หน.ปชป.แถลงจุดยืนพรรค ไม่ลาออกจาก ส.ส.ออกมาสู้นอกสภา อ้างยังสามารถต่อสู้ได้ในระบบคู่ขนาน กันครหาว่าสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ยันพรรคไม่แตกแยก ฉะรัฐใช้ยุทธศาสตร์ไทยเฉยให้ม็อบอ่อนแรง วอนประชาชนร่วมออกมามากๆ เผยกระแสปฏิรูปประเทศมีคนเข้าร่วมมากเท่าไหร่ยิ่งดี
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ร่วมกันแถลงจุดยืนพรรค ภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีการเคลื่อนไหวของประชาชนตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคยืนยันเดินหน้าล้มล้างระบอบทักษิณ โดยสมาชิกและกรรมการทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า การเดินหน้าล้มล้างระบอบทักษิณนั้น พรรคจะต้องเคลื่อนไหวเข้มข้นมากยิ่งขึ้น
โดยสิ่งที่ยืนยันคือจุดเริ่มต้นในการแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิรูปประเทศจะต้องเริ่มต้นจากการยอมรับก่อนว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หมดความชอบธรรมแล้ว แม้จะชนะเสียงในสภา แต่ไม่สามารถหนีความรับผิดชอบต่อประชาชนได้ เพราะมีการกระทำที่ประชาชนไม่ยอมรับหลายประการคือ 1.ความพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดคนโกง คนเผาคนฆ่า โดยที่รัฐบาลไม่สามารถทำให้กฎหมายหายไปจากระบบของรัฐสภา 2.มีการประกาศไม่รับอำนาจศาล กระตุ้นให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความรู้สึกว่าเมื่อรัฐบาลไม่รับอำนาจศาลมีเหตุผลอะไรที่ประชาชนจะต้องรับอำนาจรัฐบาล
นายอภสิทธิ์ ยังแสดงความเสียใจต่อถ้อยแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เรียกร้องให้ประชาชนยุติการชุมนุม โดยเห็นว่าไม่ได้แสดงถึงความเข้าใจหรือความสำนึกต่อความเลวร้ายที่รัฐบาลก่อขึ้นและยังคงปฏิบัติต่อไป
“เรายืนยันว่านายกฯ ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ใครยุติการชุมนุม เมื่อเขาชุมนุมเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 69 เพราะไม่ปรากฏว่ามีผู้ชุมนุมคนใดที่จะไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม แตกต่างจากพฤติกรรมของรัฐบาลที่พยายามล้างผิดตัวเองประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาล และพรรคพร้อมเคลื่อนไหวสนับสนุนการต่อสู้ของประชาชนที่จะเรียกร้องความถูกต้องชอบธรรมตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ แต่ทุกคนต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบตามกฎหมาย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวของพรรคหลังปิดสมัยประชุมสภานั้น พรรคจะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เพื่อสื่อสารถึงรัฐบาลว่าประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลที่ไม่ยอมรับอำนาจศาล และเรียกร้องว่าประชาชนที่รักความถูกต้องหากทำกิจกรรมที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พรรคพร้อมที่จะร่วมทำกิจกรรมด้วย ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของอดีต ส.ส.ของพรรคนั้นขอยืนยันว่า ทุกคนลาออกจาก ส.ส.เพื่อเป็นอิสระทางความคิดในการเคลื่อนไหว โดยพรรคยังสนับสนุนทุกการเคลื่อนไหวที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และในฐานะ ส.ส.มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในทุกสถานที่ว่าได้รับการดูแลมีความปลอดภัย โดยสามารถเข้าไปอำนวยความสะดวกได้ตามหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาเกี่ยวกับการปฏิรูปพรรค โดยมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าการปรับโครงสร้างพรรคจะเดินต่อ จัดประชุมใหญ่รองรับข้อบังคับพรรคใหม่ เพื่อเปิดพรรคให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการของพรรคได้ พรรคจะอาศัยการปฏิรูปพรรคเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปประเทศ โดยพรรคยืนยันว่าพรรคการเมืองในการสนับสนุนปฏิรูปประเทศด้วยเช่นเดียวกัน จึงขอเชิญชวนบุคคลใดก็ตามที่มีแนวคิดปฏิรูปประเทศให้อาศัยกลไกของพรรคเป็นแนวร่วมแห่งชาติปฏิรูปประเทศในระบบพรรคการเมือง ซึ่งจะมีการเดินสายเชิญชวนให้คนที่มีแนวคิดปฏิรูปประเทศเข้ามาสู่กลไกในการเป็นหุ้นส่วนบริหารพรรคไปพร้อมๆ กัน จึงขอยืนยันว่าพรรคจะเดินหน้าต่อต้านล้มระบอบทักษิณ และรัฐบาลหมดความชอบธรรม เพราะไม่ยอมรับอำนาจศาล ผลักดันกฎหมายที่เป็นอันตรายต่อประเทศ มีการทำลายนิติรัฐ นิติธรรม มีการสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชน อีกทั้งหัวหน้ารัฐบาลยังปราศจากสำนึกต่อการกระทำผิดของตัวเอง จึงเห็นว่านายกฯไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหา เพราะเป็นศูนย์กลางของปัญหาขณะนี้ต้องหลบไปก่อนสังคมจึงจะเดินหน้าได้
“การต่อสู้คู่ขนานนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่เป็นไปตามรูปแบบของระบบรัฐสภา พรรคและ ส.ส.จะไม่รับตำแหน่งใดๆ จากผลพวงการต่อสู้นั้น นอกจากระบอบรัฐสภาตามปกติ เพื่อให้เกิดความสบายใจในการต่อสู้คู่ขนานว่าไม่เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองและพรรคจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศอย่างแน่นอน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่าในที่ประชุมได้มีการหารือว่ามีความจำเป็นที่จะต้องลาออกจาก ส.ส.เพื่อต่อสู้กับระบอบทักษิณหรือไม่ โดยยังเห็นว่าในขณะนี้พรรคสามารถต่อสู้ได้ในระบบ แต่หากการลาออกจะนำไปสู่ความสำเร็จในการต่อสู้ก็ไม่ลังเลที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส.โดยยังไม่ขอเปิดเผยว่าเงื่อนไขและปัจจัยใดที่จะทำให้การลาออกจาก ส.ส.นำไปสู่ความสำเร็จในการต่อสู้ ถ้ามีเงื่อนไขหรือจังหวะเวลาที่เห็นว่าการลาออกจะนำไปสู่ความสำเร็จในการล้มล้างระบอบทักษิณ ก็พร้อมที่จะทำ แต่วันนี้ยังเห็นว่าบทบาทการเป็น ส.ส.ยังสามารถเคลื่อนไหวคู่ขนานได้ การดำรงตำแหน่ง ส.ส.ไม่ได้หมายถึงการยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาล เพราะการลงมติไม่ไว้วางใจชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาลชุดนี้ จึงอยากให้เข้าใจว่าการทำงานของสภาเป็นคนละส่วนกับฝ่ายบริหาร และฝากถึงรัฐบาลว่าพรรคจะระดมสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้ เพราะใครที่เชื่อว่าการล้มอำนาจศาล หรือการออกกฎหมายล้างผิดการทุจริตทำไม่ได้ ก็ขอให้ออกมาสู้กับเรา
เมื่อถามว่าจะมีความแตกแยกระหว่างแกนนำผู้ชุมนุมกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าไม่มีความแตกแยกระหว่างพรรคกับการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ท่ามกลางความยากลำบากในการต่อสู้ของประชาชนแม้ว่าในช่วง 2-3 วันหลังจะถูกตอบโต้จากรัฐบาลในเรื่องต่างๆ แต่พรรคขอเป็นกำลังใจให้คนทั้งประเทศได้เห็นความจริงข้อนี้ว่าประชาชนต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ซึ่งตนมองจุดร่วมที่มีเป้าหมายเดียวกัน ไม่ได้เอารายละเอียดที่มีความแตกต่างเกี่ยวกับวิธีการ และขั้นตอนการปฏิรูปมาเป็นความขัดแย้งระหว่างกัน ทั้งนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าการโค่นล้มระบอบทักษิณจะสำเร็จได้ภายในช่วงเวลาที่ปิดสมัยประชุมสภาหรือไม่ เพราะพัฒนาการการเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก และยังไม่พบพฤติกรรมที่แสดงถึงความละอายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์
นายอภิสิทธิ์ จากพฤติกรรมของระบอบทักษิณทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจนักการเมืองซึ่งพรรคประชาธิปัตย์คือผู้เสียหายจากผลพวงของระบอบทักษิณ และอยากฝากถึงทุกภาคส่วนว่าการปฏิรูปประเทศไม่ว่าจะทำในวิธีการใดก็ตามสุดท้ายก็ต้องมีนักการเมือง พรรคการเมืองเป็นองค์ประกอบในการบริหารประเทศ จึงขอให้ไว้วางใจพรรคประชาธิปัตย์ พวกเราเป็นพรรคการเมืองต้องอยู่ในระบบ นอกจากทำให้พรรคหายไปซึ่งก็ทำไม่ได้ แต่ยืนยันว่าพรรคจะไม่เป็นอุปสรรคหรือขัดขวางการปฏิรูปใดๆ และยืนยันว่าหากการปฏิรูปมาจากนอกระบบก็จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในขณะนี้คือ “ไทยเฉย” ทำให้ผู้เคลื่อนไหวอ่อนแรง เกิดแรงกดดันเพื่อลดความเข้มข้นการเคลื่อนไหวลง โดยรัฐบาลคิดว่าจะนิ่งเฉยไปเรื่อยๆ จึงขอเตือนว่ารัฐบาลอาจจะทำนิ่งเฉยได้ แต่ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกต่อต้านของประชาชนได้ ดังนั้นการทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ใช่ทางออก เพราะในขณะนี้การชุมนุมของประชาชนไม่จำเป็นต้องนัดหมายแค่มีคนเดินออกมานำก็มีประชาชนเข้าร่วมแล้ว สะท้อนว่ารัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศในสภาวะแบบนี้ได้
“ให้มันรู้ไปว่าคนหน้าด้านจะทนต่อสำนึกของสังคมได้ ฉะนั้นประชาชนต้องออกมาร่วมกันมากๆ บ้านเมืองมีปัญหาที่สลับซับซ้อน จึงไม่อยากให้มองข้ามความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล นายกฯไม่มีสิทธิเป็นเจ้าภาพในการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นตัวปัญหา หากจะมีการเจรจาจะเชิญผมหรือนายสุเทพ ตัวแทนใครก็ตามต้องให้คนเป็นกลางหรือสื่อเป็นเจ้าภาพก็ได้ เพราะการปฏิรูปประเทศครั้งนี้พรรคตั้งเป้าปฏิรูปตำรวจ และสื่อมวลชนด้วย แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด ซึ่งส่วนใหญ่กรอบความคิดก็ตรงกับที่มีการเสนอในการชุมนุมของประชาชน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางของพรรคยึดตามระบบ แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมรับการลาออกและการยุบสภาแล้วจะหาจุดร่วมกันอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระแสการปฏิรูปประเทศจะสำเร็จได้มีคนเข้าร่วมมากเท่าไหร่ยิ่งดี พรรคการเมืองเป็นส่วนหนึ่งถ้าพรรคใดไม่สนใจปล่อยเขาไป แต่จะมีพรรคประชาธิปัตย์ที่สนับสนุนกระบวนการปฏิรูปไม่ครอบงำ ไม่แทรกแซงแนวคิดของประชาชน ส่วนที่มีการปรามาสว่าหากยุบสภาพรรคประชาธิปัตย์ก็จะแพ้การเลือกตั้งทำให้ไม่สามารถปฏิรูปประเทศได้นั้น ตนเห็นว่าไม่มีใครบอกได้ว่าจะยุบสภาเมื่อไหร่ และยุบแล้วผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่ตนเป็นนักการเมืองต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกระบวนการปฏิรูปประเทศ แต่ถ้าแพ้การเลือกตั้งพรรคก็เป็นฝ่ายค้าน แต่คนชนะเลือกตั้งก็ไม่มีสิทธิทำชั่วทำเลวเหมือนที่รัฐบาลนี้ทำ เพราะถ้าทำอีกก็เจอปัญหาอีก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ทิศทางการปฏิรูปประเทศของพรรคและภาคประชาชนเป็นเป้าหมายเดียวกัน จึงไม่ควรเอารายละเอียด และวิธีการมาเป็นอุปสรรคในการไปสู่เป้าหมาย เพราะยังมีอุปสรรคใหญ่กว่าขวางอยู่คือรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม และระบอบทักษิณที่ต้องขจัดออกไปก่อน และตนเชื่อว่าไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน เวลาจะอยู่ข้างคนดีไม่ใช่คนชั่ว