“บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี” และ KGI มั่นใจ หุ้น BJCHI เทรดวันแรกไปได้สวย ชี้ราคา 30 บาท คิดเป็น P/E เพียง 8.09 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่ 16.67 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลดให้นักลงทุนถึง 52% อีกทั้งนักลงทุนสถาบันมีความต้องการจองซื้อล้นถึง 9 เท่า ขณะที่ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจ และการเมืองในประเทศ
น.ส.พัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน ) หรือ BJCHI เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่า การเข้าซื้อขายหุ้น BJCHI วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากราคาเสนอขายที่หุ้นละ 30 บาท เป็นราคาที่เกิดจากการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบันชั้นนำ (Book Building) ซึ่งมีความต้องการจองซื้อล้นประมาณ 9 เท่า อีกทั้งราคาที่เสนอขายคิดเป็น P/E เพียง 8.09 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ซึ่งมีธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัทที่ 16.67 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลดให้นักลงทุนถึง 52% ทำให้หุ้น BJCHI จัดเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีแก่นักลงทุน
ขณะเดียวกัน การดำเนินธุรกิจ BJCHI ที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางวิศวกรรม และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งเน้นฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศทั่วโลก เนื่องจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีแนวโน้มสดใส โดยปัจจุบันมุ่งเน้นการทำตลาดในประเทศออสเตรเลีย จึงทำให้ประเด็นด้านปัจจัยลบทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการเมืองภาย
ในประเทศไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนงานการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด นอกจากนี้ ด้วยลักษณะธุรกิจยังจัดอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีคู่แข่งน้อยราย การแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรง มีผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินธุรกิจได้ดี ประกอบกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในประเทศออสเตรเลีย มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น โดยคาดว่าจะมีโครงการลงทุนด้านพลังงาน และ
หมืองแร่ประมาณ 350 โครงการ ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนมหาศาลมูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในระหว่างปี 2556-2560 จึงส่งผลให้ BJCHI สามารถใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ ตลอดจนสินค้าและบริการ สามารถเข้าไปรับงานจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในประเทศออสเตรเลียได้มากยิ่งขึ้น
“เรามีความมั่นใจว่าหุ้น BJCHI จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานเติบโตโดเด่นอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจ และการเมืองภายในประเทศ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีให้แก่นักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนทางเศรษฐกิจ และการเมือง โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัทฯ และลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในที่ดิน และโรงงานแห่งใหม่ รวมไปถึงโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ และปรับปรุงพื้นที่ภายในบริษัทฯ อีกด้วย ส่วนจำนวนเงินที่เหลือจากจากโครงการลงทุนต่างๆ ทางบริษัทฯ ก็จะนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป โดยคาดว่าโครงการลงทุนดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ BJCHI เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในแง่ของรายได้ และกำไรต่อไปในอนาคตอีกด้วย” น.ส.พัชพร กล่าว
น.ส.พัชพร สรรคบุรานุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน ) หรือ BJCHI เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจว่า การเข้าซื้อขายหุ้น BJCHI วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากราคาเสนอขายที่หุ้นละ 30 บาท เป็นราคาที่เกิดจากการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบันชั้นนำ (Book Building) ซึ่งมีความต้องการจองซื้อล้นประมาณ 9 เท่า อีกทั้งราคาที่เสนอขายคิดเป็น P/E เพียง 8.09 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ซึ่งมีธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัทที่ 16.67 เท่า หรือคิดเป็นส่วนลดให้นักลงทุนถึง 52% ทำให้หุ้น BJCHI จัดเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีแก่นักลงทุน
ขณะเดียวกัน การดำเนินธุรกิจ BJCHI ที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางวิศวกรรม และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งเน้นฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศทั่วโลก เนื่องจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีแนวโน้มสดใส โดยปัจจุบันมุ่งเน้นการทำตลาดในประเทศออสเตรเลีย จึงทำให้ประเด็นด้านปัจจัยลบทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการเมืองภาย
ในประเทศไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนงานการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด นอกจากนี้ ด้วยลักษณะธุรกิจยังจัดอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีคู่แข่งน้อยราย การแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรง มีผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินธุรกิจได้ดี ประกอบกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในประเทศออสเตรเลีย มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น โดยคาดว่าจะมีโครงการลงทุนด้านพลังงาน และ
หมืองแร่ประมาณ 350 โครงการ ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนมหาศาลมูลค่ากว่า 500,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในระหว่างปี 2556-2560 จึงส่งผลให้ BJCHI สามารถใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ ตลอดจนสินค้าและบริการ สามารถเข้าไปรับงานจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในประเทศออสเตรเลียได้มากยิ่งขึ้น
“เรามีความมั่นใจว่าหุ้น BJCHI จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานเติบโตโดเด่นอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจ และการเมืองภายในประเทศ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีให้แก่นักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนทางเศรษฐกิจ และการเมือง โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตของบริษัทฯ และลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในที่ดิน และโรงงานแห่งใหม่ รวมไปถึงโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ และปรับปรุงพื้นที่ภายในบริษัทฯ อีกด้วย ส่วนจำนวนเงินที่เหลือจากจากโครงการลงทุนต่างๆ ทางบริษัทฯ ก็จะนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป โดยคาดว่าโครงการลงทุนดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ BJCHI เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งในแง่ของรายได้ และกำไรต่อไปในอนาคตอีกด้วย” น.ส.พัชพร กล่าว