“สุเทพ” พร้อมแกนนำกลุ่มต้านทักษิณ ขึ้นเวทีราชดำเนิน ประกาศเจตนารมณ์ร่วมเครือข่าย ผนึกกำลังขจัดระบอบทักษิณ และปฏิรูปประเทศให้เป็นของประชาชน ลั่นสัญญาสู้จนกว่าจะชนะ ก่อนเดินสายพบมวลชนที่เวทีมัฆวาน-นางเลิ้ง เผย “สนธิ” ยินดีมวลชนออกมาร่วมสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ พร้อมลืมเรื่องบาดหมาง ปชป.
วันนี้ (23 พ.ย.) เวลาประมาณ 18.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเวทีราชดำเนิน ได้เชิญแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ขึ้นเวทีเพื่อประกาศเจตนารมณ์ เช่น พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ จากกองทัพประชาชนต่อต้านระบอบทักษิณ หรือ กปท. นายนิติธร ล้ำเหลือ นายอุทัย ยอดมณี และนายสุริยะใส กตะศิลา จากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนนำกองทัพธรรม นายสมเกียรติ หอมละออ แกนนำชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด สมาพันธ์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย หรือ สรส. ตัวแทนคณาจารย์และสื่อมวลชน โดยได้นำร้องเพลงชาติ ก่อนประกาศเจตนารมณ์ร่วมกัน
นายสุเทพกล่าวว่า ต่อไปนี้เราจะร่วมผนึกกำลังกับทุกเครือข่ายขับไล่ระบอบทักษิณออกจากแผ่นดินไทย จะร่วมเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นของประชาชน เมื่อเราเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กันจะไม่มีวันเดียวดาย และวันนี้ผู้นำทุกกลุ่มเครือข่าย ได้ลุกขึ้นต่อสู้กับพี่น้องประชาชนอย่างเป็นเอกภาพแล้ว เราจะอยู่ในอ้อมแขนซึ่งกันและกันเดินเคียงข้างไปพร้อมกับพี่น้องประชาชน พวกเราขอสัญญาว่าจะสู้กับพี่น้องจนกว่าจะชนะ จะเปลี่ยนจากระบอบทักษิณ เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศการชุมนุมช่วงหัวค่ำคึกคักมากยิ่งขึ้น ประชาชนต่างทยอยเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง มีการโห่ร้อง เป่านกหวีด กึกก้องจนแสบแก้วหู ตลอดเวลาที่แกนนำจากกลุ่มเครือข่ายต่างๆ ร่วมคล้องแขนกันขึ้นปราศรัยบทเวที อาทิ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่ม คปท. พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกลุ่ม กปท. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกองทัพธรรม ปราศรัยว่า พวกเราต้องขับไล่นายกฯ ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา ออกไป ต้องไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก จึงขอให้พี่น้องให้ร่วมกันปราบกบฏในวันที่ 24 พ.ย.เพื่อให้ได้ชัยชนะที่เด็ดชาดและชอบธรมด้วยวิธีการปฏิรูปประเทศไทย ในการปราบเครือข่ายทักษิณ
หลังจากประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ต่อมาเวลาประมาณ 18.45 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมด้วย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสนาธิการร่วม กปท. นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ตัวแทนกองทัพธรรม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ประธานภาคีเครือข่ายประชาชน 77 จังหวัด นายสุริยะใส กตะศิลา คณะทำงานสภาปฏิรูปประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมือง (สปท.) และแกนนำกลุ่มต่างๆ ได้ไปปราศรัยสั้นๆ กับผู้ชุมนุมบนเวทีของ กปท.ที่เพิ่งย้ายจากสะพานผ่านฟ้าไปอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ
หลังจากนั้น แกนนำผู้ชุมนุมดังกล่าวทั้งหมดได้เดินทางไปปราศรัยกับผู้ชุมนุม คปท.ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง โดยไปถึงเมื่อเวลา 19.05 น. ซึ่งนายสุเทพได้ปราศรัยว่า เกิดมาในชีวิตหนึ่งก็มีครั้งนี้ที่จะได้เสียสละเพื่ออนาคตของลูกหลานไทย ตนภูมิใจที่ได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชนทุกๆ องค์กร ขอให้คำมั่นสัญญาแทนเพื่อนๆ ผู้เป็นคณะกรรมการแกนนำที่ราชดำเนินว่าจะยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชนจนกว่าจะได้ชัยชนะ และยืนยันว่าการต่อสู้ของเราครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เราผนึกทุกหัวใจสู้เพื่อประชาชนคนไทยทุกคนและแผ่นดินไทย
“ข้อที่ 1 เราต้องร่วมใจขจัดระบอบทักษิณให้สิ้นซากพ้นแผ่นดินไทย และข้อที่ 2 เราจะหลอมหัวใจด้วยกันเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง นั่นคือปณิธานที่ทุกคนร่วมกันต่อสู้ในครั้งนี้” นายสุเทพกล่าว
ต่อมานายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้ดำเนินรายการ “อมรออนทัวร์” ทางเอเอสทีวี ในฐานะผู้ประกาศประจำเวที คปท.ได้กล่าวบนเวทีว่า สัญญาณนกหวีดสีเหลืองจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เป่าขึ้นแล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ผ่านหน้าเฟซบุ๊กของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ บรรณาธิการข่าวเอเอสทีวี ว่าถึงเวลาแล้วที่พันธมิตรฯ ทุกกลุ่มทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ต้องเข้าร่วมปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ แม้ว่านายสนธิอาจมีเรื่องบาดหมางกับพรรคประชาธิปัตย์และนายสุเทพ แต่เพื่อประเทศชาติและอนาคตที่ดีของระบอบประชาธิปไตย ความเจ็บปวดในอดีตจึงเก็บไว้ในลิ้นชัก และเมื่อพลพรรคได้ให้คำมั่นสัญญาต่อพ่อแม่พี่น้องแล้วว่าไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง และจะทำเพื่อพี่น้องประชาชน เดินไปสู่ชัยชนะร่วมกันเพื่อการปฏิรูปการเมือง ร่วมกันสร้างกติกาใหม่ให้สังคมไทย วันนี้พันธมิตรฯ ทุกจังหวัดพร้อมแล้วให้ล้อหมุน ออกมาที่สนามม้านางเลิ้งทันที
ด้านนายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย คปท. ในฐานะตัวแทนสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า สรส.มีมติร่วมกันแล้วว่าสมาชิก สรส. 4 แสนคน พร้อมร่วมปฏิบัติการ ทุกสหภาพรัฐวิสาหกิจพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ต่อมานายสุเทพได้กลับมาขึ้นปราศรัยที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า ในวันนี้เราลั่นกลองรบแล้ว ตนขอเรียกร้องให้ผู้รักชาติ รักแผ่นดินลุกขึ้นสู้ครั้งเดียวในชีวิต โดยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ เวลา 07.00 น.จะมีพิธีสงฆ์ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 109 รูป ตนก็ขอชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมด้วยกัน
นายสุเทพกล่าวต่อว่า พรุ่งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี จะได้รู้ว่า 2 ล้านมือกับเท้าจะมากแค่ไหน และถ้าคิดจะสู้กับประชาชนที่มีแต่มือเปล่า เราก็จะสู้กับตระกูลคุณเช่นกัน รัฐบาลที่ไม่รับกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่รัฐบาลที่ชอบธรรมอีกต่อไป เพราะฉะนั้นคำสั่งที่จะออกมาจากรัฐบาลในคืนนี้ ข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยก็ไม่ต้องทำตาม เพราะก็ถือว่าทำผิดกฎหมายเช่นกัน
“ถ้าพรุ่งนี้ใครได้ยินเสียงนกหวีดให้เดินออกมาร่วมกันต่อต้านระบอบอัปรีย์ได้เลย”
ทั้งนี้ ก่อนการขึ้นเวทีปราศรัย นายสุเทพได้เรียกการ์ดที่คอยดูแลความปลอดภัยทุกคนมากำชับว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่สงบปราศจากอาวุธ ดังนั้น การ์ดทุกคนห้ามพกพาอาวุธทุกชนิด และห้ามดื่มสุราอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุภาพ ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกคนที่ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งตลอด 24 วัน ที่ผ่านมา
ด้านบรรยากาศการชุมนุมต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมและขับไล่ระบอบทักษิณที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาร่วมชุมนุมเร็วกว่าทุกวัน เนื่องจากวันนี้ เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยประชาชนต่างจังหวัดได้เดินทางมาถึงที่ชุมนุม เพื่อร่วมชุมนุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ตามที่นายสุเทพนัดหมายกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บนเวทีแกนนำยังคงขึ้นปราศรัยโจมตีการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ สลับกับการแสดงดนตรีเพื่อให้มวลชนได้รู้สึกผ่อนคลายพร้อมประกาศให้มวลชนระมัดระวัง เนื่องขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพกรีดกระเป๋าผู้ร่วมชุมนุม
ก่อนหน้านี้ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาถึงเวที พร้อมทั้งเดินทักทายกับผู้ชุมนุมบริเวณข้างเวทีอย่างเป็นกันเองด้วย