มวลชนเรือนล้าน หลั่งไหลสู่ราชดำเนิน ร่วมชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ ขุดรากระบอบเผด็จการทักษิณ ประกาศเคลื่อนขบวนกดดันรัฐบาลวันนี้ "เทือก" ดาวกระจาย 13 เส้นทาง ไปถึงที่ให้ ขรก.-ทหาร-ตำรวจ-ทีวี เลือกจะยืนเคียงข้างประชาชน หรือรับใช้ระบอบทักษิณ ลั่นการต่อสู้จบภายใน 3 วัน เตือน "ปู" ต้องรีบตัดสินใจก่อนซ้ำรอยพี่ชาย ด้าน "ยิ่งลักษณ์" สั่งกองทัพจับตา 24 ชม. ทหารกร้าวอย่าดึงสถาบันฯ ปลุกม็อบ
เมื่อเช้าวานนี้ (24 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ขับไล่ระบอบทักษิณ กลุ่มเครือข่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณ ได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 109 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล และถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ในวันประกาศยระดับการชุมนุมใหญ่ ซึ่งมีแกนนำคนสำคัญ รวมถึงส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ดเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณ และพี่น้องประชาชนที่ร่วมกระทำพิธีอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ช่วงสายประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งตัวแทนจากสถาบันการศึกษา เริ่มหลั่งไหลเข้ามายังที่ชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินกันอย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ได้เตรียมสำภาระเพื่อปักหลักค้างคืนไปจนถึงเช้าวันที่ 25 พ.ย. และจะเดินขบวนไปยังสถานที่ราชการต่างๆ ใน 13 เส้นทาง เพื่อต่อต้านรัฐบาลในแบบอารยะขัดขืน
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของ กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ในช่วงบ่ายวานนี้ ตลอดเส้นทางถนนพิษณุโลก จากบริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ที่เป็นจุดตั้งเวที จนถึงแยกยมราช เต็มไปด้วยมวลชนที่ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมอย่างคับคั่ง ขณะที่ตลอด 2 ข้างทาง จากแยกนางเลิ้งถึงแยกยมราช มีรถตู้และรถบัส ของมวลชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด จอดเต็มทั้ง 2 ฝั่ง และล้นไปจนถึงสะพานข้ามแยกยมราชแล้ว ด้านแยกนางเลิ้ง มุ่งหน้าแยกเทวกรรม ก็เต็มไปด้วยมวลชนที่ทยอยเดินทางมาเช่นกัน
นอกจากนี้ มวลชนจากหลายภาคส่วนได้เดินทางมารวมตัวกัน อาทิ จาก จ.กำแพงเพชร เพชรบุรี และกลุ่มศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทยอยเข้ารวมตัวกันที่แยกนางเลิ้ง และจะเดินไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่การรักษาความปลอดภัย ได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่การ์ดอาสากว่า 400 คน ในทุกจุดเพื่อเฝ้าระวังเหตุและอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม
**ซัด ตร.บิดเบือนต้องยึดทุกโรงพัก
เมื่อเวลา 14.14 นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มเครือข่าวต่อต้านทักษิณ ขึ้นปราศรัยบนเวทีแยกนางเลิ้งว่า ตนมีข่าวจะมาบอกพี่น้องผู้ชุมนุม ขณะนี้ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ที่ชอบบิดเบือนข่าว ได้แถลงข่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุม ทั้ง 3 จุด คือ กลุ่มบริเวณแยกนางเลิ้ง สะพานมัฆวาน และ กลุ่มผู้ชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะไปปิดสถานีโทรทัศน์ 3,5,7,9, และกองทัพไทย ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ โกหกสันดานชั่วอีกแล้ว จำชื่อไว้ให้ดีพี่น้อง เพราะเราไม่ไปปิดสื่อ ไม่ไปปิดกองทัพ เพราะวันนี้กองทัพบยืนอยู่ข้างประชาชน
ส่วนข่าวที่ไม่แถลง แต่เป็นเรื่องจริง คือ เราจะไปปิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าทำแบบนี้ บิดเบือนแบบนี้ เราปิดแน่ นอกจากจะปิดแล้ว ตนจะนำบุกเข้าไปเอง ส่วนพี่น้องที่เดินทางมาชุมนุมแล้วเข้าที่ชุมนุมไม่ได้ ให้ไปที่โรงพักที่อยู่ใกล้ที่สุด ยึดทุกโรงพัก
**เตือน ตร.อย่าพกปืนทำร้ายปชช.
ต่อมาเวลา 17.00 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. ขึ้นกล่าวบนเวทีปราศรัยว่า สถานการณ์จากนี้ 1 ชม.จะเกิดสถานการณ์ใหญ่ เพราะทราบมาว่า มีคำสั่งให้ตำรวจปราบจลาจล เตรียมพร้อมใน 1 ชม. แต่ตรงนี้อยากบอกว่าประชาชนได้เตรียมพร้อมมาตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.แล้ว และเคลื่อนตัวได้ทันที ขอเตือนตำรวจนครบาลว่า ต้องอยู่ในกทม.อีกนาน เตือนด้วยความหวังดี อย่าพกพาอาวุธปืนออกมาเด็ดขาด ไม่งั้นเราจะเริ่มจากเบาไปหาหนัก หากพบตำรวจพกปืนออกมา ให้ผู้ชุมนุมล้อมไว้ วันนี้ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน แต่เป็นหน้าที่ของประชาชน ศัตรูของแผ่นดินวันนี้ คือรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ภัยการเมืองวันนี้ คือส.ส.พรรคเพื่อไทย กับพรรคร่วมรัฐบาล ศัตรูตัวสำคัญ คือตำรวจชั่วที่ยอมเป็นขี้ข้ารัฐบาล คำสั่งของรัฐบาลไม่ใช่คำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ตำรวจไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม และวันนี้ประชาชนจะฟังคำสั่งกันเอง และออกคำสั่งกันเอง
" ผมอยากให้ทุกคนจำชื่อเอาไว้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. และพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช. และยังมีพวกแก๊งโนเนม พวกแก๊ง น.หนู ทั้งหมด ที่บอกว่าจะจัดการไอ้นิติธร ให้ได้ภายใน 3 - 4 วัน ระวังบ้านเมิงด้วยนะครับ อย่าขู่นาน เพราะโดนขู่มาตั้งแต่เด็กแล้ว หากเอาจริงเมื่อไหร่ บอกมา พร้อมทั้งนั้น จะแบบเดียวหรือเป็นหมู่ ไม้หรือมือเปล่า ผมได้หมดแค่บอกมาเลย" ที่ปรึกษา คปท. ระบุ
**ม็อบล้น สั่งเปิดเวทีเพิ่มสนามหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมช่วงค่ำ คึกคักเป็นอย่างมาก และมีมวลชนหลั่งไหลเข้าร่วมชุมนุมต่อเนื่องจากถนนทุกเส้นทาง อาทิ สะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 ที่เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจร เพื่อให้ผู้ชุมนุมเดินลงมายังบริเวณการชุมุนม และแกนนำได้เปิดเวทีย่อยที่ท้องสนามหลวงด้วย เพื่อให้ผู้ชุมนุมติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบริเวณถนนราชดำเนินกลางแน่นขนัด
นอกจากนี้มีรายงานว่า ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ล้อมรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ ช่อง3 ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังรายงานสดการชุมนุม โดยรถจอดอยู่ข้างศาลาว่าการกทม. ทำให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำผู้ชุมนุมต้องขึ้นเวทีประกาศให้มวลชนให้โอกาสกับผู้สื่อข่าวภาคสนามได้ทำหน้าที่ด้วย เนื่องจากผู้สื่อข่าวไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในนโยบาย ขณะที่บนเวทีมีการแสดงดนตรีจากนักดนตรีเพื่อชีวิต เช่น วงมาลีฮวนน่า
**วิชามารวางตะปูเรือใบสกัดม็อบใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 23 พ.ย. ได้เกิดเหตุโกลาหลบนถนนเพชรเกษม ขาเข้ากทม. ในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากมีรถยนต์จำนวนมาก ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ และรถยนต์บรรทุก รวมถึงรถบัสโดยสาร ถูกตะปูเรือใบยางแตกเสียหาย ไม่สามารถเดินทางต่อได้ ต้องจอดรถข้างทางเพื่อเปลี่ยนยาง แต่ไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
นายสุวิวัฒน์ พรหมมา รองหัวหน้าหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวง ห้วยมงคล ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จุดที่พบตะปูเรือใบจำนวนมาก เป็นถนนสายบายพาส ปราณบุรี มุ่งหน้า อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุและมีรถประสบเหตุยางแตกจำนวนมากกว่า 30 คัน ตั้งแต่ กม.ที่ 46-กม.ที่ 23 รถยนต์ทั้งหมดถูกตะปูเรือใบเป็นเหล็กขนาด 2 หุน ยาวประมาณ 3 นิ้ว เหมือนกันทั้งหมด เห็นว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมือง แต่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ถือเป็นการกระทำที่เลวร้าย เพราะอาจทำให้รถยนต์ประสบ
อุบัติเหตุตกร่องกลาง หรือพุ่งชนต้นไม้จนทำให้มีผู้เสียชีวิตได้ จึงขอประฌามการกระทำดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประจวบธรรมสถาน ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ออกตรวจสอบถนนเพชรเกษมฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ หลังพบว่ามีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุจากยางแตก เนื่องจากถูกตะปูเรือใบกว่า 20 คัน ขณะที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธีธรรมสถานสามร้อยยอด ได้ออกตรวจสอบเส้นทางหลังจากมีรถยนต์ประสบอุบัติเหตุถูกตะปูเรือใบ
ทั้งนี้ มีรถยนต์ถูกตะปูเรือใบกว่า 100 คัน และมีรายงานว่า มีรถยนต์บางคันกระจกแตก เนื่องจากโดนลูกเหล็กที่ใช้ยืงจากหนังสติ๊กบริเวณข้างถนนเพชรเกษม ช่วง อ.ทับสะแก และ อ.สามร้อยยอด
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้รถที่ใช้เส้นทางขึ้นล่องติดยาวเหยียดกว่า 20 กม. กว่าจะเคลียร์เส้นทางได้ตามปกติ ก็กินเวลาไปถึง 04.00 น.วันเดียวกัน
**"ปู"ต้องรีบตัดสินใจก่อนซ้ำรอยพี่ชาย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics)กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง ศอ.รส. และรัฐบาล กำลังประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างมหันต์ ไม่ว่าจะเป็นการประเมินจำนวนคนที่น้อยกว่าความเป็นจริง และเชื่อว่าการสกัดกั้นสารพัดวิธี โดยการตั้งด่านของตำรวจ และการวางตะปูเรือใบ จะสามารถสกัดมวลชนอยู่ เหมือนม็อบเสธ.อ้ายนั้น ไม่ได้ผลแล้ว เพราะมวลชนทะลักไหลเข้ามายิ่งกว่ามวลน้ำ ปี 2554 คาดว่าเกินล้านแน่นอน
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ยังใช้วิธีสร้างสถานการณ์ ปล่อยข่าวการก่อเหตุความรุนแรงนั้น ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ผล ยิ่งเป็นการเรียกแขกมากขึ้น และที่ผิดพลาดมากที่สุดคือ การดิสเครดิตการชุมนนุมครั้งนี้ ด้วยการโจมตี และเปิดแผลนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พยายามบิดเบือน ทำให้ภาพการชุมนุมครั้งนี้เป็นม็อบสุเทพนั้น ถือเป็นความโง่เขลาของรัฐบาล โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
เพราะมวลชนที่มา มีทั้งคนชอบ และไม่ชอบนายสุเทพ ประชาชนมองข้ามไปไกลกว่านั้น เพราะประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปประเทศไทย และต้องการแสดงมติมหาประชาชน ว่าคนไทยไม่เอาระบอบทักษิณ จึงอยากบอกไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ถ้านาทีนี้ยังคิดว่าจะเอาอยู่ และจะสู้โดยให้ลิ่วล้อออกมาเผชิญหน้าแทนนั้น อาจจะเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดในชีวิต และไม่มีโอกาสได้แก้ตัวใดๆ เลย
นายกฯ ต้องยืนอยู่บนความจริง และตัดสินใจปลดชนวนความขัดแย้งทางการเมืองโดยเร็วที่สุด ก่อนจะเดินตามรอยความผิดพลาดที่กู่ไม่กลับ ของพี่ชาย
**ญาติวีรชน 35 จี้"ปูนิ่ม"ลาออก-ยุบสภา
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชน ปี 35 กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความรุนแรง เพราะประชาชนไม่สามารถทนได้กับการใช้อำนาจที่เกินขอบเขตของรัฐบาลมาเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งเกิดความต้องการที่จะปฏิรูปประเทศ เชื่อว่าประชาชนคงไม่ถอย และการแสดงความไม่พอใจจะกระจายวงกว้างออกไป ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาลใช้ช่องทางที่เป็นกระบวนการประชาธิปไตย คือ การลาออก หรือตัดสินใจยุบสภาทันที ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น เพื่อพาบ้านเมืองกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง ให้การต่อสู้ทางการเมืองกลับเข้าสู่รูปแบบที่มีกฎ กติกา และที่สำคัญให้ประชาชนได้ตัดสินอนาคตของประเทศ
นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยา นายสมชาย นีละไพจิตร กล่าวบนเวทีปราศรัยของกลุ่มคปท. ว่า ที่ผ่านมามีแต่คนบอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นในฐานะที่อาวุโสกว่า คุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะที่เป็นเหยื่อ ฝากความปรารถดี ไปยังคุณยิ่งลักษณ์ วันนี้จำเป็นต้องแสดงภาวะเป็นผู้นำประเทศ อย่าหลบอยู่ข้างหลัง และไม่ต้องให้คนอื่นมาพูดว่า นายกฯ ไม่ต้องรับผิดชอบอีกต่อไป คุณยิ่ง
ลักษณ์ จำเป็นต้องเชื่อเหมือนที่พวกเราเชื่อว่า ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคนตระกูลชินวัตร มาเป็นผู้ปกครองประเทศ
***ดาวกระจายเพื่อให้เลือกข้าง
เมื่อเวลา 19.00 น. ที่เวทีเวทีเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แยกนางเลิ้ง นายสุริยะใส กตะศิลา หนึ่งในคณะแกนนำภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวเดินขบวนใหญ่โค่นระบอบทักษิณ ปฏิรูปประเทศไทยของภาคประชาชน ที่จะเริ่มขึ้นในเช้าวันที่ 25 พ.ย.พร้อมกันทั้งเวทีต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวทีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกองทัพธรรมมูลนิธิ ที่แยกผ่านฟ้า และเวที คปท. ที่แยกนางเลิ้ง จากการหารือแกนนำทั้ง 3 เวที ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า กลุ่มมวลชนของนายสุเทพ จะจัดกิจกรรมเดินขบวนเดินสายไปมอบดอกไม้ และชักชวนข้าราชการหน่วยงานต่างๆ 12 จุด ให้มาร่วมแสดงพลังปฏิเสธอำนาจสั่งการของคณะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นการเดินสายรอบนอก ส่วน กปท.- กองทัพธรรมมูลนิธิ และ คปท. จะประสานแบ่งพื้นที่เคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลในจุดพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นการแสดงพลังประชาชน ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้
เห็นและตัดสินใจว่า จะเลือกยืนอยู่ข้างประชาชน หรือข้างพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ทั้ง 3 เวทีจะเคลื่อนขบวนด้วยสันติวิธี ถ้ารัฐบาลจะใช้กำลัง เราจะถอยกลับมาตั้งมั่นในที่ตั้ง ส่วนหลังจากนี้จะมีการยกระดับอย่างไรต่อไป ต้องรอการประเมินสถานการณ์ในวันที่ 25 พ.ย. แบบชั่วโมงต่อชั่วโมง ก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเส้นทางที่คาดว่าแกนนำกลุ่มเครือข่ายต่อต้านระบอบทักษิณ จะนำมวลชนเคลื่อนไหวในเช้าวันที่25 พ.ย. ในพื้นที่ 13 จุด อาทิ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการกองทักบก สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ,5 ,7 ,9 ,ไทยพีบีเอส และ ช่อง11
**รัฐบาลถกวอร์รูม หาช่องกม.ฟันม็อบ
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (24พ.ย.) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เรียกประชุมวอร์รูม รับมือสถานการณ์ม็อบ ที่กระทรวงแรงงาน โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยทีมกฏหมายพรรคเพื่อไทย นำโดย นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฎีกา ในฐานที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล หารือแนวทางการตอบโต้ ชี้แจงข้อเท็จจริง ประเด็นต่างๆ ที่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวหารัฐบาลบนเวทีปราศรัย เพื่อไม่ให้ป้องกันมวลชนชุมนุมมากขึ้น และเป็นแนวทางเนินคดีต่อไป โดยทั้งหมดจะมอนิเตอร์ติดตามสถานการณ์ตลอดทั้งวัน ที่กระทรวงแรงงาน
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านพัก ในซอยโยธินพัฒนา 3 ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มงวด และมีรายงานว่า มีการตั้งวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ในช่วงเช้า เพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมและความเคลื่อนไหวโดยรวม
ด้านร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อยากฝากไปถึงผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดีย และประชาชนที่หลงเชื่อตามที่นายสุเทพ แสดงพฤติกรรมเท็จ หลอกลวงประชาชนให้มาร่วมชุมนุม ด้วยการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าไม่จงรักภักดี ตนยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงรักภักดีแน่นอน และรัฐบาลชุดนี้ก็จงรักภักดี โดยตั้งคณะทำงานมาตรวจจับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ หลายคดี
ขณะนี้คนที่ถูกกล่าวหาเป็นกบฎในราชอาณาจักร มีอยู่คนเดียวคือนายสุเทพ ที่ประกาศห้ามคนจ่ายภาษี ห้ามทำงาน มีความผิดตาม มาตรา 117 มีโทษจำคุก 7 ปี ตนขอถามประชาชนที่กำลังเดินทางมาชุมนุมว่า ถ้านายสุเทพ ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือด ล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้ จะเอานายสุเทพ เป็นนายกฯ กันหรือไม่ ขอให้คิดกันให้ดี ตอนนี้บอกได้เลยว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ จะไม่ยุบสภา ไม่ลาออก การประกาศไล่นายกฯ ถือเป็นกบฎในราชอาณาจักร
สำหรับการดูแลความปลอดภัย ยืนยันว่า ตำรวจเป็นมิตรกับประชาชนไม่ใช่ศัตรู สิ่งที่ตนเป็นห่วงที่สุดว่าประชาชนจะได้รับอันตราย เพราะตำรวจมีข่าวตรงกัน รายงานว่ามีกลุ่มคนเตรียมนำอาวุธสงครามเข้ามาก่อเหตุในระหว่างการชุมนุม โดยขนย้ายกันเมื่อ เวลา 02.00 วันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ทราบว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ยังไม่เปิดเผย และได้กำชับไปทางตำรวจว่า ให้ขอหมายค้นไปแล้ว โดยจะหารือกับฝ่ายตำรวจ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงก่อนว่า ขนย้ายไปไว้ที่จุดใด จากนั้นจะแจ้งให้ทราบต่อไป ซึ่งอาจกระทบกับเศรษฐกิจ สังคม และความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ตำรวจเฝ้าระวังเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง ยืนยันว่าการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่จะไม่ก่อเหตุ แต่ฝ่ายที่จะจะก่อเหตุบางส่วนเท่านั้นที่เตรียมจะสร้างเรื่อง ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่าเจ้าหน้าที่โรยตะปูเรือใบ เพื่อสกัดไม่ให้มวลชนมาร่วมชุมนุมนั้น เป็นวิธีการเก่าแบบนักเลงโบราณ ที่ต้องการทำให้ตำรวจเสียหาย ยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวไม่ใช่ฝีมือของตำรวจแน่นอน มีแค่คนฉลาดน้อยเท่านั้นที่จะทำเช่นนี้
** คาดม็อบยึดทำเนียบฯ-รัฐสภา-ทีวี
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุมติดตามการชุมนุมทางการเมือง ระบุ การข่าวพบมีการระดมมวลชนเข้ามาพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง และให้จับตาช่วงเย็น ถึงเวลา 24.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมจะยกขบวนไปปิดล้อมสถานที่สำคัญ ตามประกาศพ.ร.บ.มั่นคงฯ อาทิ ทำเนียบรัฐบาล อาคารรัฐสภา เพื่อไม่ต้องการให้รัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานได้ โดยใช้เส้นทางอยู่ 2 เส้นทาง ประกอบด้วย แยกมัฆวานรังสรรค์ สะพานอรทัย แยกสะพานชมัยมรุเชฐ แยกมิสกวัน แยกอู่ทองใน แยกขัตติยานี แยกการเรือน แยกอู่ทองนอก แยกวังแดง แยกวิสุทธิกษัตริย์
ขณะที่แกนนำบางส่วน เตรียมใช้รถยนต์ กระบะ 50 คัน นำมวลชน 100-200 คน เคลื่อนไปกดดันสถานที่หลายแห่ง ทั้งสถานที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพอากาศ และไปกดดันสถานีโทรทัศน์ทุกแห่ง อาทิ ช่อง 3- 5- 7- 9 NBT-ThaiPBS รวมถึงสถานที่เชิงสัญลักษณ์ของรัฐบาล ทั้งที่ทำการพรรคเพื่อไทย ตึกชินวัตร โดยมีจุดประสงค์ เพื่อให้การจารจรติดขัด ตั้งแต่ช่วงเย็นนี้เป็นต้นไป และจะมีการเปิดการปราศรัยในบางจุด เช่น วงเวียนใหญ่ อโศก สีลม โดยจะชุมนุมยืดเยื้อมากกว่า 1-2 วัน
***ม็อบฮือล้อมรถช่อง 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ล้อมรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวกำลังรายงานสดการชุมนุม โดยรถจอดอยู่ข้างศาลาว่าการ กทม. ทำให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำผู้ชุมนุมต้องขึ้นเวทีประกาศให้มวลชนให้โอกาสกับผู้สื่อข่าวภาคสนามได้ทำหน้าที่ด้วย เนื่องจากผู้สื่อข่าวไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในนโยบาย ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำม็อบราชดำเนิน ได้ขึ้นเวทีปราศรัยขอความร่วมมือผู้ชุมนุมที่สี่แยกคอกวัวว่า แม้จะไม่พอใจการรายงานข่าวของทีวีช่องต่างๆ แต่เป็นการต่อสู้แบบพลเมืองดี ขอให้ยึดหลักการเอาไว้ ให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งให้พวกเขาได้ทำหน้าที่ วันที่ 25 พฤศจิกายน ค่อยไปเยี่ยมพวกเขาที่สถานี พวกเราได้ไล่รถถ่ายทอดสดช่อง 3 ไปแล้ว 1 คัน จะไล่ช่อง 7 อีก 1 คัน ตนขอบิณฑบาตร
**ทหารกร้าวอย่าดึงสถาบันฯปลุกม็อบ
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงถึงจุดยืนของกระทรวงกลาโหม ต่อสถานการณ์การชุมนุมว่า จากสถานการณ์ที่มีประชาชนจำนวนมากออกมาชุมนุม และจะมีการเคลื่อนย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ ทางกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะกรณีที่ได้มีกลุ่มผู้ที่ไม่หวังดี สร้างสถานการณ์มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ต้องการเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในสังคม พยายามนำข้อมูลที่อาจเข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาเผยแพร่และส่งต่อในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เพื่อสร้างความเข้าใจผิด และความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องประชาชน โดยการปลุกปั่น ยุยง ด้วยการผลิตคลิปตัดต่อภาพ สร้างสถานการณ์ให้กับประชาชนคนไทยทุกคนที่มีความรักชาติ เพื่อออกมาร่วมในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“การแสดงออกทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการแสดงความเห็นทางการเมืองผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนทำได้อย่างเสรี ตราบใดที่เป็นการแสดงออกภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ แต่หากการกระทำใดๆ ที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตาม ถือเป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐบาล และกระทรวงกลาโหม ที่ต้องออกมาปกป้อง และถวายพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กระทรวงกลาโหมขอ
วิงวอนกับผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม และประชาชนทุกคน ที่ออกมาร่วมชุมนุมแสดงความเห็นต่าง โดยปราศจากความรุนแรง ใช้แนวทางสันติวิธี แก้ปัญหาทางการเมือง กระทรวงกลาโหมไม่อยากเห็นความขัดแย้งของพี่น้องประชาชนแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่าย เหมือนบางประเทศที่มีการปะทะ และเกิดเหตุจลาจล เช่น ประเทศรวันดา ที่มีความขัดแย้งกันของประชาชนทั้งสองเผ่า ที่เคยเป็นเพื่อนบ้าน ญาติ พี่น้องกัน แต่จากสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้หันมาทำร้ายและฆ่ากันเอง ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ ที่กระทรวงกลาโหม มีความห่วงใย และมุ่งหวังให้ประเทศชาติสงบสุข ขอให้ประชาชนชาวไทย มีความรักสามัคคี ปรองดองคนในชาติ”
** "ยิ่งลักษณ์"สั่งกองทัพจับตา 24ชม.
รายงานข่าวแจ้งว่า จากสถานการณ์การชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลของกลุ่มของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมจำนวนมาก และเตรียมที่จะเคลื่อนย้ายไปชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการไซเบอร์กลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เฝ้าติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มม็อบราชดำเนินอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ ให้มีการติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรายงานสถานการณ์ให้รับทราบ เนื่องจากขณะนี้ มีความเป็นห่วงว่า การชุมนุมอาจจะเกิดความรุนแรง เพราะมีประชาชนเดินทางมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก จึงเกรงว่าแกนนำจะควบคุมผู้ชุมนุมไม่ได้ โดยเฉพาะการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายจากกลุ่มมือที่สาม
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง เปิดเผยว่า ผบ.เหล่าทัพ เป็นห่วงกับสถานการณ์การชุมนุม จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการเหล่าทัพ ติดสถานการณ์ พร้อมประสานงานกับ ศอ.รส. เพราะเกรงว่า นายสุเทพ แกนนำจะควบคุมมวลชนที่ร่วมชุมนุมไม่ได้ เพราะมวลชนที่มีจำนวนมาก ย่อมเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ ที่จะให้ทหารออกไปสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ ขณะเดียวกัน หากเกิดสถานการณ์รุนแรง จนตำรวจไม่สามารถควบคุมได้ กองทัพก็มีความพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ และดูแลประชาชนทันที ซึ่งทางตำรวจได้เตรียมการไว้หมดแล้ว หากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นมา โดยปฏิบัติตามหลักสากล ซึ่งทางกองทัพ เป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 มากที่สุด
ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่ได้มีการสั่งการ หรือจัดหน่วยอารักขา ยังคงใช้กำลังตำรวจตามปกติ อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพได้มีการเตรียมการรับมือไว้แล้ว เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน เพราะยังไม่ไว้ใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้
***"เทือก"ลั่น ขรก-ทหาร-ตร.-สื่อต้องเลือกข้าง
เวลา 21.15น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีราชดำเนิน ขอบคุณทุกเวทีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่หลอมดวงใจนับล้านดวง ลุกขึ้นมาร่วมต่อสู้ครั้งประวัติศาสตร์ในการโค่นล้มระบอบทักษิณ โดยเฉพาะพี่น้องชาวภาคใต้ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดขัดขวางในการเดินทาง วางตะปูเรือใบ แต่ก็เดินทางด้วยความอดทนจนมาถึงราชดำเนิน มาต่อสู้เพื่อลูกหลานของเรา ให้ไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของระบอบทรราชทักษิณ อีกต่อไป
นายสุเทพ กล่าวยืนยันว่า จะไม่เลิกต่อสู้ แม้ว่ารัฐบาลจะยุบสภา หรือลาออก ก็จะไม่หยุด จนกว่าจะล้างระบอบทักษิณ แล้วเปลี่ยนแปลงประเทศไทยสร้างกรอบกติกา ให้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง ขจัดพวกนายทุนที่ทุจริต คอร์รัปชัน ไม่ให้ขึ้นมาครองอำนาจ
นายสุเทพ ได้ประกาศยกระดับการชุมนุมด้วยการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุม ในวันนี้ ( 25พ.ย. ) โดยจะไปเรียกร้องให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เลิกรับใช้ระบอบทักษิณ แล้วกลับมารับใช้ประชาชน และเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะรัฐบาลนี้ รวมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา เป็นโมฆะ ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.ที่ประกาศไม่รับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ย่อมหมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป
วันนี้เราจะเดินไปถึงสถานที่ทำงานของข้าราชการ เอาดอกไม้ไปให้ แล้วถามว่า จะเลือกยืนอยู่ข้างประชาชน หรือระบอบทักษิณ นอกจากนี้ จะไปถามสื่อมวลชน ทั้งช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 ช่อง 11 ว่าจะเป็นสื่อมวลชนของประชาชน หรือเป็นสื่อของระบอบทักษิณ ขบวนของมหาประชาชนจะเป็น13 เส้นทาง ดังนี้ 1. กองบัญชาการทหารสูงสุด แจ้งวัฒนะ 2 .กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง 3. กองบัญชาการกองทัพบก 4. กองบัญชาการกองทัพเรือ 5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 6. กองบัญชาการตำรวจนครบาล 7 . สถานีโทรทัศน์ ช่อง3 8. สถานีโทรทัศน์ ช่อง5 9. สถานีโทรทัศน์ ช่อง7 10.สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 11. สถานีโทรทัศน์ ช่อง11 12. กระทรวงมหาดไทย 13. ไปสำนักงบประมาณ เพื่อบอกให้หยุดจ่ายเงินให้รัฐบาลเอาไปผลาญ โดยเส้นทางที่ 13 นี้ตนจะเป็นผู้นำทีมไปเอง
โดยการเดินขบวนครั้งนี้จะไปอย่างสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ เพื่อนำความปรารถนาดีไปให้ หวังว่าตำรวจจะไม่สกัดเส้นทางของเรา และการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องจบภายใน 3 วัน ถ้าข้าราชการ และสื่อมวลชน ที่เราไปหายังสมัครใจที่จะรับใช้รัฐบาล และระบอบทักษิณ เราจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายอีกครั้งในคืนวันที่ 25 พ.ย.นี้.