ราชดำเนินเดิน 2 ทัพ “อิสสระ” นำไปศึกษาธิการ “จิตภัสร์” ไปกลาโหม ส่วนเวทีศูนย์ราชการยังไม่ไปไหน ยันคุมมวลชนได้ เตรียมปรับภูมิทัศน์รองรับมวลชน พร้อมให้จัดงาน 5 ธันวาหากเจ้าหน้าที่ประสานขอ “สุเทพ” ย้ำสื่อนอกต้องกวาดล้างระบอบแม้ว ด้าน กปท.ปิดล้อม สตช.ถึงเย็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ออกมารับหนังสือแสดงเจตนาไล่ระบอบทักษิณ พร้อมรับปากจะไม่ทำร้ายประชาชน ผู้ชุมนุมพอใจ ฉลองชัยชนะ ก่อนถอนกำลังกลับ
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่เวทีราชดำเนิน นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศบนเวทีจัดมวลชนแบ่งเป็น 2 ขบวนไปกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงกลาโหม โดยขบวนได้เคลื่อนในเวลา 10.54 น. มีนายอิสสระนำไปกระทรวงศึกษาธิการ ส่วน น.ส.จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี นำมวลชนไปกระทรวงกลาโหม เรียกร้องให้ข้าราชการยืนอยู่ข้างประชาชน
ทางด้านเวทีศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกเวทีต่อต้านระบอบทักษิณ ระบุว่า ขณะนี้กลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณมีเวทีหลักๆ อยู่ 3 เวที คือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงการคลัง และศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่ทั้งสามเวทีจะยังคงปักหลักไม่เคลื่อนย้ายใดๆ ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของมวลชนได้รับการตอบรับจากประชาชนทั่วประเทศ ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดก็มีการเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบทักษิณแล้ว กว่า 30 จังหวัด และยังกระจายไปอีกหลายกลุ่ม ถึงแม้หากรัฐบาลมีการประกาศยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ก็ยังไม่ใช่ทางออก เพราะเห็นว่าการเลือกตั้งก็มีการโกงกันมาก ดังนั้นการชุมนุมก็จะมีต่อไปแม้รัฐบาลจะยุบสภาก็ตาม
ในส่วนการจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมนั้น นายเอกนัฏกล่าวว่า หากยังไม่สามารถเคลื่อนไหวจนนำไปสู่ชัยชนะก็จะยังไม่มีการยุบเวทีการชุมนุมที่ถนนราชดำเนินเพื่อมารวมกับเวทีอื่น เพราะขณะนี้เห็นว่าการชุมนุมไม่กระทบกับการจัดงาน และหากจะเข้าไปจัดงานบนถนนราชดำเนิน เจ้าหน้าที่สามารถประสานไปยังเวทีการชุมนุมที่พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างประเทศเกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้ โดยยืนยันว่าเป้าหมายหลักคือการต่อต้านระบอบทักษิณ เพื่อล้างให้หมดไปจากการเมืองภายในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้จะเห็นได้ว่ามวลชนจากทั่วประเทศให้การตอบรับในการร่วมต่อต้านระบอบทักษิณ และถึงแม้รัฐบาลจะยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เชื่อว่าระบอบทักษิณจะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอยู่ดี ดังนั้นการยุบสภายังไม่สามารถตอบโจทก์ได้
เวลา 11.26 น. มวลชนนำโดยนายอิสสระได้เคลื่อนขบวนจากเวทีราชดำเนินมาถึงบริเวณแยกวังแดง โดยมีจุดหมายปลายทางที่กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นแยกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านรักษาความปลอดภัยด้วยลวดหนามและแบริเออร์เอาไว้ ทำให้เกิดการตั้งขบวนเผชิญหน้ากัน แต่ยังไม่มีเหตุรุนแรงใดเกิดขึ้น โดยนายอิสสระพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่เพื่อขอให้เปิดทาง
เวลา 11.31 น. น.ส.จิตภัสร์ ได้นำมวลชนมาถึงหน้ากระทรวงกลาโหมแล้ว โดยเรียกร้องให้ข้าราชการทหารออกมาร่วมมือกับประชาชนในการต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อมาพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ รองเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ พ.อ. ทวี สุดจิตร์ รองผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ พ.อ.คงชีพ ได้รับมอบดอกไม้ และ นกหวีด พร้อมกล่าวกับ น.ส.จิตต์ภัสร์ ว่า ทหารดูแลประชาชนทุกฝ่าย กระทรวงกลาโหมไม่สามารถหยุดปฏิบัติงานได้เนื่องจากเป็นหน่วยงานความมั่นคง ต้องดูแลความปลอดภัยของบ้านเมือง ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ขอให้เข้าใจเรา ซึ่งทหารมีความห่วงใย อยากให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบปลอดภัยไม่ได้รับความบาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่หรือฝ่ายผู้ชุมนุมเอง หวังว่าทุกท่านก็รักชาติเช่นเดียวกับกำลังพลของกระทรวงกลาโหม มองเรื่องผลประโยชน์ของชาติร่วมกัน กระทรวงกลาโหมยังทำหน้าที่ในการเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ ซึ่งถือเป็นความภูมิใจของพวกเราทุกคน ขอยืนยันว่า ทหารจะยืนเคียงข้างประชาชนและดูแลประชาชนทุกฝ่าย
จากนั้น น.ส.จิตต์ภัสร์ กล่าวว่า ขอฝากดอกไม้และนกหวีดไปให้ปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย แม้ความคิดทางการเมืองของเราต่างกันแต่ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ทั้งนี้อยากให้ พ.อ.คงชีพ เป่านกหวีด เพราะผู้ชุมนุมอยากได้ยินเสียงนกหวีดจากทหาร เพื่อเป็นสัญญาณของคนรักชาติเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม พ.อ.คงชีพ ปฏิเสธที่จะเป่านกหวีดพร้อมกล่าวตอบว่า ขอรับดอกไม้และนกหวีดแทน และขอให้เราได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เป็นหลักประกันของชาติต่อไป ตอนนี้ทหารยังคงทำหน้าที่รักษาความสงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชายแดน เป็นต้น โดยทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ การที่เราต้องมีมาตรการรักษาพื้นที่กระทรวงกลาโหมอย่างเข้มงวดเพราะกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานเก่าแก่ ก่อตั้งมานาน 120 กว่าปี ตั้งแต่รัชการที่ 5 ถือเป็นมรดกของคนไทยด้วยกัน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใกล้พระบรมมหาราชวังจึงขอให้ทุกคนรักษาสถานที่นี้เพื่อเป็นมรดกของคนไทยต่อไป
ซึ่งภายหลัง น.ส.จิตภัสร์ได้ขึ้นปราศรัยอ้างว่า ตัวแทนกระทรวงกลาโหม ออกมารับดอกไม้และนกหวีด พร้อมยืนยันที่จะปกป้องชาติและเป็นทหารของประชาชน พร้อมประกาศให้ใครที่พกนกหวีด ดอกไม้ ธง ขอให้มอบให้ทหารด้วยรอยยิ้ม และจะเป็นกำลังใจในการทำงานเสมอ ก่อนให้ประชาชนโบกมือให้ข้าราชการ อย่างไรก็ตามพบว่า ได้มีทหารยืนดูอยู่บริเวณภายในกระทรวงด้วย
เวลา 11.40 น. มวลชนจากเวทีราชดำเนินที่เคลื่อนมายังกระทรวงศึกษาธิการยังคงอยู่ที่บริเวณแยกวังแดง นายอิสสระปราศรัยบนรถขยายเสียงว่าวันนี้เรามาอย่างสันติวิธี ไม่ได้มุ่งก่อความเสียหาย หรือเผาบ้านเมือง แต่เรามีเป้าหมายเพื่อสื่อสารกับข้าราชการทุกกระทรวงว่าประเทศเรากำลังเข้าสู่การปฎิวัติระบอบทักษิณ เพราะถ้าเราไม่ทำอีกไม่นานเราจะมีนายกรัฐมนตรีชื่อ พานทองแท้ วันนี้เราไม่สามารถเข้าไปในกระทรวงศึกษาธิการได้ เพราะถูกปิดทางโดยรอบทั้งหมด ฉะนั้นเราขอตัดสินใจไปปักหลักอยู่หน้าอาคารคุรุสภา ที่เป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการ
เวลา 12.00 น.มีรายงานว่า นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการกงสุลซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ไสามารถกลับมาใช้งานไฟฟ้าได้ตามปกติ หลังจากไฟดับไปเมื่อวานนี้ (27 พ.ย.) หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตัดไฟที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำให้ไฟดับลามมาถึงกรมการกงสุลด้วย ขณะเดียววันนี้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศสามารถเข้ามาทำงานไดัตามปกติแล้วเช่นกัน
เวลา 12.40 น.นายอิสสระ ได้กล่าวบนรถปราศรัยที่คุรุสภา ขอให้ตำรวจเปิดประตูให้ข้าราชการและประชาชนเข้าออกที่คุรุสภา เพราะคนด้านในไม่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตนย้ำว่าไม่เคยคิดบุกเข้าไป ก่อนที่จะมอบนกหวีดและดอกไม้ให้ข้าราชการภายในที่นำน้ำเปล่ามามอบให้มวลชน ซึ่งล่าสุดได้เดินทางกลับเวทีราชดำเนินแล้ว
เวลา 12.46 น.มวลชน กปท.และประชาชนชาวสีลม เดินทางไปถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
เวลา 13.45 น.ที่เวทีนางเลิ้ง เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ผู้ชุมนุมได้เร่งนำทรายบรรจุใส่กระสอบ ตรงบริเวณประตูคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร แล้วนำมาวางกองไว้ริมเกาะกลางถนน ห่างจากแนวแท่งแบริเออร์เชิงสะพานชมัยมรุเชษรฐ์ประมาณ 300 เมตร โดยคาดว่าเพื่อใช้เป็นแนวป้องกันพื้นที่ชุมนุม ท่ามกลางกระแสข่าวมือที่สามจะมาก่อกวน
เวลา 13.55 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ยันปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม ระบุมีแผนรับรองหลังส่วนงานราชการถูกปิด เชื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อ รัฐบาลไม่ต้องการเล่นเกมทางการเมือง ยินดีรับฟังข้อเสนอ ข้อเรียกร้องของประชาชนทุกกลุ่มที่ชุมนุม ซึ่งยังยึดสถานที่ราชการอยู่ เพียงแต่ข้อเรียกร้องให้มีการจัดตั้งสภาประชาชนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นจริงได้ ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
"ดิฉันมีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะให้เกิดความร่วมมือในการหารือ เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ ขจัดความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันที่เรื้อรังต่อเนื่องยาวนาน และสร้างความเสียหายให้กับประเทศมามากพอแล้ว ในการนี้ ดิฉันขอเสนอให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม คืนสถานที่ราชการเพื่อให้กลไกระบบราชการเดินหน้าได้ต่อไปได้ และดิฉันจะเปิดเวทีพูดคุย เพราะรัฐบาลไม่ต้องการการเผชิญหน้า แต่รัฐบาลพร้อมที่จะร่วมมือในการหาแนวทางกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อวางกระบวนการแก้ไขปัญหาให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เวลา 14.30 น.ที่หน้า สตช. การชุมนุมของกลุ่ม กปท.ยังเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ล่าสุด พล.อ.ปรีชา ได้ขึ้นรถปราศรัย สั่งผู้ชุมนุมถอยออกห่างรั้วของ สตช.ห้ามผู้ชุมนุมยืนบนฟุตบาท ซึ่งถ้าพบใครก่อกวนจะจัดการอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งให้ผู้ชุมนุมจับตาผู้ก่อการ โดยยืนยันว่า เรามาชักชวนตำรวจให้มาอยู่กับเรา ถ้ามีคนก่อกวนถือว่าเป็นศัตรูของชาติเช่นกัน อย่างไรก็ตามมีรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการตัดน้ำตัดไฟ สำนักงานฯ บางส่วนแล้ว
เวลา 14.57 น.พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวน์เจนพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมยืนยันว่า โรงพยาบาลตำรวจไม่ได้รับผลกระทบจากการตัดไฟของผู้ชุมนุมที่หน้าสตช. โดยโรงพยาบาลยังคงใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉินภายในโรงพยาบาลก็มีไฟฟ้าสำรอง และน้ำมันเตาเตรียมเอาไว้แล้ว ภายหลังจาก โฆษกศอ.รส.อ้างว่าการตัดไฟฟ้ากระทบโรงพยาบาล
เวลา 15.15 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาคปท. และนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน แถลงว่า ในวันที่ 29 พ.ย. ทางกลุ่ม คปท. จะมีการเคลื่อนขบวนชุมนุมใหญ่แต่ยังไม่เปิดเผยสถานที่ ยืนยันว่าจะเป็นสถานที่สำคัญแน่นอน ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมจะเจรจากับผู้ชุมนุม ทางคปท. จะไม่เจรจาและจะไม่ยุติการชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะยุติการบริหารประเทศ ส่วนประเด็นที่กลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการผิดกฎหมายนั้น ทาง คปท.ก็พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่นายกฯร้องขอให้ช่วงเวลานี้เป็นบรรยากาศงานเฉลิมฉลองนั้น คปท. มีความจงรักภักดี ยึดในกระแสพระราชดำรัส และจะช่วยกำจัดคนไม่ดีให้พ้นออกไปจากบ้านเมือง ทั้งนี้กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมได้กรอกทรายใส่กระสอบก็เพื่อเตรียมเป็นแนวทางป้องกันทั้งเชิงรุกและเชิงรับในพื้นที่ชุมนุม ท่ามกลางกระแสข่าวว่าตำรวจอาจใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งพื้นที่ชุมนุมของ คปท. ที่นางเลิ้ง อยู่ใกล้กับด่านความมั่นคงที่ทำเนียบรัฐบาลมากที่สุด
"ผมยืนยันว่า หากถูกสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมก็พร้อมต่อสู้และจะเข้าสู่พื้นที่ทำเนียบรัฐบาลแน่นอน" นายนิติธร ระบุ
นายนิติธร กล่าวอีกว่า กรณีที่ศอ.รส.แถลงข่าวไฟฟ้าที่โรงพยาบาลตำรวจดับ มาจากกปท.บุกไปตัดไฟนั้น ศอ.รส.ไม่ควรใส่ร้ายกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะสายไฟที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับโรงพยาบาลตำรวจเป็นคนละเส้นกัน ขออย่าเอาผู้ป่วยมาเป็นเครื่องต่อรอง หากกระแสไฟดับจริง ก็เกิดจากฝีมือตำรวจ ดังนั้น อย่าทำให้ประชาชนเกลียดตำรวจมากไปกว่านี้
เวลา 15.20 น.เวทีราชดำเนิน ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ภายหลังที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงผ่านโทรทัศน์ขอเปิดเวทีเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มและปฏิเสธการจัดตั้งสภาประชาชน เนื่องจากแกนนำทั้ง 9 คนประชุมร่วมกันที่เวทีศูนย์ราชการที่มี นายสุเทพ ปักหลักชุมนุมอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อจากนี้ ซึ่งเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีแนวร่วมผลัดเปลี่ยนกล่าวปราศรัยโจมนโยบายการทำงานต่างๆของรัฐบาลสลับกับการแสดงดนตรีให้ประชาชนบางส่วนที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่ได้รับทราบ
ขณะที่นายเอกนัฏ แถลงตอบโต้คำแถลงของนายกรัฐมนตรีโดยระบุว่า แกนนำมีความเห็นว่าคำแถลงดังกล่าวเป็นคำพูดเดิม ๆ ในการปฏิเสธข้อเรียกร้องของประชาชนที่ให้ขจัดระบอบทักษิณ ซึ่งเมื่อบุคคลเหล่านี้ไม่รับอำนาจศาล ประชาชนก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ดังนั้นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีแถลงเป็นเพียงคำพูดให้ประชาชนตายใจ และเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ ยืนยันเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ปราศจากอาวุธ โดยเฉพาะที่ศูนย์ราชการ เจ้าหน้าที่ยังสามารถปฏิบัติงานได้ พร้อมปฏิเสธข้อเสนอให้เปิดเวทีพูดคุย เพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่จริงใจ จึงเชื่อว่าการพูดคุยไม่น่าจะได้ข้อยุติ นอกจากนี้ยังยืนยันว่าไม่ยุบเวทีที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะให้เป็นเวทีคู่ขนานกับกระทรวงการคลังและเวทีที่ศูนย์ราชการ
เวลา 15.50 น.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูสกาย ถึงกรณีที่ทางศอ.รส.ระบุว่ามีการยิงหัวน๊อตใส่เจ้าหน้าที่ภายในสตช.ว่า ทางผู้ชุมนุมยืนยันว่า ไม่มีนโยบายทำร้ายตำรวจ อาจมีการผลักดันกันนิดหน่อย รวมถึงมีการขว้างขวดน้ำเข้าไปจริง ทั้งนี้ตนไม่ปฏิเสธว่าจะมีคนทำหรือไม่ ซึ่งตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่เพราะเราไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงกับตำรวจ ส่วนการชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่เท่าที่ตกลงกันก็ไม่ได้ปักหลักพักค้าง แต่จะทำหรือไม่คงต้องมีการประชุมกันก่อน ยังแจ้งตอนนี้ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งถ้าตำรวจออกมายืนยันจะไม่รับใช้รัฐบาลทรยศประชาชน เราก็ยินดีที่จะร่วมมือกับ สตช.ก็เดินทางกลับ ก็ต้องขอความร่วมมือพี่น้องตำรวจให้ร่วมมือกับพี่น้องประชาชน
ร.ต.แซมดิน ยืนยันว่า ผู้ชุมนุมไม่ได้ปิดช่องทางเข้าออกของตำรวจทั้งหมด โดยสามารถออกมาได้ทางด้านโรงพยาบาลตำรวจ อย่างไรก็ตามตนไม่กังวลที่จะเกิดความรุนแรง แต่ถ้าตำรวจจะทำก็เสียหายเอง ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดปกติ เพราะผู้ชุมนุมไม่ได้พกอะไรที่เป็นความรุนแรงเข้ามา ทั้งนี้ทางแกนนำได้มีการนัดหมายกับข้าราชการระดับสูงแล้ว คงจะมีการเจรจากัน
เวลา 16.00 น.ที่เวทีราชดำเนิน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้หารือกับนายสุเทพ แล้วยืนยันว่าจะไม่มีการยุบเวที แต่จะมีเวทีหลัก 3 เวที คือ 1.ที่ราชดำเนินเป็นเวทีสะสมมวลชน และเป็นโรงอาหารใหญ่เพื่อลำเลียงอาหารไปยังอีกสองเวทีคือเวทีกระทรวงการคลังซึ่งเป็นส่วนหน้าสำหรับรักษาระบบการเงินของประเทศ และเวทีศูนย์ราชการ ซึ่งเป็นที่รวมของแกนนำคนสำคัญ ยืนยันทุกเวทีจะเดินต่อไปถึงวันที่ 30พ.ย.แน่นอน ซึ่งหลังจากนั้นถ้ารัฐบาลจบ เราก็จบ แต่ถ้ายังไม่จบ แกนนำยังตัดสินใจไม่ได้ ซึ่งจะมีการขอมติจากมวลชนอีกครั้งว่าจะเดินหน้าไปต่อหรือไม่
"ที่ยุบสภาไม่จบ ลาออกก็จะไม่จบเพราะประชาชนต้องการให้มีสภาประชาชนที่มีมาจากประชาชน ที่เป็นการปฏิวัติโดยประชาชน เป็นทางเดียวที่จะล้มระบอบทักษิณได้"นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ติดต่อมายังแกนนำเปิดเวทีพูดคุยขอคืนพื้นที่จัดงานเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวาคม แต่เราไม่เจรจาด้วย เพราะจากท่าทีเดิมของรัฐบาลไม่ยอมรับเสียงประชาชน แล้วตอนนี้เรารุกแล้วไม่มีถอย จนกว่านายกรัฐมนตรีจะยอมรับสภาประชาชนในการปฏิรูปการเมืองประเทศและเปิดทางให้รัฐบาลมาจากการเลือกของประชาชนด้วยการส่งมอบอำนาจคืนให้ประชาชน จึงจะยุติการชุมนุมพลังประชาชน ทั้งนี้ยืนยันมวลชนที่นี่มีความจงรักภักดีทุกคน เราพร้อมเจรจากับทุกฝ่ายที่จะเข้ามาจัดงาน เราไม่มีปัญหา แต่ขณะนี้กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ยังไม่ติดต่อมา
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า จากที่มีการเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมสถานที่ราชการ พบว่าหลายแห่งได้ประกาศให้หยุดงาน2-3วัน ที่ถือเป็นท่าทีที่ข้าราชการตอบรับการเคลื่อนไหวของเรา ซึ่งรัฐบาลต้องนำข้อเท็จจริงไปทบทวน อย่างไรก็ตามรัฐบาลเหลือเพียงหน่วยงานเดียวคือตำรวจที่ยังอยู่ฝ่ายรัฐบาล แต่ก็มีตำรวจชั้นผู้น้อยบางส่วนที่เริ่มเข้ามาอยู่ข้างประชาชนแล้ว
เมื่อเวลา 17.00 น. นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า ได้มีคนมาถามว่าการที่เราเข้าไปอยู่สถานที่ราชการผิดกฎหมายหรือไม่ ก็อยากบอกว่าตนยึดศาลากลาง จ.สงขลา มาก่อนเมื่อปี 2548 นำมวลชนเข้าไปได้หลายพันคน ตนเป็นนักกฎหมายรู้ว่าศาลากลางเป็นสถานที่ราชการ ประชาชนสามารถเข้าไปได้ ถ้าไม่ให้เข้าก็สามารถใช้สิทธิประชาชนพังเข้าไปได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามทำร้ายข้าราชการและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และพวกเรามีสิทธิลุกขึ้นไล่รัฐบาลโจร เนื่องจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ยอมรับกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงกลายเป็นหัวหน้ากบฎ ไม่ใช่พวกเรา และประเทศไทยมีกบฎมา 24 ครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่ายากที่สุด ทั้งที่ไม่มีอาวุธอะไรเลยมีเพียงหน้าด้านๆเท่านั้น และอย่าซื้อหรืออ่านสื่อฉบับหนึ่งที่เป็นรากฐานและสนับสนุนรัฐบาลทรราชย์เพราะพวกเราไม่ใช่โจร ถ้าโจรต้องแบบนายจตุพร
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเย็นว่า การชุมนุมเริ่มคึกคักมากขึ้น โดยประชาชนเริ่มเดินทางทยอยมาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ชุมนุมส่วนใหญ่นั่งปักหลักฟังการปราศรัยอยู่บริเวณโดยรอบเวทีราชดำเนิน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขณะเดียวกันกิจกรรมบนเวทียังได้มีการแสดงดนตรีเพื่อเป็นการผ่อนคลายและสร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้ชุมนุม โดยสลับกับการขึ้นเวทีของแกนนำเพื่อปราศรัย ซึ่งล่าสุดได้มีการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่องว่ายังเป็นข้าราชการหน่วยงานเดียวที่ยังช่วยรัฐบาล ส่วนการจารจรโดยรอบเริ่มติดขัดเนื่องจากผู้ชุมนุมนำรถมาจอดตั้งแต่บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยจนถึงแยกคอกวัว ถึงอย่างไรก็ดี จากการเดินสำรวจยังพบว่าได้มีผู้ชุมนุมบางส่วนได้พักผ่อนด้วยการนวดแผนไทยและรับประทานอาหารที่ทีมงานสส.ประชาธิปัตย์ตั้งซุ้มเพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้ชุมนุม รวมถึงผู้ชุมนุมที่เริ่มทยอยเข้ามาได้มีการจับจ่ายซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม อาทิ นกหวีด ริบบิ้นธงชาติและมือตบ เป็นต้น
เวลา 17.15 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ส.ส.พรรคแถลงจุดยืนไม่ลาออกจาก ส.ส. แต่จะทำให้เวลาที่เหมาะสม พร้อมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยควบคู่ปฏิรูปพรรค
เวลา 18.23 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.แซมดิน เปิดเผยผลการเจรจาตำรวจระดับสูง โดยยืนยันเรามาชุมนุมด้วยความสงบไม่คิดจะทำร้ายใคร แต่เรามารวมกันที่นี่เนื่องจากรัฐบาลชั่วมากเกินกว่าเจรจา จึงต้องมาขอร้องข้าราชการเพื่อให้อยู่ข้างประชาชน ทั้งนี้ พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผช.ผบ.ตร. ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร.มารับหนังสือจากผู้ชุมนุม ที่แสดงเจตนารมณ์โค่นล้มระบอบทักษิณ และให้คำยืนยันว่าตำรวจจะอยู่เคียงข้างประชาชน รับใช้ชาติ ไม่ทำร้ายประชาชน โดยพล.ต.ท.อำนาจ รับหนังสือก็ระบุยืนยันจะไม่ทำร้ายประชาชน จะทำงานเพื่อประเทศชาติ
ด้าน พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า ที่มั่นสุดท้ายของระบอบทักษิณได้จบสิ้นลงแล้ว ตำรวจกลับคืนสู่ประชาชน ก่อนผู้ชุมนุมจะร่วมกันร้องเพลงฉลองชัยชนะ และมอบดอกกุหลาบให้ตำรวจ แล้วเตรียมเคลื่อนขบวนกลับสะพานมัฆวานฯ
เมื่อเวลา 18.30 น. ที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณ ระบุถึงกระแสข่าวที่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ขอเจรจา เพื่อหาทางออกของประเทศ โดยเรื่องดังกล่าวตนไม่ทราบแต่ยืนยัน ไม่ขอเจรจา แต่มีผู้ใหญ่บางคน ได้ประสานมาแต่ตนขอปฏิเสธ และได้ประกาศชัดตั้งแต่ชุมนุมจะไม่ขอเจรจาใดๆ ทั้งสิ้นกับรัฐบาลนี้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า คนที่ประสานขอเจรจา ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายสุเทพ ระบุว่าไม่ได้คุยกันนานแล้ว และไม่ขอเจรจาด้วย ส่วนกรณีที่ กลุ่มเครือข่ายประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณประทะกับกลุ่ม นปช.ที่จมปทุมธานี จนมีผู้บาดเจ็บ 3ราย นั้นโดย เรื่องดังกล่าวควรรู้ว่าควรทำอย่างไร