xs
xsm
sm
md
lg

สตช.ใช้ 50 กองร้อยคุมม็อบ สมช.หวั่นมือที่ 3 เชื่อไม่ปะทะ-เหล่าทัพระดมช่วยฟิลิปปินส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(แฟ้มภาพ)
พีอาร์กลาโหมเผยหลายฝ่ายกังวลม็อบยกระดับกระทบกระทั่ง สตช.แจง ศอ.รส.เกาะติดประเมินสถานการณ์ ชี้มีปัญหาจราจร ตร.ต้องประสานแกนนำ ยันมีกำลังเสริมรับแดงชุมนุม พร้อมตั้งด่านเข้มคัดผู้ชุมนุมกันป่วน ผบ.ตร.เผยใช้ 50 กองร้อยดูแล กทม. ใช้กำลังวิเคราะห์จากข้อมูล ที่ปรึกษา สมช.รับยังไม่จำเป็นขยายพื้นที่มั่นคง ไม่ขอพื้นที่คืน ห่วงมือที่ 3 เชื่อม็อบห่างกันไม่ปะทะ-รอง ผอ.กิจการฯ พลเรือน กห. เผยกองทัพระดมกำลังช่วยฟิลิปปินส์ ทั้งทางเรือ-อากาศ

วันนี้ (15 พ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ส่วนประชาสัมพันธ์และสารสนเทศ สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดความตึงเครียดจากการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและคดีปราสาทพระวิหารและการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ว่าปัจจุบันสถานการณ์แม้จะคลี่คลาย แต่ผู้ชุมนุมยังยื่นข้อเรียกร้องและยกระดับการต่อสู้ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะเกิดการกระทบกระทั่งจนเกิดความรุนแรงขึ้น

ส่วน พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ ตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ในฐานะแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศยกระดับการชุมนุมในวันที่ 15 พ.ย.เวลา 18.00 น. ทางศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ติดตามข่าวของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 3 กลุ่มอย่างใกล้ชิด เช่น กลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) กองทัพธรรม เครือข่าย 77 จังหวัด และเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โดยเจ้าหน้าที่เกาะติดเพื่อประเมินสถานการณ์ โดยทาง ศอ.รส.มีศูนย์ติดตามเพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์กำหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งปัญหาขณะนี้คือ การจราจร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามประสานงานกับแกนนำ เพื่อทราบแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อจะได้กำหนดเส้นทางจราจรไม่ให้กระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนใน กทม.

ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ยืนยันว่าเรื่องการใช้กำลังเจ้าหน้าตำรวจจะวิเคราะห์จากข้อมูลข่าวเป็นหลักเพื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประเมินวางแผนปฏิบัติ ขณะนี้ใช้กำลังตำรวจจำนวน 50 กองร้อยเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยใน กทม.รวมถึงที่สถานทูตกัมพูชาด้วย

เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่จะออกมาชุมนุมในวันที่ 18-20 พ.ย. ได้แบ่งกำลังดูแลความเรียบร้อยอย่างไร พ.ต.ท.เนติกล่าวว่า เรามีกำลังเสริมเตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่จะวิเคราะห์สถานการณ์ในการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ตั้งด่านเข้มแข็งทั่วประเทศเพื่อคัดกรองการเข้ามาร่วมชุมนุม และป้องกันไม่ให้กลุ่มใดเข้ามาสร้างสถานการณ์

ขณะที่ พ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ทาง สมช.ได้วิเคราะห์ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยประสานกับ ศอ.รส. โดยมองว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติมรวมถึงการขอพื้นที่การชุมนุมคืน เพราะยังสามารถรับมือได้แต่เป็นห่วงเรื่องมือที่สาม ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์ของกลุ่มต่างๆ และกลุ่มคนเสื้อแดง เชื่อว่าจะไม่มีการเผชิญหน้ากันเพราะสถานที่การชุมนุมอยู่ห่างกัน ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนขบวนต่างๆ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่พัฒนาไปสู่ความรุนแรง

ด้าน พ.อ.ยุทธ พรหมพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานกิจการพลเรือน สำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากพายุใต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ในประเทศฟิลิปปินส์ว่า ทางเหล่าทัพได้วางแผนประสานงานโดยมอบหมายให้ พล.ต.วัลลภ รักษ์เสนาะ รองเจ้ากรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหัวหน้าคณะพร้อมผู้แทนเหล่าทัพ 7 นายเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ในวันที่ 19 พ.ย. 2556 โดยเครื่องบินซี-130 หลัง ครม.อนุมัติฯ เพื่อวางแผนประเมินสถานการณ์ร่วมกับสหประชาชาติ หลังจากนั้นจะส่งชุดทหารช่างจำนวน 250 นาย ชุดช่วยเหลือค้นพา ชุดแพทย์สนาม เครื่องอุปโภคบริโภค เดินทางโดยเรือหลวงอ่างทอง และเรือหลวงสีชัง ลำเลียงอุปกรณ์ในการช่วยเหลือ ซึ่งภายในเรือได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์แบบซีฮอว์ก จำนวน 1 ลำ และซีไนต์จำนวน 1 ลำ สามารถปฏิบัติการลำเลียงและค้นหาช่วยเหลือทางอากาศได้ ในส่วนของกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบินซี-130 จำนวน 2-4 ลำเพื่อเตรียมลำเลียงถุงยังชีพพระราชทาน นม สำหรับเด็กเล็กและเต็นท์ที่พักอีก 100 หลัง โดยจะเดินทางในวันที่ 19 -20 พ.ย.นี้ โดยรอการยืนยันจากทางฟิลิปินส์ว่าจะสามารถนำเครื่องบินลงที่สนามบินใดที่มีความพร้อม


กำลังโหลดความคิดเห็น