวรัฐบาลเองที่อยู่กับเกมอำนาจและผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าหากนายสุเทพถูกจับตัวไป นายอภิสิทธิ์อาจจะขึ้นมาเป็นแกนนำมวลชนแทน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “เป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ใช่แต่นายอภิสิทธิ์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณสุเทพ วันนี้ผมไม่รู้ว่าจะมีแกนนำอีกกี่ร้อยกี่ล้านคนที่พร้อมขึ้นมา และต้องไปถามคุณสุเทพ ว่ามีทายาทหรือไม่ ถามผมไม่ได้ ผมรู้แต่ว่าการต่อสู้ที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำนึกที่ถูกปลุกขึ้น ความกล้าหาญที่ถูกปลดปล่อยแล้ว มาจากการเคลื่อนไหวของคุณสุเทพ มีชีวิตในตัวของมันเอง เพราะฉะนั้นไปทำอะไรกับคุณสุเทพ ไม่สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้หายไปได้ ไม่มีจบที่คุณสุเทพ เพราะสิ่งที่คุณสุเทพได้ทำมันมีพลังที่อยู่เหนือกว่าตัวคุณสุเทพ”