xs
xsm
sm
md
lg

ถ้า“มาร์ค-กรณ์”ชัดเจน สุเทพ เทือกสุบรรณก็จะปิดจ็อบได้ทันที / จิตตนาถ ลิ้มทองกุล

เผยแพร่:   โดย: จิตตนาถ ลิ้มทองกุล


ในยามสงครามรบทัพจับศึก เป้าหมายของปฏิบัติการในสมรภูมิต้องชัดเจน ในการถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณให้หมดโอกาสฟื้นกลับมาใหม่ก็เช่นเดียวกัน วิธีการเดียวที่จะยุติสงครามอันยืดเยื้อและการว่ายวนอยู่ในอ่างผลัดกันประท้วงไม่รู้จักจบสิ้นก็คือ "การปฏิรูปการเมือง" เท่านั้น

วันนี้คนที่ออกมาประท้วง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เริ่มแรกจนยืดหยัดอยู่ร่วมในปฏิบัติการชุมนุมที่ยกระดับอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่ได้ตกผลึกทางความคิดแล้วว่า การลาออกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือการประกาศยุบสภา ไม่ก่อให้เกิดผลใดๆ ต่อการกำจัดระบอบทักษิณที่ผ่านทางระบบทุนการเมืองในยุคปัจจุบันไปได้

เงื่อนไขการชุมนุมเพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้นถือว่าหมดไปตั้งแต่วุฒิสภาตีตกร่างแล้ว และการที่พรรครัฐบาลไม่รับคำตัดสินของศาลในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เท่ากับยอมรับว่าเป็นกบฏต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขโดยดุษฏี รัฐบาลและสภาในตอนนี้จึงเป็นรัฐบาลกบฏและสภาเถื่อนที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ดังนั้นการชุมนุมและการเคลื่อนไหวของมวลชนในวันนี้ จึงเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อขับไล่รัฐบาลกบฏ ปฏิวัติโดยประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย สร้างระบบการเมืองใหม่จากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

ขณะนี้นั้นปฏิบัติการขับไล่รัฐบาลกบฏและปฏิรูปประเทศไทยที่นำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ กำลังอยู่ในจุดที่ต้องการกำลังหนุนเพื่อนำไปสู่การประกาศชัยชนะที่เป็นรูปธรรมของการปฏิวัติโดยประชาชน อันมีด่านที่จะต้องผ่านไปให้ได้สามขั้นในการทำให้รัฐบาลนอมินีทักษิณหมดอำนาจในการปกครองประเทศไทย

ด่านแรก คือ มวลมหาประชาชนลุกฮืออารยะขัดขืนและขับไล่รัฐบาล
ด่านที่สอง คือ ข้าราชการพลเรือนปฏิเสธอำนาจการสั่งการของรัฐบาล
ด่านที่สาม คือ ข้าราชการตำรวจทหารถือว่ารัฐบาลเป็นกบฏและเข้าร่วมกับการปฏิวัติประชาชน

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในขณะนี้นั้น การเคลื่อนไหวของประชาชนยังคงติดอยู่ในด่านที่หนึ่ง และยังไม่สามารถทะลวงด่านที่สองได้ ถึงแม้จะมีข้าราชการบางส่วนทั่วประเทศตอบรับแต่ก็ยังคงไม่พอ อันที่จริงแล้วตอนนี้ด่านที่สำคัญที่สุดในการยกระดับคือด่่านที่สองซึ่งคือด่านข้าราชการ เพราะหากด่านสองผ่าน ด่านสามก็จะเปิดโล่งโดยอัตโนมัติ

เราจะเห็นว่า หัวใจสำคัญของการเคลื่อนไหวครั้งนี้คือ "ข้าราชการพลเรือน" ที่จะเป็นสะพานเชื่อมต่อไปยังข้าราชการตำรวจทหารที่กำลังรอสัญญาณอยู่

การจะให้ข้าราชการพลเรือนออกมาร่วมสู้ด้วยกับการปฏิเสธอำนาจรัฐอย่างเต็มที่นั้น เราจะต้องเข้าใจถึงข้อจำกัดของความเป็นข้าราชการก่อน ในเวลาราชการและสถานที่ราชการ บุคคลเหล่านั้น ไม่สามารถเคลื่อนไหวปฏิเสธคำสั่งจากรัฐบาลได้ เพราะจะมีโทษทางวินัยและสุ่มเสี่ยงต่อการโดนเช็กบิลย้อนหลังจากรัฐบาล

กุญแจสำคัญที่จะให้ข้าราชการพลเรือนซึ่งอาจลามไปถึงตำรวจทหารลุกขึ้นมาอย่างเต็มตัวได้คือการสร้างความมั่นใจและมีหลักประกันบางอย่างให้พวกเขาคุ้มค่าที่จะเสี่ยง

ดังนั้นไม่ว่าจะมองมุมไหนทั้งมิติของมวลมหาประชาชน ข้าราชการพลเรือน หรือตำรวจทหาร ตัวแปรสำคัญที่จะช่วยทะลวงจุดหยิม-ต๊กของการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ให้เปลี่ยนกล้ามเนื้อผลัดกระดูกเป็นม็อบไร้ต่อต้าน ม็อบไร้เทียมทาน ม็อบไร้พ่ายได้ รุกรุนแรงและปิดเกมอย่างรวดเร็วได้คือ "พรรคประชาธิปัตย์"

เพราะหากพรรคประชาธิปัตย์ประกาศให้ ส.ส.ลาออกทั้งพรรคเพื่อมาร่วมเคลื่อนไหวกับประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ไม่ยอมรับการลาออกและยุบสภา ปฏิเสธการเลือกตั้ง จะเกิดปฏิกริยาลูกโซ่อย่างรุนแรงจนสั่นสะเทือนทั้งสามด่านข้างต้น พร้อมกับเกิด “ซูเปอร์บิ๊กแบง” ทันที กล่าวคือ

เท่ากับเป็นการรองรับและสนุบสนุนผลการตัดสินของศาลภายใต้พระปรมาภิไธย และเป็นการตอกย้ำพรรครัฐบาลและสภาที่ไม่ยอมรับศาลว่าเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรไทย ขณะที่ในส่วนของด่านประชาชนก็จะทำให้การเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นเนื้อเดียวที่เป้าหมายปลายทางรวมกันเป็นจุดเดียว ไม่สับสน และประชาชนอีกเท่าทวีคูณพร้อมจะร่วมเคลื่อนไหวเมื่อเห็นนักการเมืองที่ตัวเองชื่นชอบมาร่วมต่อสู้ยืนหยัดกับประชาชนอย่างแท้จริง

ในส่วนของด่านข้าราชการพลเรือนก็สร้างความมั่นใจว่า เมื่อไม่มีการเลือกตั้งจนกว่าจะปฏิรูปทางการเมืองจากการปฏิวัติโดยประชาชนเกิดขึ้นสำเร็จ ก็ย่อมจะไม่ถูกรัฐบาลชุดนี้เช็กบิล เพราะคนที่จะถูกเช็กบิลแทนกลับจะกลายเป็นข้าราชการที่ทำตัวเป็นขี้ข้าพรรครัฐบาล แบบนี้ข้าราชการส่วนใหญ่ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ก็จะไม่มีชะนักติดหลัง พร้อมใจกันปฏิเสธอำนาจรัฐกันอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง

เมื่อรัฐบาลปกครองไม่ได้อีกต่อไป ตำรวจทหารก็ขานรับต่อได้โดยไม่ขัดต่อภาพลักษณ์ที่ต่างชาติจะมองว่าเป็นเผด็จการ เพราะเป็นทำตามความต้องการของประชาชน และข้าราชการทั่วประเทศในการไม่รับอำนาจรัฐบาลที่กบฏต่อสถาบันฯ

"การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลาออก จึงไม่ใช่ยุทธศาสตร์การเดินสองขาคู่ขนานอย่างที่มีการพยายามแก้ต่างกัน เพราะเท่ากับเป็นการรับประกันความชอบธรรมให้แก่สภาและรัฐบาลที่ปฏิเสธการตัดสินของศาล พร้อมกับยอมเปิดทางให้มีการเลือกตั้งหากรัฐบาลจะเพลี่ยงพล้ำยุบสภาหนี ส่งผลผลักให้กองทัพประชาชนที่ชุมนุมอยู่ในปัจจุบันกลายเป็นม็อบผิดกฏหมายในทันที"

วันนี้หากภาคประชาชนจะชนะ พรรคประชาธิปัตย์ควรจะร่วมด้วย เพราะยุทธศาสตร์แยกกันตีได้ใช้ไปแล้วในเวลาที่เหมาะสมของมันและเงื่อนไขเหล่านั้นก็ได้ผ่านไปแล้ว ทั้งการอภิปรายในสภา ทั้งวุติสภา และศาล ตอนนี้ยุทธศาสตร์ที่ต้องใช้คือการทุบหม้อข้าวเข้าตีเมืองจันทน์ของพระเจ้าตาก และการรวมทัพเข้าสู้ข้าศึกเหมือนสมัยสงครามเก้าทัพ

ทั้งนี้ประชาชนทั้งประเทศพากันทำตามสโลแกนที่เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์แล้วว่า"ประชาชนต้องมาก่อน"
คราวนี้ก็อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะตอบรับในการเป็นหัวรบนิวเคลียร์ติดบนขีปนาวุธของประชาชนในการกำจัดระบอบทักษิณในครั้งนี้หรือเปล่า

หรืออย่างน้อยหากพรรคประชาธิปัตย์จะยังยึดมั่นในแนวคิดอนุรักษ์นิยมของตนต่อไปโดยไม่ให้ ส.ส.ของพรรคทั้งพรรคลาออก ก็ยังสามารถเดินสองขาตามที่ตนเองถนัดได้โดยการให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายกรณ์ จาติกวณิช ที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของพรรคในปัจจุบันตัดสินใจส่วนตัวลาออกจาก ส.ส.เข้ามาร่วมขบวนกับประชาชนอย่างเต็มตัว ก็จะส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาทางสังคมได้เกือบจะเทียบเท่า ส.ส.ทั้งพรรคลาออก ในขณะที่ผู้อาวุโสของพรรคอย่างนายชวน หลีกภัยและนายบัญญัติ บรรณทัดฐานยังคงจะเป็นเสาหลักให้พรรคต่อไปได้

เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกรณ์ จาติกวณิช นั้นเป็นที่ชื่นชอบของมวลชนจำนวนไม่น้อย จึงควรจะแสดงความชัดเจนในการนำประชาชนไม้ให้สับสนในเป้าหมาย "ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเหมือนการเดินประท้วงในม็อบของประชาชนที่กำลังปฏิวัติไล่รัฐบาลกบฏแต่ตนเองกลับเป็นส่วนที่ยังรับรองสถานะของรัฐบาลอยู่อันส่งผลให้ม็อบที่ตัวเองนำเป็นกบฏเสียเอง และตัวเองก็ยังเป็น ส.ส.จึงอาจส่งผลกระทบมาสู่พรรคประชาธิปัตย์ให้ถูกยุบพรรคต่อไปได้"

อย่างไรก็ดีการปฏิวัติประชาชนครั้งนี้ที่มีด่านทั้งสามที่กล่าวมาข้างต้นเป็นกับดักที่ต้องจบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะถ้ายิ่งยืดเยื้อก็จะยิ่งเสียเปรียบ หรือถ้าผ่านด่านที่สองคือด่านข้าราชการพลเรือนไปไม่ได้ก็อาจสุ่มเสี่ยงถึงมีการนองเลือด ดังนั้นถ้าเอาประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ยังไม่สายที่พรรคประชาธิปัตย์ หรือ อภิสิทธิ์และกรณ์จะเข้าร่วมกับมวลมหาประชาชนแปรสภาพเป็นอาวุธอันทรงพลานุภาพช่วย สุเทพ เทือกสุบรรณ ทะลวงด่านเป็นตายทั้งสามด่านปฏิรูปประเทศไทย เพื่อคนไทยทุกคน

แล้ววันนั้นมีหรือที่คนไทยจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์หรือต้องการนายกที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือกรณ์ จาติกวณิช


กำลังโหลดความคิดเห็น