“คปท.” ตำหนิ “นายกฯ-ผบ.ทบ.” จ้อไทยไม่เสียดินแดนไม่เหมาะสม ยื่นข้อเสนอ 7 ข้อให้รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามศาลโลก-ตั้งคณะทำงานศึกษาคำพิพากษา-นำข้อตกลงเข้าสภา-จัดประชามติ-ยุติทูลเกล้าฯ รธน.มาตรา 190-ตรึงกำลังทหาร-นำ “วีระ สมความคิด” กลับบ้าน จวกตำรวจหาเรื่องจับรถติดธงชาติ ท้าเอาตราโล่บนหมวกออก ชี้ “สมเกียรติ” ร่วมเคลื่อนไหวกับ กปท. สิทธิส่วนตัว
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก เมื่อเวลา 14.30 น. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในคดีปราสาทพระวิหาร โดยตำหนิท่าทีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้สัมภาษณ์ในเชิงที่ว่าประเทศไทยไม่สูญเสียดินแดนว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะเป็นการให้สัมภาษณ์ก่อนจะทราบความชัดเจนของรายละเอียดคำพิพาษา ขาดความรอบคอบและอาจมีผลผูกพันในอนาคต
ในแถลงการณ์ยังได้ระบุถึงข้อเรียกร้อง 7 ข้อ ได้แก่ 1. ขอให้รัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ อันมีผลต่อการยอมรับหรือปฏิบัติต่อคำพิพากษาของศาลโลก โดยเฉพาะกรณีที่ทำให้ไทยสูญเสียดินแดน 2. ตั้งคณะทำงานโดยมีสัดส่วนภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ ด้านนิตศาสตร์ รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนจากภาคประชาชนที่สังคมยอมรับ เพื่อศึกษาคำพิพากษาอย่างละเอียด วิเคราะห์ผลดีผลเสีย ในการยอมรับหรือปฏิเสธคำพิพากษาศาลโลก
3. นำบรรดาข้อตกลงใดๆ อันเกี่ยวกับพื้นที่ปราสาทพระวิหาร เขตแดนไทยกัมพูชา เข้าสู่การประชุม ตรวจสอบของรัฐสภา 4. การดำเนินการใดๆ อันเกี่ยวกับพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร เขตแดนไทย-กัมพูชา ตามคำพิพากษาศาลโลก อันมีผลผูกพันกับไทย จะต้องทำประชามติ 5. ยุติการทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และให้ถอนร่างดังกล่าว เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทันที
6. การดำเนินการทางทหาร ควรตรึงกำลังรักษาเขตแดนไว้ตามเดิม ไม่มีการถอนกำลัง จนกว่าการดำเนินการประชามติจะเสร็จสิ้น และ 7. ต้องเร่งดำเนินการตามสนธิสัญญาการส่งตัวนักโทษ ระหว่างไทยกับกัมพูชา กรณีนายวีระ สมความคิด ซึ่งขณะนี้ถูกจองจำครบ 1 ใน 3 ให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี 2556
ในช่วงท้ายแถลงการณ์ยังได้ระบุด้วยว่า “คปท.ยืนยันเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และต่อต้านโดยสันติวิธี อหิสา และจะประกาศขับไล่รัฐบาล ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.ที่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ต่อไป”
นอกจากนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท.ยังได้กล่าวถึงกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สั่งให้ทุกท้องที่สอดส่องจับรถยนต์ หรือจักรยานยนต์ที่ติดธงชาติออกมาวิ่งสร้างความปั่นป่วน หรือก่อเหตุวุ่นวายบนท้องถนนด้วยว่า หากติดธงชาติไทยแล้วผิดกฎหมาย จะให้ติดธงชาติอะไร อยากให้ตำรวจให้ความชัดเจนในส่วนนี้ และหากตำรวจห้ามประชาชนติดธงชาติไทย ตำรวจก็ควรนำตราโล่บนหมวกของตำรวจออกด้วย
ส่วนกรณีที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัดที่ร่วมเวที คปท.ไปเข้าร่วมเป็นกลุ่มผู้ก่อการปฏิวัติกับกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) นั้น นายนิติธรกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่นายสมเกียรติสามารถทำได้ และยืนยันว่าไม่มีความแตกแยกกับ คปท. ส่วนเรื่องการปฏิวัติโดยประชาชนของ กปท.นั้นไม่ขอแสดงความความคิดเห็น