"สุเทพ" ลั่นปิดเกม 1-2 วันนี้ วอนประชาชนต้องออกมาให้มากกว่าล้านคน ซัด "กรณ์" หุบปาก อย่าพูดขวางการต่อสู้ของมวลชน เตือนไม่เช่นนั้นชีวิตจะลำบาก ลั่นไม่เจรจารัฐบาล ด้านประชาธิปัตย์ประกาศต่อสู้ร่วมกับประชาชนโค่นระบบอบทักษิณ แต่ไม่ลาออกจากส.ส.เพื่อนำมวลชน "มาร์ค" สั่งส.ส.ลุยเต็มที่หลังปิดประชุมสภา ก่อนก้าวสู่การปฏิรูปประเทศ ยันไม่ขัดแย้งกับผู้ชุมนุมเพราะมีเป้าหมายเดียวกัน ด้าน "ยิ่งลักษณ์" พร้อมจับเข่าคุยแกนนำม็อบ แต่ต้องไม่เกี่ยวกับเรื่องการตั้งสภาประชาชน ขณะที่พลังมวลชนบุกปิดล้อม-ตัดไฟสตช. ด้านศอ.รส.ใสร้ายกปท.ตัดไฟ รพ.ตำรวจ
เมื่อวานนี้ (28พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค และส.ส. ร่วมกันแถลงจุดยืนของพรรคภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรค และส.ส.เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง หลังเสร็จสิ้่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีการเคลื่อนไหวของประชาชนตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคยืนยันเดินหน้าล้มล้างระบอบทักษิณ โดยสมาชิกและกรรมการทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า การเดินหน้าล้มล้างระบอบทักษิณนั้น พรรคจะต้องเคลื่อนไหวเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
โดยสิ่งที่ยืนยันคือ จุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาของประเทศ ที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิรูปประเทศ จะต้องเริ่มต้นจากการยอมรับก่อนว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดความชอบธรรมแล้ว แม้จะชนะเสียงในสภา แต่ไม่สามารถหนีความรับผิดชอบต่อประชาชนได้ เพราะมีการกระทำที่ประชาชนไม่ยอมรับหลายประการคือ
1. ความพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกง คนเผา คนฆ่า โดยที่รัฐบาลไม่สามารถทำให้กฎหมายหายไปจากระบบของรัฐสภา
2. มีการประกาศไม่รับอำนาจศาล กระตุ้นให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความรู้สึกว่า เมื่อรัฐบาลไม่รับอำนาจศาล มีเหตุผลอะไรที่ประชาชนจะต้องรับอำนาจรัฐบาล
นายอภสิทธิ์ ยังแสดงความเสียใจต่อถ้อยแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เรียกร้องให้ประชาชนยุติการชุมนุม โดยเห็นว่าไม่ได้แสดงถึงความเข้าใจหรือความสำนึกต่อความเลวร้ายที่รัฐบาลก่อขึ้น และยังคงปฏิบัติต่อไป
“เรายืนยันว่านายกฯ ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ใครยุติการชุมนุม เมื่อเขาชุมนุมเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 เพราะไม่ปรากฏว่า มีผู้ชุมนุมคนใดที่จะไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แตกต่างจากพฤติกรรมของรัฐบาล ที่พยายามล้างผิดตัวเองประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาล และพรรคพร้อมเคลื่อนไหวสนับสนุนการต่อสู้ของประชาชนที่จะเรียกร้องความถูกต้องชอบธรรมตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ แต่ทุกคนต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบตามกฎหมาย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวของพรรค หลังปิดสมัยประชุมสภานั้น พรรคจะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เพื่อสื่อสารถึงรัฐบาลว่า ประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลที่ไม่ยอมรับอำนาจศาล และเรียกร้องว่าประชาชนที่รักความถูกต้อง หากทำกิจกรรมที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พรรคพร้อมที่จะร่วมทำกิจกรรมด้วย ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของ อดีตส.ส.ของพรรคนั้น ขอยืนยันว่า ทุกคนลาออกจากส.ส.เพื่อเป็นอิสระทางความคิดในการเคลื่อนไหว โดยพรรคยังสนับสนุนทุกการเคลื่อนไหวที่ชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ และในฐานะส.ส.มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในทุกสถานที่ ว่าได้รับการดูแลมีความปลอดภัย โดยสามารถเข้าไปอำนวยความสะดวกได้ตามหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมาย
** ชูปฏิรูปพรรค ปฏิรูปประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาเกี่ยวกับการปฏิรูปพรรคโดยมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า การปรับโครงสร้างพรรคจะเดินต่อ จัดประชุมใหญ่รองรับข้อบังคับพรรคใหม่ เพื่อเปิดพรรคให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการของพรรคได้ พรรคจะอาศัยการปฏิรูปพรรคเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปประเทศ โดยพรรคยืนยันว่าพรรคการเมืองในการสนับสนุนปฏิรูปประเทศด้วยเช่นเดียวกันจึงขอเชิญชวนบุคคลใดก็ตามที่มีแนวคิดปฏิรูปประเทศให้อาศัยกลไกของพรรค เป็นแนวร่วมแห่งชาติปฏิรูปประเทศในระบบพรรคการเมือง ซึ่งจะมีการเดินสายเชิญชวนให้คนที่มีแนวคิดปฏิรูปประเทศเข้ามาสู่กลไกในการเป็นหุ้นส่วนบริหารพรรคไปพร้อมๆ กัน จึงขอยืนยันว่าพรรคจะเดินหน้าต่อต้านล้มระบอบทักษิณ และรัฐบาลหมดความชอบธรรมเพราะไม่ยอมรับอำนาจศาล ผลักดันกฎหมายที่เป็นอันตรายต่อประเทศ มีการทำลายนิติรัฐ นิติธรรม มีการสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชน อีกทั้งหัวหน้ารัฐบาลยังปราศจากสำนึกต่อการกระทำผิดของตัวเอง จึงเห็นว่านายกฯ ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหา เพราะเป็นศูนย์กลางของปัญหาขณะนี้ต้องหลบไปก่อนสังคมจึงจะเดินหน้าได้
“การต่อสู้คู่ขนานนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่เป็นไปตามรูปแบบของระบบรัฐสภา พรรคและส.ส.จะไม่รับตำแหน่งใด ๆ จากผลพวงการต่อสู้นั้น นอกจากระบอบรัฐสภาตามปกติ เพื่อให้เกิดความสบายใจในการต่อสู้คู่ขนานว่าไม่เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง และพรรคจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศอย่างแน่นอน”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** ยันสู้ในระบบไม่ลาออกจากส.ส.
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่าในที่ประชุมได้มีการหารือว่ามีความจำเป็นที่จะต้องลาออกจากส.ส. เพื่อต่อสู้กับระบอบทักษิณหรือไม่ โดยยังเห็นว่าในขณะนี้พรรคสามารถต่อสู้ได้ในระบบ แต่หากการลาออกจะนำไปสู่ความสำเร็จในการต่อสู้ก็ไม่ลังเลที่จะลาออกจากการเป็นส.ส. โดยยังไม่ขอเปิดเผยว่าเงื่อนไขและปัจจัยใดที่จะทำให้การลาออกจากส.ส.นำไปสู่ความสำเร็จในการต่อสู้ ถ้ามีเงื่อนไขหรือจังหวะเวลาที่เห็นว่าการลาออกจะนำไปสู่ความสำเร็จในการล้มล้างระบอบทักษิณก็พร้อมที่จะทำแต่วันนี้ยังเห็นว่าบทบาทการเป็นส.ส.ยังสามารถเคลื่อนไหวคู่ขนานได้ การดำรงตำแหน่งส.ส.ไม่ได้หมายถึงการยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาล เพราะการลงมติไม่ไว้วางใจชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาลชุดนี้ จึงอยากให้เข้าใจว่าการทำงานของสภาเป็นคนละส่วนกับฝ่ายบริหาร และฝากถึงรัฐบาลว่าพรรคจะระดมสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้ เพราะใครที่เชื่อว่าการล้มอำนาจศาล หรือการออกกฎหมายล้างผิดการทุจิตทำไม่ได้ ก็ขอให้ออกมาสู้กับเรา
เมื่อถามว่าจะมีความแตกแยกระหว่างแกนนำผู้ชุมนุม กับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าไม่มีความแตกแยกระหว่างพรรคกับการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ท่ามกลางความยากลำบากในการต่อสู้ของประชาชนแม้ว่าในช่วง2-3วันหลังจะถูกตอบโต้จากรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ แต่พรรคขอเป็นกำลังใจให้คนทั้งประเทศได้เห็นความจริงข้อนี้ว่าประชาชนต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ซึ่งตนมองจุดร่วมที่มีเป้าหมายเดียวกัน ไม่ได้เอารายละเอียดที่มีความแตกต่างเกี่ยวกับวิธีการ และขั้นตอนการปฏิรูปมาเป็นความขัดแย้งระหว่างกัน ทั้งนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าการโค่นล้มระบอบทักษิณจะสำเร็จได้ภายในช่วงเวลาที่ปิดสมัยประชุมสภาหรือไม่ เพราะพัฒนาการการเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก และยังไม่พบพฤติกรรมที่แสดงถึงความละอายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากพฤติกรรมของระบอบทักษิณทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจนักการเมือง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คือผู้เสียหายจากผลพวงของระบอบทักษิณ และอยากฝากถึงทุกภาคส่วนว่า การปฏิรูปประเทศไม่ว่าจะทำในวิธีการใดก็ตาม สุดท้ายก็ต้องมีนักการเมือง พรรคการเมืองเป็นองค์ประกอบในการบริหารประเทศ จึงขอให้ไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ พวกเราเป็นพรรคการเมือง ต้องอยู่ในระบบ นอกจากทำให้พรรคหายไป ซึ่งก็ทำไม่ได้ แต่ยืนยันว่าพรรคจะไม่เป็นอุปสรรคหรือขัดขวางการปฏิรูปใดๆ และยืนยันว่าหากการปฏิรูปมาจากนอกระบบ ก็จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
** เย้ยรัฐบาลใช้ยุทธศาสตร์"ไทยเฉย"ไม่ได้ผล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในขณะนี้คือ “ไทยเฉย”ทำให้ผู้เคลื่อนไหวอ่อนแรง เกิดแรงกดดันเพื่อลดความเข้มข้นการเคลื่อนไหวลง โดยรัฐบาลคิดว่าจะนิ่งเฉยไปเรื่อยๆ จึงขอเตือนว่ารัฐบาลอาจจะทำนิ่งเฉยได้แต่ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกต่อต้านของประชาชนได้ ดังนั้นการทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ใช่ทางออก เพราะในขณะนี้การชุมนุมของประชาชนไม่จำเป็นต้องนัดหมายแค่มีคนเดินออกมานำก็มีประชาชนเข้าร่วมแล้ว สะท้อนว่ารัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศในสภาวะแบบนี้ได้
“ให้มันรู้ไปว่า คนหน้าด้านจะทนต่อสำนึกของสังคมได้ ฉะนั้นประชาชนต้องออกมาร่วมกันมากๆ บ้านเมืองมีปัญหาที่สลับซับซ้อนจึงไม่อยากให้มองข้ามความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล นายกฯไม่มีสิทธิเป็นเจ้าภาพในการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นตัวปัญหา หากจะมีการเจรจาจะเชิญผมหรือ นายสุเทพ ตัวแทนใครก็ตาม ต้องให้คนเป็นกลางหรือสื่อเป็นเจ้าภาพก็ได้ เพราะการปฏิรูปประเทศครั้งนี้พรรคตั้งเป้าปฎิรูปตำรวจ และสื่อมวลชนด้วย แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด ซึ่งส่วนใหญ่กรอบความคิดก็ตรงกับที่มีการเสนอในการชุมนุมของประชาชน”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
*** "ยิ่งลักษณ์" ปัดจัดตั้งสภาประชาชน
เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) หลังการโหวตในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสร็จสิ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงสถานการณ์ทางการเมือง หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณ ทำการยึดสถานที่ราชการ และศาลากลาง
ต่อมาเวลา 13.55 น. ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อ่านแถลงการณ์ ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ตามที่มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยการประท้วง และเข้ายึดสถานที่ราชการบางแห่ง ปรากฏเป็นข่าวนั้น ตนขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนทุกท่าน รวมถึงเพื่อนมิตรต่างชาติ ที่ห่วงใยในสถานการณ์ ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของตน เป็นรัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามครรลองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และได้ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม เพื่อที่จะไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นเกิดความรุนแรง ประชาชนต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ดังเช่นเหตุการณ์ในอดีต แต่การที่รัฐบาลใช้แนวทางสันตินั้น ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศ หรือไม่สามารถบังคับใช้กฎหมาย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยได้
ทุกวันนี้ การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ยังดำเนินการอยู่ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ แม้ว่าการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนโดยบางหน่วยงานที่อาจได้รับผลกระทบ และมีความไม่สะดวกบ้าง แต่รัฐบาลก็มีแผนรองรับที่จะให้บริการอย่างเพียงพอและทั่วถึง
นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าผู้ที่เป็นข้าราชการส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกันอย่างไร ต่างรู้ และตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อคงไว้ซึ่งความมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไม่ต้องการเล่นเกมทางการเมือง เพราะรัฐบาลเชื่อว่า เกมการเมืองจะทำให้ประเทศถดถอย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอ ข้อเรียกร้องของประชาชนทุกกลุ่มที่ชุมนุม ซึ่งยังยึดสถานที่ราชการอยู่ เพียงแต่ข้อเรียกร้องจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องให้มีการจัดตั้งสภาประชาชนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นจริงได้ ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงขอยืนยันอีกครั้งว่า ตนมีความตั้งใจอย่างแท้จริง ที่จะให้เกิดความร่วมมือในการหารือ เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ ขจัดความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันที่ เรื้อรัง ต่อเนื่อง ยาวนาน และสร้างความเสียหายให้กับประเทศมามากพอแล้ว
"ขอเสนอให้ผู้ชุมนุม ยุติการชุมนุม คืนสถานที่ราชการเพื่อให้กลไกระบบราชการเดินหน้าได้ต่อไปได้ และจะเปิดเวทีพูดคุย เพราะรัฐบาลไม่ต้องการการเผชิญหน้า แต่รัฐบาลพร้อมที่จะร่วมมือในการหาแนวทางกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อวางกระบวนการแก้ไขปัญหาให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ช่วงเวลาต่อไปนี้ เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนทุกคนควรร่วมใจกัน เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนพรรษา ด้วยการน้อมนำกระแสพระราชดำรัส รู้รักสามัคคี เพื่อถวายเป็นสักการะแด่ในหลวงที่เป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ในการเจรจาแกนนำผู้ชุมนุม รัฐบาลพร้อมทุกรูปแบบ จะให้ไปเจรจาเองก็ได้ เพราะอยากให้บ้านเมืองเกิดความสงบ เมื่อถามว่า หลังอภิปรายเสร็จสิ้นรู้สึกสบายใจขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าว ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อยากให้ทุกอย่าง ในบ้านเมืองสงบมากกว่า อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน
**“ประชา”ยัน ขรก.ภาคใต้ยังทำงานปกติ
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่างถึงการชุมนุมตามศาลากลางจังหวัดต่างๆ ว่า ศาลากลางจังหวัดที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง และสงขลา ยังเปิดบริการให้ประชาชนตามปกติ ผู้ชุมนุมไม่ได้มีการบุกรุก หรือยึด เพียงแต่ไปมอบดอกไม้และพบข้าราชการ
ส่วนการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พามวลชนไปยังหน่วยราชการต่างๆ นั้น ไม่ใช่การบุกยึด แต่เป็นเพียงการแสดงสัญลักษณ์ ข้าราชการยังสามารถทำงานในศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ได้ตามปกติแล้ว
ทั้งนี้ ตนได้พูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดทางภาคใต้ พบว่า ไม่ได้มีการนัดหยุดงาน 3 วัน เหมือนที่มีข่าวออกมา ในภาพรวมทุกส่วนราชการยังสามารถทำงานได้อย่างปกติ อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า การที่ผู้ชุมนุมเดินไปยังสถานที่ต่างๆ ถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย แต่หากมีการล่วงละเมิดกฎหมายมากเกินไปคงต้องขอร้องกัน แต่ยืนยันนโยบายรัฐบาลไม่สลายการชุมนุมหรือใช้ความรุนแรง
** ชี้ม็อบยืดเยื้อส่งผลเศรษฐกิจไทย
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ก็แสดงความเป็นห่วง เรื่องภาพลักษณ์ ทุกคนต้องช่วยกัน หากม็อบยังยืดเยื้อ ก็มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในสายตาของต่างชาติรวมถึงเรื่องท่องเที่ยวต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วน คิดถึงประเทศชาติที่จะเดินตามระบบต่อไป
ส่วนเรื่องที่เลขาฯ ยูเอ็น แสดงความห่วงใยนั้น ตนได้คุยกับ รมว.ต่างประเทศแล้ว ซึ่งนายบัน
คี-มุน แสดงความเห็นว่า การแสดงออกตามระบบประชาธิปไตย เขาเข้าใจ แต่การไปยึดสถานที่ราชการนั้นเขาไม่เห็นด้วย เขาไม่ต้องการให้ใช้มาตรการที่รุนแรง เพราะมันไม่ได้อยู่ในระบบ
** กปท.นำทีมปิดล้อม-ตัดไฟ สตช.
สำหรับการปฏิบัติการดาวกระจาย เมื่อวานนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้แยกย้ายกันไปใน 3 จุดคือที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยที่ สตช. พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) พร้อมด้วยรถขยายเสียง ไปชุมนุมที่บริเวณถนนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยมีการสลับการปราศรัย และเป้านกหวีด กัดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อต้องการให้ ตร. เข้าร่วมกับประชาชนเพื่อต่อต้านระบบทักทิษ หากยังไม่ได้รับคำตอบ จะปักหลักชุมนุมค้างคืนบริเวณหน้า สตช. แต่ยังไม่ทราบว่าจะนานเท่าใด และประกาศว่าจะชุมนุมโดยสงบ ไม่มีการปีนรั้ว หรือปาขวดน้ำเข้ามายัง สตช.
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ใช้กำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน 18 กองร้อย ตรึงโดยรอบรั้วทุกด้าน พร้อมกับใช้แท่งแบริเออร์วางปิดกั้นประตูเข้า-ออกทุกด้าน และมีการนำลวดหนามมาตรึงบริเวณรั้วโดยรอบ พร้อมกับมีการสั่งการไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้า-ออกโดยเด็ดขาด
ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักค้างแรมนั้น เราจะเน้นการเจรจา และพร้อมจะพูดคุย เพื่อจะขอร้องไม่ให้มีการปักหลักค้างคืน ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนที่มีข่าวจะมีการตัดไฟภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ก็ได้เตรียมความพร้อมใช้เครื่องปั่นไฟแทนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้ตัดไฟที่สำนักงานสตช. ซึ่ง พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า การที่มีการตัดไฟ ก็ขอให้เห็นใจผู้ป่วยที่รพ.ตำรวจ ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 414 ราย รวมทั้งมีผู้ป่วยหนัก เนื่องจากต้องใช้สายไฟใหญ่จากสตช. ส่งไปที่รพ.ตำรวจ และชื่อว่าผู้ที่ตัดไฟนั้น จะต้องมีความรู้ในเรื่องของระบบสายไฟ ซึ่งในขณะนี้กล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้แล้ว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่าพล.ต.อ.อดุลย์ ในฐานะ ผอ.รส.ได้เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และมีรายงานว่าแกนนำผู้ชุมนุมต้องการจะบุกเข้ามา และต้องการยึดพื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศอ.รส.ยืนยันว่า ที่นี่เป็นบ้านของพวกเรา บ้านที่มาจากภาษีของประชาชน เป็นบ้านที่ตำรวจทุกนายใช้ในการดูแลพี่น้องประชาชน ตามปณิธานในการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ด้านแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าการตัดไฟที่ สตช.ไม่กระทบ รพ.ตำรวจ เพราะเรามีหลักคุณธรรมที่เพียงพอ และขอร้องอย่ามาใส่ความกลุ่มผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ สตช. ได้ถูกตัดน้ำ - ตัดไฟ ไปบางส่วน เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ทำให้ข้าราชการตำรวจ และสื่อมวลชนไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำงานได้
** ตร.ยันไม่ทำร้ายประชาชน
ต่อมาเวลา 18.23 น. ร.ต.แซมดิน เปิดเผยผลการเจรจาตำรวจระดับสูง โดยยืนยันเรามาชุมนุมด้วยความสงบไม่คิดจะทำร้ายใคร แต่เรามารวมกันที่นี่เนื่องจากรัฐบาลชั่วมากเกินกว่าเจรจา จึงต้องมาขอร้องข้าราชการเพื่อให้อยู่ข้างประชาชน
ทั้งนี้ พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผช.ผบ.ตร. ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. มารับหนังสือจากผู้ชุมนุม ที่แสดงเจตนารมณ์โค่นล้มระบอบทักษิณ และให้คำยืนยันว่า ตำรวจจะอยู่เคียงข้างประชาชน รับใช้ชาติ ไม่ทำร้ายประชาชน โดย พล.ต.ท.อำนาจ รับหนังสือก็ระบุยืนยันจะไม่ทำร้ายประชาชน จะทำงานเพื่อประเทศชาติ
** 2 ทัพบุกเยี่ยมกลาโหม-ศธ.
โดยที่กระทรวงศึกษาธิการ นำโดย นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปปัตย์ ได้เคลื่อนขบวนจากเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มายังกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)บริเวณหน้าอาคารสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และหอประชุมคุรุสภา ส่วนการเดินทางไปที่กระทรวงกลาโหม มี น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี แกนนำย่อย เป็นผู้นำขบวน
**ศอ.รส.ใสร้ายกปท.ตัดไฟ รพ.ตำรวจ
นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่าวนักศึกษศาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. ร่วมกันแถลงว่า ในวันที่ 29 พ.ย. ทางกลุ่ม คปท. จะมีการเคลื่อนขบวนชุมนุมใหญ่ แต่ยังไม่เปิดเผยสถานที่ ยืนยันว่าจะเป็นสถานที่สำคัญแน่นอน
ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเจรจากับผู้ชุมนุมนั้น คปท. จะไม่เจรจา และจะไม่ยุติการชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะยุติการบริหารประเทศ ส่วนประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการผิดกฎหมายนั้น ทาง คปท.ก็พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม กรณีที่นายกฯ ร้องขอให้ช่วงเวลานี้เป็นบรรยากาศงานเฉลิมฉลองนั้น คปท. มีความจงรักภักดี ยึดในกระแสพระราชดำรัส และจะช่วยกำจัดคนไม่ดีให้พ้นออกไปจากบ้านเมือง
นายนิติธร กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมได้กรอกทรายใส่กระสอบ ว่า เพื่อเตรียมเป็นแนวทางป้องกันทั้งเชิงรุกและเชิงรับในพื้นที่ชุมนุม ท่ามกลางกระแสข่าวที่พบว่าตำรวจอาจใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งพื้นที่ชุมนุมของ คปท. ที่นางเลิ้ง อยู่ใกล้กับด่านความมั่นคงที่ทำเนียบรัฐบาลมากที่สุด
"ผมยืนยันว่า หากถูกสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมก็พร้อมต่อสู้และจะเข้าสู่พื้นที่ทำเนียบรัฐบาลแน่นอน" นายนิติธร ระบุ
นายนิติธร กล่าวอีกว่า กรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แถลงข่าวไฟฟ้าที่โรงพยาบาลตำรวจดับ มาจากกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) บุกไปตัดไฟนั้น ศอ.รส. ไม่ควรใส่ร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะสายไฟที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับโรงพยาบาลตำรวจเป็นคนละเส้นกัน ขออย่าเอาผู้ป่วยมาเป็นเครื่องต่อรอง หากกระแสไฟดับจริง ก็เกิดจากฝีมือตำรวจ ดังนั้น อย่าทำให้ประชาชนเกลียดตำรวจมากไปกว่านี้
** คาดมือที่ 3 ป่วนตัดไฟรพ.ตำรวจ
นายปริญญา ศิริสารการ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีการตัดไฟที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และส่งผลกระทบถึงโรงพยาบาลตำรวจ ว่า การชุมนุมโดยใช้หลักสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก เป็นเรื่องที่กระทำได้ แต่ผู้ชุมนุมต้องอย่าล้ำเส้นขอบเขตของกฎหมาย และเห็นว่า การชุมนุมครั้งนี้ ทางแกนนำ ค่อนข้างระมัดระวังตัวเรื่องของการละเมิดกฎหมาย เชื่อว่าแกนนำน่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามขณะนี้ ยังไม่ปักใจเชื่อว่า การตัดไฟที่โรงพยาบาลตำรวจ จะเป็นฝีมือของผู้ชุมนุมจริง ต้องมีการสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดให้ได้ก่อน เพราะการตัดไฟที่โรงพยาบาลถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ขัดต่อหลักจริยธรรมความเป็นมนุษย์อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า อาจจะมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างเหตุวุ่นวาย รวมทั้งเชื่อว่า แกนนำการชุมุนมไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ราชมังคลากีฬาสถาน หรือกลุ่มที่ราชดำเนิน คงไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
**“เหวง”แจ้งกองปราบฯ“เทือก”กบฏ
ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความร้อง ทุกข์กล่าวโทษต่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหาเป็นกบฏต่อแผ่นดินตามมาตรา 113 หลังนำมวลชนบุก สถานที่ราชการและกระทรวงต่างๆ หลายแห่ง พร้อมทั้งประกาศตั้งรัฐบาลประชาชนและสภาประชาชน โดยนำ สำเนาภาพข่าวจากสำนักข่าวประชาไทมามอบไว้เป็นหลักฐานพิจารณาคดี
ด้านพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ซึ่งคดีดังกล่าวนั้นมีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์นายสุเทพไว้ในประเด็นเดียวกันหลายราย และทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้มีการรวมเป็นคดีเดียวกันแล้ว จึงมอบหมายให้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนจากหลายส่วน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานพิจารณาต่อไป
*** ยื่นอุทธรณ์ขอศาลไต่สวนหมายจับ “เทือก”
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายเจษฎา อนุจารี ทนายความของ นายสุเทพ ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง โดยขอให้ศาลไต่สวนคำร้องเพื่อเพิกถอนหมายจับ ภายหลังที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ นายสุเทพ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา รวม 2 ข้อหา ฐานมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ และบุกรุกเข้าไปในอาคารสถานที่ราชการฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และ 365 กรณีที่นำมวลชนบุกปิดล้อมกระทรวงการคลัง
**เตรียมขอมติมวลชนหลัง 30 พ.ย.
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำเวทีราชดำเนิน ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้หารือกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วยืนยันว่าจะไม่มีการยุบเวทีที่ ถ.ราชดำเนิน แต่จะมีเวทีหลัก 3 เวที คือ1. ที่ราชดำเนินเป็นเวทีสะสมมวลชน และเป็นโรงอาหารใหญ่ เพื่อลำเลียงอาหารไปยังอีก 2 เวทีคือ เวทีกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นส่วนหน้าสำหรับรักษาระบบการเงินของประเทศ และเวทีศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นที่รวมของแกนนำคนสำคัญ ยืนยันทุกเวทีจะเดินต่อไปถึงวันที่ 30 พ.ย.แน่นอน ซึ่งหลังจากนั้นถ้ารัฐบาลจบ เราก็จบ แต่ถ้ายังไม่จบ แกนนำยังตัดสินใจไม่ได้ ซึ่งจะมีการขอมติจากมวลชนอีกครั้งว่าจะเดินหน้าไปต่อหรือไม่
*** บุกศาลากลาง-เสื้อแดงขนคนปะทะ
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณในต่างจังหวัดนั้น มวลชนในหลายจังหวัดได้ออกมารวมพลังและเดินทางไปยังบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเพื่อมอบดอกไม้และนกหวีดให้กับข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในศูนย์ราชการจังหวัด พร้อมเชิญชวนให้ร่วมกันออกมาแสดงพลังต่อ
ต้านระบอบทักษิณและยืนอยู่เคียงข้างประชาชน โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่มาร่วมให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้รับมอบดอกไม้และนกหวีดด้วย โดยเฉพาะจ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ เลย ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในบางจังหวัดได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลได้ออกมาต่อต้าน จนเกิดเหตุปานปลายปะทะกันของทั้งสองฝ่าย เช่น จังหวัดปทุมธานี และมหาสารคาม เป็นต้น
*** "สุเทพ"ลั่นปิดเกม 1-2 วันนี้
เมื่อเวลา 21.12 น. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวปราศรัย ว่า เวลาที่เราจะปิดเกมต่อสู้จะมาถึง 1-2 วันนี้ ตนเป็นผู้เขียนบทปฏิบัติการร่วมกับแกนนำ ส่วนหลวงปู่พุทธะอิสระจะระดมกำลังคน 1- 2 วันนี้ รู้แจ้งห็นจริง ไม่ใครก็ใครต้องไปกันข้างนึง ถ้าทำสำเร็จ จะมีสภาประชาชนและรัฐบาลประชาชนเกิดขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจนำประเทศไทยไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างสมบูรณ์แบบแท้จริง ซึ่งเป้าหมายจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อการปฏิบัติการคราวนี้สามารถกำจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ่นไปจากแผ่นดินไทยเสียก่อน ซึ่งการปฏิบัติการคราวนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาร่วมกัน อย่างที่ลวงปู่พุทธะอิสระชักชวนว่าต้องมาให้เกิน 1 ล้านคน
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนและแกนนำได้ตัดสินใจแล้วว่าเรื่องนี้ต้องจบเร็วที่สุด ไม่อยากเห็นนายกฯไปทำอะไรที่บาดตาบาดใจอีกต่อไป การร่วมมือร่วมใจคราวนี้ต้องยิ่งใหญ่จริงๆ และลงมือปฏิบัติการอย่างจริงจัง แล้วจะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เห็นพระคุณเจ้าเดินนำขบวน จะรอดูถ้าคนมามากมากจริงอย่างที่ตั้งความหวัง ตนจะพูดเรื่องแผนปฏิบัติการในพรุ่งนี้ พูดเสร็จอาจลงมือปฏิบัติการทันที พี่น้องต้องมีรองเท้าผ้าใบ กับใจถึงๆ
*** ซัด"กรณ์"อย่าขวางการต่อสู้
ส่วนกรณีที่ นายกรณ์ จาติกวณิช แสดงท่าทีต่อสาธารณะว่าไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้ชุมนุมบุกยึดกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ และไม่สบายใจในกลยุทธ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องขออนุญาตกราบเรียนว่า นายกรณ์ มีสิทธิเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม แต่ต้องกราบเรียนพร้อมกันไปว่าผู้ชุมนุมเราก็มีสิทธิ 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกันที่จะดำเนินการใดๆที่เห็นว่าจำเป็นให้เกิดควาสำเร็จในการต่อสู้กับระบอบทักษิณ เพื่อชัยชนะของประชาชน ผู้ชุมนุมทุกคนและแกนนำทุกคนไม่มีใครติดหนี้นายกรณ์ ไม่เคยได้รับการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลใดๆจากนายกรณ์ทั้งสิ้น และนายกรณ์ไม่ได้เป็นแกนนำ การดำเนินการใดๆของผู้ชุมนุมเป็นไปตามมติมวลมหาประชาชน ให้เข้าใจว่าผู้ชุมนุมที่นี่มีสติปัญญาของตัวเอง
ที่นายกรณ์บอกว่าไม่สบายใจในกลยุทธ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมก็ชักไม่สบายใจในท่าทีของนายกรณ์เช่นกัน ในฐานะแกนนำ ตนรู้สึกดีใจ และโชคดีมากที่ไม่ได้รับนายกรณ์มาเป็นแกนนำในการชุมนุมครั้งนี้แต่ต้น ส่วนที่นายกรณ์บอกว่าพยายามพูดคุยกับผู้รับผิดชอบ กราบเรียนว่าการยึดกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ตนนำเอง เพราะรู้ดีว่าสุ่มเสี่ยงต่อการถูกข้อหา ตนไม่เคยปรึกษานายกรณ์เพราะเห็นว่าไม่ใช่คนสำคัญถึงขั้นต้องปรึกษาด้วย เพราะแม้ว่าเป็นผู้มีความรู้มากจบจากอ๊อกฟอร์ด แต่เทียบกับคนจบรุ่นหลังอย่าง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อายุยังน้อยแต่ยอมลาออกมาต่อสู้ พร้อมเผชิญกับข้อหากบฎ ตนย่อมสนใจที่จะปรึกษานายเอกนัฏมากกว่า
ขอโทษจริงๆที่ต้องเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะว่าเวลาปฏิบัติการกระชั้นเข้ามา ถ้ามีกรณีมาพูดอย่างนายกรณ์บ่อยๆ จะกระทบต่อการร่วมแรงแข็งขันของพี่น้องประชาชน ตรงนี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าแกนนำ 9 คน แม้เคยสังกัดพรรคการเมืองเดียวกัน แต่เมื่อลาออกแล้วถือว่าการกระทำต่อไปนี้ มุ่งหน้าเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ไม่สนใจพรรคการเมืองอีกต่อไป แกนนำทั้ง 9 คนไม่ทำตามคำสั่งใคร นอกจากมวลมหาประชาชนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่เท่านั้น พรรคการเมืองก็มาสั่งเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่วันนี้จนปฏิบัติการเสร็จอย่าออกมาพูดอะไรอีก ไม่งั้นนายกรณ์จะลำบากมากในชีวิต
นายสุเทพ ยังกล่าวตอบโต้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ด้วยว่า บอกว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งที่วันก่อนสั่งตำรวจสลายการชุมนุมที่กระทรวงการคลัง คิดอ่านวางแผนถึงขั้นดักจับ นายเอกนัฏ เพื่อเป็นตัวประกันให้ตนเอาตัวเองไปแลก ถ้าไม่มีพี่น้องประชาชนมาช่วยปกป้องมวลชนที่กระทรวงการคลังป่านนี้การชุมนุมสลายไปแล้ว แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังจะมาลอยหน้าลอยตาว่าไม่ทำรุนแรง
ที่นายกฯบอกจะเปิดเวทีให้พูดคุยกัน ตนไม่เจรจา ไม่ต่อรองอะไรทั้งนั้น เพราะมีเรื่องเดียวคือระบอบทักษิณต้องหมดสิ้นจากแผ่นดินไทย ส่วนที่อ้างเรื่องเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ไม่ต้องมาสอน เพราะพวกเราจงรักภักดีกว่าพวกคุณ และจะประกาศให้รู้ว่ามวลมหาประชาชนจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติให้ยิ่งใหญ่กว่าที่รัฐบาลทำ
**ปชป.สาวใส้กันเอง"กรณ์"ถูกอัดกลางวง
แหล่งข่าวในพรรคประชาธิปัย์ กล่าวถึงการประชุม ส.ส.พรรค ว่า มีการหารือเรื่องแก้ข้อบังคับพรรค ต่อจากแนวทางการปฎิรูปพรรคครั้งก่อน ที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคภาคกลางเป็นผู้เสนอ แต่เมื่อมีการแจกเอกสารโมเดลการแก้ไขข้อบังคับพรรค น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก แย้งว่า สถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ควรจะหารือแนวทางการต่อสู้กับรัฐบาลก่อนที่จะแก้ไขข้อบังคับพรรคได้หรือไม่ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เห็นด้วยกับ น.พ.วรงค์
ทั้งนี้ มีการวิจารณ์ว่า การชูโมเดลปฎิรูปพรรคลักษณะนี้ เป็นการมัดมือชก เหมือนกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ เสนอโมเดลบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน โดยที่ประชุมเห็นว่า ต่อจากนี้ควรเริ่มต้นถกถึงรายละเอียดทำความเข้าใจแนวทางกันในพรรคมากกว่านี้ เพราะส.ส.ในพรรคทุกคนไม่มีใครสั่งใครได้
โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เองก็ยังเชื่อว่า ต่อให้ปฎิรูปให้เสร็จทันก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ยังไม่สามารถนำไปสู้การชนะเลือกตั้งได้ในทันที เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการวางแผนระยะยาวให้กับพรรคอย่างมั่นคง
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังหารือถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิชย์ รองหัวหน้าพรรคภาค กทม.ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ ในทำนองไม่เห็นด้วยกับการบุกยึดสถานที่ราชการของเครือข่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ที่นำโดยนายสุเทพ ซึ่งมีส.ส.ของพรรคบางคนติงว่า จากนี้นายกรณ์ ควรคำนึงถึงผลกระทบทั้งกับพรรค และมวลชน ก่อนการให้สัมภาษณ์
ทั้งนี้ ในเรื่องกระแสข่าวการลาออกของส.ส.ประชาธิปัตย์ เพื่อร่วมกับประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ แต่พรรคมีมติไม่ให้ส.ส.ลาออก เพราะยังเห็นว่าทิ้งระบบรัฐสภาไม่ได้ โดย ส.ส.หนึ่งคนยังสามารถสวมหมวกได้หลายใบ อย่างไรก็ตาม ทางพรรคยังไม่ตัดประเด็นที่จะให้ส.ส.ของพรรคลาออกมาสู้ร่วมกับประชาชน เพียงแต่ระงับยุติไว้ก่อนเพราะสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เหมาะจะทำเช่นนั้น
*** ทปอ.เรียกร้องรัฐบาลยุบสภา
ส่วนที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาโดยเร็ว เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ เพื่อไม่ให้สถานการณ์บ้านเมืองเป็นไปในลักษณะเดิมภายหลังการเลือกตั้งซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมา จึงเสนอให้มีการเจรจาระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อให้มีข้อยุติเบื้องต้นก่อนที่จะมีการยุบสภา โดยมีบุคคลที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเป็นคนกลางในการเจรจาในประเด็นต่าง