xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” ลั่นปิดเกม 1-2 วันนี้ ซัด “กรณ์” หุบปากอย่าขวางการต่อสู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุเทพ” ลั่นปิดเกม 1-2 วันนี้ วอนประชาชนต้องออกมาให้มากกว่าล้านคน สั่งเตรียมพร้อมพรุ่งนี้ (29 พ.ย.) อาจประกาศแผนปฏิบัติการแล้วลงมือทันที เตือน “กรณ์” หุบปาก อย่าพูดขวางการต่อสู้ของมวลชน ไม่เช่นนั้นชีวิตจะลำบาก ยันไม่มีพรรคการเมืองไหนมาสั่งได้อีกต่อไป พร้อมโต้ “ปู” แหลบอกไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งๆที่มีแผนซุ่มยิงแกนนำ ย้ำไม่เจรจา เดินหน้าขจัดระบอบทักษิณเท่านั้น



วันนี้ (28 พ.ย.) เมื่อเวลา 21.12 น. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวปราศรัย ว่า เวลาที่เราจะปิดเกมต่อสู้จะมาถึง 1-2 วันนี้ ตนเป็นผู้เขียนบทปฏิบัติการร่วมกับแกนนำ ส่วนหลวงปู่พุทธะอิสระจะระดมกำลังคน 1-2 วันนี้ รู้แจ้งห็นจริง ไม่ใครก็ใครต้องไปกันข้างหนึ่ง ถ้าทำสำเร็จจะมีสภาประชาชนและรัฐบาลประชาชนเกิดขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจนำประเทศไทยไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างสมบูรณ์แบบแท้จริง ซึ่งเป้าหมายจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อการปฏิบัติการคราวนี้สามารถกำจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้่นไปจากแผ่นดินไทยเสียก่อน ซึ่งการปฏิบัติการคราวนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาร่วมกัน อย่างที่ลวงปู่พุทธะอิสระชักชวนว่าต้องมาให้เกิน 1 ล้านคน

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ตนและแกนนำได้ตัดสินใจแล้วว่าเรื่องนี้ต้องจบเร็วที่สุด ไม่อยากเห็นนายกฯ ไปทำอะไรที่บาดตาบาดใจอีกต่อไป การร่วมมือร่วมใจคราวนี้ต้องยิ่งใหญ่จริงๆ และลงมือปฏิบัติการอย่างจริงจัง แล้วจะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เห็นพระคุณเจ้าเดินนำขบวน จะรอดูถ้าคนมามากมากจริงอย่างที่ตั้งความหวัง ตนจะพูดเรื่องแผนปฏิบัติการในพรุ่งนี้ พูดเสร็จอาจลงมือปฏิบัติการทันที พี่น้องต้องมีรองเท้าผ้าใบ กับใจถึงๆ

ส่วนกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช แสดงท่าทีต่อสาธารณะว่าไม่เห็นด้วยต่อการที่ผู้ชุมนุมบุกยึดกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ และไม่สบายใจในกลยุทธ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม นายสุเทพกล่าวว่า ต้องขออนุญาตกราบเรียนว่า นายกรณ์มีสิทธิเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม แต่ต้องกราบเรียนพร้อมกันไปว่าผู้ชุมนุมเราก็มีสิทธิร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกันที่จะดำเนินการใดๆเพื่อชัยชนะของประชาชน ผู้ชุมนุมทุกคนและแกนนำทุกคนไม่มีใครติดหนี้นายกรณ์ ไม่เคยได้รับการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลใดๆจากนายกรณ์ทั้งสิ้น และนายกรณ์ไม่ได้เป็นแกนนำ การดำเนินการใดๆของผู้ชุมนุมเป็นไปตามมติมวลมหาประชาชน ให้เข้าใจว่าผู้ชุมนุมที่นี่มีสติปัญญาของตัวเอง

ที่นายกรณ์บอกว่าไม่สบายใจในกลยุทธ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมก็ชักไม่สบายใจในท่าทีของนายกรณ์เช่นกัน ในฐานะแกนนำ ตนรู้สึกดีใจ และโชคดีมากที่ไม่ได้รับนายกรณ์มาเป็นแกนนำในการชุมนุมครั้งนี้แต่ต้น ส่วนที่นายกรณ์บอกว่าพยายามพูดคุยกับผู้รับผิดชอบ กราบเรียนว่าการยึดกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ตนนำเอง เพราะรู้ดีว่าสุ่มเสี่ยงต่อการถูกข้อหา ตนไม่เคยปรึกษานายกรณ์เพราะเห็นว่าไม่ใช่คนสำคัญถึงขั้นต้องปรึกษาด้วย เพราะแม้ว่าเป็นผู้มีความรู้มากจบจากออกซฟอร์ด แต่เทียบกับคนจบรุ่นหลังอย่างนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อายุยังน้อยแต่ยอมลาออกมาต่อสู้ พร้อมเผชิญกับข้อหากบฏ ตนย่อมสนใจที่จะปรึกษานายเอกนัฏมากกว่า

ขอโทษจริงๆ ที่ต้องเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะว่าเวลาปฏิบัติการกระชั้นเข้ามา ถ้ามีกรณีมาพูดอย่างนายกรณ์บ่อยๆ จะกระทบต่อการร่วมแรงแข็งขันของพี่น้องประชาชน ตรงนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าแกนนำ 9 คน แม้เคยสังกัดพรรคการเมืองเดียวกัน แต่เมื่อลาออกแล้วถือว่าการกระทำต่อไปนี้ มุ่งหน้าเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ไม่สนใจพรรคการเมืองอีกต่อไป แกนนำทั้ง 9 คนไม่ทำตามคำสั่งใคร นอกจากมวลมหาประชาชนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่เท่านั้น พรรคการเมืองก็มาสั่งเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้จนปฏิบัติการเสร็จอย่าออกมาพูดอะไรอีก ไม่งั้นนายกรณ์จะลำบากมากในชีวิต

นายสุเทพยังกล่าวตอบโต้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยว่า บอกว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งที่วันก่อนสั่งตำรวจสลายการชุมนุมที่กระทรวงการคลัง คิดอ่านวางแผนถึงขั้นดักจับนายเอกนัฏ เพื่อเป็นตัวประกันให้ตนเอาตัวเองไปแลก ถ้าไม่มีพี่น้องประชาชนมาช่วยปกป้องมวลชนที่กระทรวงการคลังป่านนี้การชุมนุมสลายไปแล้ว แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังจะมาลอยหน้าลอยตาว่าไม่ทำรุนแรง

นอกจากนี้ คุณหญิงพจมานได้เรียกนายทหารโดยเฉพาะชุดปฏิบัติการของหน่วยบัญชาการทหารอากาศโยธิน กองปฏิบัติการพิเศษ กองพันที่ 2 และมอบภารกิจให้จับกุม หรือทำให้ตาย คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นคนแรก และแกนนำคนอื่นๆ เป็นลำดับต่อไป นี่คือคำตอบคำแถลงของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ปากบอกว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่ที่วางแผนและสั่งการเป็นไปลักษณะนี้ทั้งสิ้น ปากกับใจไม่ตรงกัน เขาจึงเรียกว่า อีตอแหล

ที่นายกฯ บอกจะเปิดเวทีให้พูดคุยกัน ตนไม่เจรจา ไม่ต่อรองอะไรทั้งนั้น เพราะมีเรื่องเดียวคือระบอบทักษิณต้องหมดสิ้นจากแผ่นดินไทย ส่วนที่อ้างเรื่องเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ไม่ต้องมาสอน เพราะพวกเราจงรักภักดีกว่าพวกคุณ และจะประกาศให้รู้ว่ามวลมหาประชาชนจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติให้ยิ่งใหญ่กว่าที่รัฐบาลทำ

คำต่อคำ : “สุเทพ” ปราศรัย วันที่ 28 พ.ย. 2556

สุเทพ - ไชโย ไชโย ไชโย เชิญพี่น้องนั่งได้ครับ กราบนมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องผู้รักชาติรักแผ่นดินที่ได้ยืนเคียงข้างเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ร่วมกันมาตั้งแต่เวทีสามเสน เวทีราชดำเนิน เวทีกระทรวงการคลัง และเวทีที่ศูนย์ราชการแห่งนี้ รวมทั้งที่เวทีคู่ขนานทั่วประเทศ และในหลายประเทศทั่วโลก ผมขอกราบคารวะท่านผู้มีวิญญาณรักอันยิ่งใหญ่ มีอุดมการณ์เดียวกันด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ ไม่มีครั้งไหนๆ ในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของพี่น้องประชาชนชาวไทยที่จะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เราได้ต่อสู้ร่วมกันด้วยความมุ่งมั่นด้วยความอดทน และเวลาที่เราจะปิดเกมต่อสู้จะมาถึงในวันสองวันนี้

ผมเป็นผู้เขียนแผนปฏิบัติการร่วมกับบรรดาแกนนำ หลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นผู้ระดมกำลังพลวันสองวันนี้รู้แจ้งเห็นจริงไม่ใครก็ใครไปกันข้างหนึ่ง ถ้าเราปฏิบัติการได้สำเร็จก็จะมีสภาประชาชนเกิดขึ้น มีรัฐบาลของประชาชนเกิดขึ้น ทั้งสภาประชาชน และรัฐบาลประชาชนจะปฏิบัติภารกิจ เพื่อที่จะนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างสมบูรณ์แบบ แท้จริง ซึ่งกระผมได้กราบเรียนถึงเป้าหมาย ถึงแนวทางที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ที่จะต้องมีการปฏิรูปไปแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อการปฏิบัติการคราวนี้ สามารถขจัดระบอบทักษิณหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยเสียก่อน ปฏิบัติการคราวนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาร่วมกัน ผมจึงขอกราบเรียนขยายความว่า ที่หลวงปู่ได้ชักชวนให้มากันมากๆ มากันมากกว่าล้าน เป็น 2 ล้าน 3 ล้านก็สุดแล้วแต่ นั่นคือจำนวนของคนที่ต้องตัดสินใจว่า ออกมาเพื่อปฏิบัติการให้สำเร็จ ไม่ใช่มานั่งคุยกันเฉยๆ แล้วกลับบ้านนอน ถ้าปฏิบัติการร่วมกันได้ โดยคนเป็นล้านๆ คนอย่างที่ว่า ระบอบทักษิณก็จะหมดสิ้นไปจากประเทศไทยตลอดกาล และเราจะได้สร้างชาติที่สมบูรณ์กันเสียที แต่ถ้าท่านไม่มาปฏิบัติการนี้ก็จะล้มเหลว จะมีพระคุณเจ้าองค์หนึ่งถูกปล้นจีวร และเข้าคุกแน่นอน ผมก็จะได้ไปเรียนวิปัสสนากรรมฐาน วิชาทำสมาธิกับพระที่ไม่ได้ห่มจีวรอยู่แล้วในห้องขังใกล้ๆ กัน แต่ทั้งหลวงปู่ และตัวกระผม พร้อมทั้งแกนนำทั้งหลาย ตัดสินใจแล้วว่า เรื่องนี้ ต้องจบเร็วที่สุด ไม่อยากเห็นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไปทำอะไรที่บาดตาบาดใจอีกต่อไป การร่วมแรงร่วมใจของพวกเราคราวนี้ จึงต้องเป็นการร่วมแรงร่วมใจที่ยิ่งใหญ่จริงๆ และลงมือปฏิบัติการด้วยกันอย่างจริงจัง จะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เห็นพระคุณเจ้าเดินนำขบวน

พี่น้องทั้งหลายจะว่ายังไม่ถึงศุกร์ดี อาจจะต้องเป็นคืนพรุ่งนี้ เราจะคุยกันแผนปฏิบัติการดูจำนวนที่มามากจริง อย่างที่หลวงปู่ได้ตั้งความหวังไว้หรือไม่ ผมจะเก็บไว้เรื่องแผนปฏิบัติการที่ว่านั้นในคืนพรุ่งนี้ พูดเสร็จก็อาจจะลงมือปฏิบัติกันทันที พี่น้องก็ต้องมีรองเท้าผ้าใบนะครับ รองเท้าผ้าใบกับใจถึงๆ แบบที่คุณนิติธร ล้ำเหลือ เขาท่องบ่อยๆ แต่เที่ยวนี้ถ้าไม่มีญาติก็ควรจะเอามาด้วย เพราะจะได้ใส่ผ้าขนหนู จะได้ใส่ขวดน้ำ และจะได้ใส่ข้าวห่อไปด้วย

คราวนี้ถ้าแพ้ก็ไม่คิดจะซัดทอดใคร โดยเฉพาะพระคุณเจ้า แต่ดูแล้วผมไม่ต้องซัดทอด ถ้าแพ้พระคุณเจ้าไม่รอดแน่นอน เพราะท่านพูดออกมาเองหมดแล้วไม่รอดแน่นอน

พี่น้องทั้งหลาย นอกจากใจของกำนันแล้ว ยังมีใจของพระคุณเจ้ามาวางรอท่านอยู่ที่นี่แล้ว ตัดสินใจกันเองก็แล้วกัน ถามใจท่านเองแล้วกัน ออกมา ออกมา ออกมา

วันนี้ เมื่อยังไม่พูดถึงแผนปฏิบัติการ เพราะพูดถึงต้องลงมือทันที ผมขออนุญาตพี่น้อง พูดถึงการแสดงแถลงการณ์ของคนสองคน ที่อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจความคิด ความอ่าน ของพี่น้องทั้งหลาย คนแรกที่ผมต้องพูดถึงคือ คุณกรณ์ จาติกวณิชว่า จะไม่พูดก็ไม่ได้ เพราะคุณกรณ์ จาติกวณิช ก็เป็นคนมีชื่อเสียง และคุณกรณ์ จาติกวณิช ก็ใช้ชื่อเสียง ศักดิ์ศรีของท่าน แสดงท่าทีต่อสาธารณะเกี่ยวกับการชุมนุมของพวกเรา เกี่ยวกับการกระทำของผู้ชุมนุมคือ เราทั้งหลาย

ประการแรก คุณกรณ์ จาติกวณิช ได้แสดงชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้ชุมนุมเข้าไปยึดกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ

ประการที่ 2 คุณกรณ์ จาติกวณิช ได้แสดงความไม่สบายใจกับกลยุทธ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม และประการที่ 3 คุณกรณ์ จาติกวณิช ได้บอกกับสาธารณชนว่า ได้พยายามพูดคุยกับผู้ที่รับผิดชอบว่า ต้องรักษากฎเกณฑ์การชุมนุม พี่น้องหลายคนไต่ถามผมมากว่า ทำไมเป็นอย่างนี้ วันนี้หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เอาไปเขียนละเลงกันใหญ่โต ผมจึงต้องขออนุญาตกราบเรียนทำความเข้าใจกับพี่น้องอย่างนี้ครับว่า คุณกรณ์ จาติกวณิช มีสิทธิ์เต็มที่ 100% ที่จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำใดๆ ของพวกเราผู้ชุมนุม แต่ต้องกราบเรียนพร้อมกันไปว่า ผู้ชุมนุมอย่างพวกเรามีสิทธิ 100% เหมือนกัน ที่จะตัดสินใจดำเนินการใดๆ ที่เห็นว่า เป็นความจำเป็นที่จะทำให้เกิดความสำเร็จในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ เพื่อให้บรรลุชัยชนะของประชาชน

ผู้ชุมนุมทุกคน แกนนำทุกคนไม่มีใครติดหนี้อะไรคุณกรณ์ จาติกวณิช ไม่เคยได้รับการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลใดๆ จากคุณกรณ์ ในการชุมนุมครั้งนี้แต่ประการใดทั้งสิ้น คุณกรณ์ จาติกวณิช ก็ไม่ได้เป็นแกนนำของการชุมนุมคราวนี้ การดำเนินการใดๆ ของผู้ชุมนุมเป็นไปตามมติของมวลมหาประชาชน ผู้ชุมนุมคือมวลมหาประชาชน ให้เข้าใจว่าผู้ชุมนุมที่นี่มีสติ มีปัญญา มีความคิดของตัวเอง ไม่ใช่แบบคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย ที่ต้องมีคนคิดให้ แล้วถึงทำอะไรเป็น อย่างที่เรียกว่า ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ อย่างนั้น แต่นี่เป็นมวลมหาประชาชนชาวไทย คิดเองเป็น ตัดสินใจเป็น เมื่อมวลมหาประชาชนชี้นำว่า จะไปทางไหน พวกผมแกนนำก็ปฏิบัติตามไปในทิศทางนั้น หลังจากที่ได้ซักซ้อมแล้วเป็นขั้นเป็นตอนทุกครั้ง

คุณกรณ์ จาติกวณิช บอกว่าไม่สบายใจกับกลยุทธ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม ผมต้องขอบอกว่า กลุ่มผู้ชุมนุมก็ชักจะไม่สบายใจกับท่าทีของคุณกรณ์แล้วเหมือนกัน ในฐานะแกนนำ พวกผมที่เป็นแกนนำ รู้สึกดีใจ รู้สึกว่า โชคดีมากที่ไม่ได้รับคุณกรณ์เข้ามาเป็นแกนนำ ในการชุมนุมครั้งนี้ด้วยตั้งแต่ต้น ส่วนที่คุณกรณ์ บอกสาธารณชนว่า ได้พยายามพูดคุยกับผู้รับผิดชอบว่า ต้องรักษากฎเกณฑ์การชุมนุม ผมขอเรียนให้พี่น้องได้เข้าใจว่า การนำผู้ชุมนุมไปยึดพื้นที่กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณนั้น กระผมไปผู้นำไปด้วยตัวเอง เพราะตระหนักดีว่า ปฏิบัติการนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการถูกตั้งข้อหาอย่างที่ถูกออกหมายมาแล้ว ผมรู้อยู่ก่อนแล้วกราบเรียนพระคุณเจ้าแล้ว แต่พระคุณเจ้ายังยุให้ผมไปทำ ผมไม่เคยไปปรึกษาคุณกรณ์ เพราะผมก็คิดว่า คุณกรณ์ไม่ได้มีความสำคัญถึงขนาดที่ผมจะต้องไปปรึกษาด้วย เพราะแม้ว่าคุณกรณ์จะเป็นผู้มีความรู้มาก จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด แต่ผมคิดว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผมที่จบอ๊อกซ์ฟอร์ด รุ่นหลังอย่างคุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ผมคิดว่าคุณเอกนัฏอายุเพียง 27 ปี ยอมลาออกจาก ส.ส. ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กับพี่น้อง พร้อมผจญข้อหากบฏ

ผมย่อมให้ความสนใจรับฟังคำปรึกษาคำแนะนำของคนอายุน้อยอย่างคุณเอกนัฏ มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับคุณกรณ์ จาติกวณิชอย่างนี้โกรธผมไม่ได้ ต้องขอโทษพี่น้องจริงๆ ที่ต้องเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะผมกลัวว่า เวลาที่เราจะต้องปฏิบัติการมันกระชั้นเข้ามาแล้ว ถ้ามีคนอย่างคุณกรณ์ออกมาพูดในทำนองนี้บ่อยๆ ก็จะกระทบต่อการร่วมแรงแข่งขันของพี่น้องประชาชน ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ตรงนี้จะเป็นหลักฐานชัดเจนว่า พวกผมที่เป็นแกนนำ 9 คน แม้จะเคยสังกัดอยู่ในพรรคการเมืองเดียวกับคุณกรณ์ แต่เมื่อเราลาออกจาก ส.ส.แล้ว ถือว่าการตัดสินใจ และการกระทำใดๆ ของเราต่อไปนี้ เรามุ่งหน้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่สนใจพรรคการเมืองอีกต่อไป

ขอเรียนซ้ำอีกว่า แกนนำทั้ง 9 คน จะไม่ทำตามคำสั่งใคร นอกจากคำสั่งของมวลมหาประชาชนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเท่านั้น พรรคการเมืองก็มาสั่งเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราฟังคำสั่งมวลมหาประชาชนเท่านั้น ขอย้ำ ไม่อยากพูดมากกว่านี้ เพราะเดี๋ยวจะมีคนเจ็บเกินไป ก็ขอเตือนคุณกรณ์ จาติกวณิชว่า ตั้งแต่วันนี้ จนวันที่พวกผมปฏิบัติการเสร็จ อย่าออกมาพูดอะไรอีก มิฉะนั้น คุณกรณ์ จาติกวณิช จะลำบากมากในชีวิต อันที่จริง เคยมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบใจ ไม่เห็นด้วย กับกลยุทธ์ กับการปฏิบัติการของพวกเรามวลมหาประชาชน ยกตัวอย่างเช่น คุณตัน เจ้าของสินค้า อิชิตัน เป็นต้น ถ้าคุณกรณ์ จาติกวณิช อยากรู้ว่า คุณตันเจออะไรบ้าง ก็ไปเปิดเฟซบุ๊กของคุณตันดูว่า มวลมหาประชาชนเขาจัดการกับคุณตันอย่างไร

อาจารย์เสรี เคยพูดบนเวทีว่า มาตรการทั้งหลาย ปฏิบัติการทั้งหลาย กลยุทธ์ทั้งหลาย ที่มวลมหาประชาชนคิด และตัดสินใจปฏิบัตินั้น ถ้าใครไม่เห็นด้วย ก็ควรจะเฉยไว้ ทำร่วมกันเฉพาะส่วนที่เห็นด้วย ไม่ต้องออกมาพูดจาเหมือนกับการเตะขาหน้าขาหลังพวกเดียวกัน ปล่อยให้พวกเราได้จัดการกับระบอบทักษิณให้เต็มที่ก็แล้วกัน ก็ขออนุญาตเตือนสติ คุณกรณ์ จาติกวณิช และถือโอกาสกราบเรียน เพื่อขอความร่วมมือ คนดังคนอื่น โปรดอย่าได้ทำกับเราอย่างนี้ ปล่อยให้เราสู้ของเราต่อไป ส่วนท่านสู้ หรือไม่สู้ แล้วแต่ใจของท่าน วิธีการต่อสู้ของเรา แม้จะมีส่วนที่จะต้องผิดกฎหมายบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่อาจารย์สันติ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการเรื่องการต่อสู้โดยสันติวิธี ออกมายืนยันแล้วว่า ทุกขั้นตอนต่อสู้ของมวลมหาประชาชนในประเทศไทยคราวนี้ ยังไม่มีอะไรผิดหลักสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ อหิงสาแต่อย่างใดทั้งสิ้น

นี่เป็นคนแรกที่ผมขอพูดถึง เป็นผู้ชายที่นึกว่าจะมีอนาคต แต่คนที่จะพูดต่อไปเป็นผู้หญิง ชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันนี้เวลาบ่ายสองโมงครึ่ง ก็ออกมาแถลงเจื้อยแจ้ว ไม่รู้ใครเขียนบทให้ เพราะเชื่อว่าสมองน้อยๆ ของเธอ คงคิดเองไม่ได้ครบหมดทุกข้อที่พูดออกมา ข้อที่ 1.นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกมาบอกกับประชาชนว่า รัฐบาลนี้จะปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมโดยไม่รุนแรง คนที่ไม่เคยติดตามก็จะไม่รู้ว่า เมื่อคืน และเมื่อคืนวาน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งตำรวจใช้อาวุธ ใช้อุปกรณ์ทุกอย่าง เพื่อสลายการชุมนุมที่กระทรวงการคลังให้ได้

คิดอ่านวางแผนกันถึงขนาดว่า จะดักจับ ส.ส.เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อีกต่อไป จะดักจับ ส.ส.เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เพื่อบังคับให้ผมต้องไปแลกตัวประกัน ยอมมอบตัว แลกกับตัวของ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ มันคิดอ่านทำเหมือนกรณี สองแม่ลูกเสนาขันธ์อย่างไรอย่างนั้น นี่หรือตำรวจไทย รับใช้กันขนาดนี้ใช่ไหม

พี่น้องทั้งหลายถ้าไม่เพราะพี่น้องประชาชนทราบเรื่อง แล้วเข้าไปปกป้องมวลชนในกระทรวงการคลัง ป่านนี้เขาสลายการชุมนุมไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิง จะมีผู้ชราบาดเจ็บมากน้อยกี่คน และยังมีลอยหน้าลอยตาบอกว่า ไม่ทำรุนแรง แล้วที่วางแผนจะรุนแรงนั้นใครสั่ง ถามสิว่าใครสั่ง นอกจากนี้ยังมีคนส่งข่าวมาให้ผมเป็นแหล่งข่าวจากกองทัพอากาศ บอกเลยว่า

นอกจากนี้ คุณหญิงพจมาน ได้เรียกนายทหาร โดยเฉพาะชุดปฏิบัติการของหน่วยบัญชาการทหารอากาศโยธิน กองปฏิบัติการพิเศษ กองพันที่ 2 และมอบภารกิจให้จับกุม หรือทำให้ตาย คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นคนแรก และแกนนำคนอื่นๆ เป็นลำดับต่อไป นี่คือคำตอบคำแถลงของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ปากบอกว่า จะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่ที่วางแผนและสั่งการเป็นไปลักษณะนี้ทั้งสิ้น ปากกับใจไม่ตรงกัน เขาจึงเรียกว่า อีตอแหล

ในประการที่ 2.ก็ออกมาจีบปากจีบคอว่า รัฐบาลยังไม่ใช่รัฐบาลที่ล้มเหลว ยังบริหารราชการแผ่นดินได้อยู่ เพราะคราวที่พวกเราไปยึดกระทรวงต่างๆ คราวที่ประชาชนลุกฮือกันทั้งประเทศ ยึดศาลากลางจังหวัดไปแล้วครึ่งประเทศ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ วันนี้ บ่ายสองโมงครึ่ง ถึงออกมาบอกว่า รัฐบาลยังทำงานได้อยู่ ผมก็จะบอกนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เหมือนกัน ทำได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น และจะไม่ได้ทำอีกต่อไปแล้ว แล้วที่ปากแข็งว่า ทำงานอยู่ พูดเพื่อประโยชน์ตนเอง รักษาหน้าตนเอง แต่ไม่ได้คิดถึงประสิทธิภาพของงานของรัฐบาล ทำได้ไม่ถึงครึ่งแล้ว กรณีกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ อาจแอบขโมยเซิร์ฟเวอร์ได้บางส่วน แล้วไปใช้คอมพิวเตอร์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพราะมีคุณหมอคนหนึ่งเป็น นปช. เราก็ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณแล้ว แต่ว่าทำได้เพียงเรื่องเล็กๆ เท่านั้น เรื่องใหญ่ยังทำไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น วันนี้ สั่งราชการไปยังต่างจังหวัด จะมีจังหวัดที่สามารถรับคำสั่งนายกฯ แล้วไปปฏิบัติได้ประมาณแค่ครึ่งประเทศเท่านั้น พรุ่งนี้จะเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว เพราะพี่น้องลุกฮือขึ้นทุกวัน

ประการที่ 3.ในข้อแถลงของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกมาพูดว่า ข้าราชการนั้น ต้องมีสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่จะต้องปฏิบัติราชการ ผมจะต้องตอบนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า ข้าราชการที่ดี จะต้องมีสำนึกว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นข้าราชการของประชาชน ไม่ใช่โกง กินเมือง

ในข้อ 4.นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกมาทำเป็นดีดดิ้น ตีบทแตก บอกว่า รัฐบาลนี้ จะไม่เล่นเกมการเมืองกับผู้ชุมนุม ผมก็ขอตอบแทนกับผู้ชุมนุมว่า พวกกูก็ไม่ได้คิดเล่นเกมการเมืองกับมึง เพราะคราวนี้กูเอาจริง ไม่ใช่เรื่องเล่นเกม ไม่ใช่เรื่องทำเล่น คราวนี้เอาจริง ไม่พวกคุณ ก็พวกเราไปกันข้างหนึ่งแน่นอน พวกคุณชนะ ก็รอดคุก มีแต่พระกับกำนันอย่างผมติดคุก แต่ถ้าพระและกำนันไม่ติดคุก มึงติดคุกกันเยอะเลย

ข้อที่ 5.วันนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แบะท่าพูดออกมาว่า รัฐบาลพร้อมจะรับฟังข้อเรียกร้องข้อต่อรองของผู้ชุมนุมทั้งหลาย ก็ขอส่งเสียงตอบไปเลยให้ชัดเจนว่า ผู้ชุมนุมที่เป็นมวลมหาประชาชนทั้งประเทศในขณะนี้ ไม่มีข้อต่อรอง และไม่ต้องการต่อรองกับคุณ ไม่ต้องส่งใครมาเจรจาอีก ไม่คุยด้วย ไม่ต่อรองด้วย มวลมหาประชาชนตั้งเป้าหมายอย่างเดียวว่า ต้องไม่มีระบอบทักษิณในประเทศไทยอีกต่อไป

ข้อที่ 6.นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้บอกว่า สภาประชาชนที่พวกเราพูดถึงนั้น ไม่มีตามรัฐธรรมนูญ ผมก็ต้องตอบว่า ใช่ยังไม่มี แต่จะมีเร็วๆ นี้ ที่จะมีเร็วๆ นี้ก็เพราะเหตุผลว่า รัฐบาลนี้ที่อ้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่พูดจาเมื่อบ่าย 2 โมงครึ่งว่า เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกต้องตามกระบวนการประชาธิปไตย ข้อเท็จจริงก็คือว่า การเลือกตั้งที่อ้างความเป็นประชาธิปไตยนั้น แท้ที่จริงแล้วพวกคุณโกงการเลือกตั้ง และซื้อเสียงประชาชนจึงได้มานั่งในสภาฯ พวกคุณอาจจะมีอำนาจตามตัวบทกฎหมาย แต่ว่าโดยข้อเท็จจริงหมดแล้ว สิ้นสภาพแล้วไม่มีอำนาจตามความเป็นจริง ในหัวใจของประชาชนอีกต่อไปแล้ว เพราะอะไรเพราะรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมายอีกต่อไป เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยพิพากษาออกมาแล้วว่า การกระทำของคุณยิ่งลักษณ์ และพวกรวม 312 คน ในการแก้ไขกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คุณได้มีพฤติกรรมปลอมแปลงเอกสาร คุณมีพฤติกรรมทำผิดประเพณีปฏิบัติทางการเมือง ปิดปากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ไม่ให้เขาพูด ไม่ค่อยให้เขาอภิปราย ไม่ให้เขาแปรญัตติ ไม่ให้เขาอภิปรายตามคำสงวนแปรญัตติ และคุณยังได้ฉ้อโกงคะแนนในการลงมติ ด้วยวิธีเสียบบัตรแทนกันคาหนังคาเขา มีพยานชัดเจน

อีกทั้งสาระสำคัญในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพวกคุณ มันมีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองของบ้านเมือง มีเจตนาที่จะรวบอำนาจการปกครองไว้ในมือของรัฐบาลนี้แต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญเขาจึงพิพากษาไว้ พวกคุณคือพรรครัฐบาล คือพรรคเพื่อไทย โดยหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ออกมาประกาศต่อสาธารณชนปฏิเสธไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ก็ออกมาประกาศไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับรองประธานอีก 2 คน ทั้งที่เป็นรัฐบาล ทั้งที่อยู่ในสภาฯ พวกคุณทั้งหมดทั้งหลายนั้น ได้ปฏิเสธต่อต้านกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างเปิดเผยชัดเจนที่สุด รัฐบาลนี้จึงเป็นรัฐบาลที่ไม่เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธกฎหมายรัฐธรรมนูญ พวกคุณจึงหมดความชอบธรรมทางกฎหมาย เป็นเพียงรัฐบาลนอกรัฐธรรมนูญแล้ว

ในประการที่ 2.นอกจากคุณไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย คุณยังไม่มีความชอบธรรมทางการเมืองอีกด้วย เพราะเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน มีคนไทยมากกว่าล้านคน ลุกขึ้นแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ยอมรับรัฐบาลนี้ คุณไม่มีความชอบธรรมทางการเมืองต่อไป เมื่อคุณไม่ชอบธรรมทางกฎหมาย คุณไม่มีความชอบธรรมทางการเมือง ไม่ใช่เพียงเพราะคนล้านคน ลุกขึ้นปฏิเสธคุณ แต่คนล้านคนนั้น ลุกขึ้นปฏิเสธแทนคนอีกสิบๆ ล้านคนที่อยู่ที่บ้าน คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในประเทศนี้ไม่เอาคุณแล้ววันนี้ เขาจึงลุกขึ้นยึดศาลากลาง ยึดกระทรวง และปฏิเสธรัฐบาลทุกอย่าง

ฉะนั้นวันนี้ รัฐบาลนี้ต้องพ้นไปจากการใช้อำนาจ เพราะแม้ว่าจะแอบอ้างว่า มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ในความเป็นจริง คุณไม่มีอีกแล้ว เพราะสั่งใครไม่ได้แล้ว เขาไม่ฟังคำสั่งคุณ เมื่อบ้านเมืองตกอยู่ในสภาพแบบนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้น มันต้องไปดูบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า การที่รัฐบาลปฏิเสธรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธคำพิพากษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญระบุว่า ต้องผูกพันทุกองค์กรนั้น เมื่อปฏิเสธก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะมีสิทธิ์ลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลตามมาตรา 69 ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน และประชาชนจะต้องทำหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 70 คือประชาชนต้องลุกขึ้นทำหน้าที่รักษาชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อรัฐบาลทำผิดเสียแล้ว จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 70 รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจไว้ในมาตรา 3 ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยวันนี้ ขณะนี้ ประเทศไทย จึงต้องกลับไปใช้อำนาจของประชาชนในการแก้ไขเหตุการณ์บ้านเมือง เพื่อเอาอำนาจของประชาชนมาจัดการบ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อย ให้เกิดความเจริญก้าวหน้า นั่นแหละสภาประชาชน จึงจะเกิดขึ้นไอ้ยิ่งลักษณ์ เพื่อตอบข้อนี้ เลยถือโอกาส กราบเรียนไปถึงพี่น้องทุกหนทุกแห่ง ทั่วประเทศไทย พรุ่งนี้ ขึ้นป้ายเหมือนกัน 3 ป้าย ป้ายที่ 1 เขียนง่ายๆ เราคือปวงชน ป้ายที่ 2 เราคือประชาชน และเขียนป้ายที่ 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย นี่เขียนป้ายให้เหมือนกันทุกบ้าน เพื่อประกาศจะได้ชัดเจนว่า ประชาชนคนไทยถึงเวลาที่ต้องออกมาใช้อำนาจอธิปไตยตามที่รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติไว้ในมาตรา 3 เป็นเวลาที่ต้องทำแล้ว เลือกไม่ได้แล้ว เอาอำนาจอธิปไตยของประชาชนคืนมา

มีข้อ 7 คุณยิ่งลักษณ์ ออกมาแถลงว่า ทางออกของประเทศไทยขณะนี้ 1 คือให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ตอบซะเลยว่า ไม่หยุดโว้ย แล้วจะเดินหน้าต่อไป แรงขึ้น ยกระดับขึ้น ในประการที่ 2 บอกว่า ทางออกของประเทศคือ รัฐบาลจะเปิดเวทีเจรจากับตัวแทนของผู้ชุมนุม ตอบเลย ว่าจะไม่มีตัวแทนของผู้ชุมนุมเครือข่ายไหน กลุ่มไหน ไปเจรจากับพวกมึงอีกต่อไป ทั้งสิ้น ไม่มีการเจรจา ไม่มีการต่อรอง มีเรื่องเดียว ระบอบทักษิณ ต้องหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย

ข้อสุดท้าย นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกมาบอกว่า ช่วงเวลานี้ เป็นเวลาของการเทิดพระเกียรติ คนไทยต้องรู้รัก สามัคคี มาร่วมกันทำกิจกรรมเทิดพระเกียรติถวายพระองค์ท่าน ก็ต้องบอกคุณยิ่งลักษณ์ว่า ไม่ต้องมาสอนพวกกู เพราะพวกกูจงรักภักดีมากกว่าพวกมึง แล้วจะประกาศให้รู้ว่า งานเฉลิมพระชนมพรรษาคราวนี้ มวลมหาประชาชนจะจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาให้ยิ่งใหญ่กว่าที่รัฐบาลคิดจะทำ

พี่น้องทั้งหลาย ผมขออนุญาตกราบเรียนว่า มวลมหาประชาชนชาวไทยใจกว้าง ไม่ใช่คนที่อาฆาตมาดร้ายกับใคร เมื่อเราทำการครั้งนี้สำเร็จ เราตั้งสภาประชาชนได้ เราตั้งรัฐบาลของประชาชนได้ เราก็จะทำการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย แก้ไขจุดอ่อนต่างๆ ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปการปกครอง ปฏิรูปการศึกษาทั้งหมด อย่างที่กระผมได้กราบเรียนไป และที่คนไทยอื่นๆ กำลังคิดอยู่ เราก็จะรวบรวมประมวลทั้งหมด และทำให้เสร็จในเวลาที่รวดเร็ว หลังจากนั้นจะให้ประเทศได้เดินไปในแนวทางระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบไม่อาฆาตใคร แต่ระบอบประชาธิปไตยของเรา คือระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แม้แต่คนเสื้อแดงที่ไม่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถกลับใจมาร่วมงานกับสภาประชาชนเราได้ หลวงปู่พุทธะอิสระขอบิณฑบาตให้พวกเราแกนนำทุกเครือข่าย อภัยให้กับ ส.ส. ส.ว. 312 คนนี้ พวกเราเห็นกับผ้าเหลืองเห็นกับพระ ตกลง 312 คนนี้ เราก็จะอภัยให้ แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องมาสาบานกับเรา 3 เรื่อง

1.ต้องสาบานว่า ต่อไปนี้ยอมรับอำนาจของรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่บิดพลิ้ว

ข้อ 2.ต้องยอมรับต้องสาบานว่า ยอมรับการปฏิรูปการเมือง การเปลี่ยนแปลงการเมือง ตามที่มวลมหาประชาชนได้เสนออย่างที่กระผมได้เป็นผู้ประกาศเมื่อคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน

และข้อ 3.ที่สำคัญต้องสาบานอย่างแข็งขันว่า จะไม่รับใช้ระบอบทักษิณอีกต่อไป และต้องทำวันสองวันนี้ ได้กราบนมัสการหลวงปู่ให้เวลา 2 วัน ถ้าวันที่เราปฏิบัติการได้สำเร็จยังไม่มีคนใน 312 คนออกมาสาบานตนต่อหน้าสาธารณชนใน 3 ข้อนั้น ถือว่าชาตินี้ได้ขายจิตวิญญาณอุทิศวิญญาณอุทิศให้ระบอบทักษิณแล้วก็จงเป็นไปพร้อมกับระบอบทักษิณก็แล้วกัน

พี่น้องทั้งหลายการต่อสู้ที่ยึดหลักสันติสงบ ปราศจากอาวุธ ยึดแนวอันธพาลไม่มีวันสำเร็จได้ พลังมวลมหาประชาชนยิ่งใหญ่ อย่างจำนวนที่พระคุณเจ้า หลวงปู่พุทธอิสระ ตั้งไว้ ปฏิบัติการครั้งนี้ จะเป็นปฏิบัติการของประชาชนที่ร่วมใจ และจะเป็นความสำเร็จที่ยังไม่มีชาติไหนทำได้สำเร็จเหมือนที่เราจะทำกันในวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ผมรับผิดชอบแผนปฏิบัติการ แต่หลวงปู่มั่นใจในจำนวนคน ทุกอย่างก็อยู่ที่มวลมหาประชาชนถ้าคิดทนเป็นขี้ข้าของระบอบทักษิณได้ไปตลอดชีวิตทนเห็นพระติดคุก ทนเห็นกำนันติดคุกก็นอนอยู่ที่บ้านได้ แต่ได้เห็นว่านี้เป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่ในชีวิตนี้ไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว คือลุกขึ้นต่อสู้เพื่อชาติ เพื่อศาสนา เพื่อพระมหากษัตริย์ เพื่อแผ่นดินไทย เพื่ออนาคตของลูกหลายไทยก็มากันให้ครบทุกคนพี่น้องมาเถอะ โอกาสเดียวหนเดียวในชีวิตไม่มีโอกาสที่ 2 อีกแล้ว ทั้งพระและทั้งแกนนำทุกคนจะน้อมรอพี่น้องอยู่ที่นี้ เพื่อที่จะร่วมกันปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อชัยชนะของประชาชนครับพี่น้องครับ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ









กำลังโหลดความคิดเห็น