“อลงกรณ์” เปิดตัวแถลงข่าวแตกแยก ทิ้ง ปชป.เปิดตัวเป็นคลื่นบนน้ำ ปฏิรูปพรรคบนถนนเดียวกับ “มาร์ค-เฉลิมชัย” รับมีคนยุให้ตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 แต่ปฏิเสธไปแล้ว ยันโครงสร้างใหม่จะทำให้มี ส.ส.เพิ่มขึ้นทุกภาค เล็งนัดประชุมใหญ่ปรับเปลี่ยนทีมบริหารใหม่ หลังคลอดข้อบังคับการประชุม ระบุจะล้มระบอบทักษิณ ต้องชนะเลือกตั้ง
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้พรรค นายอัศวิน วิภูศิริ ประธานคณะทำงานปฏิรูปพรรค และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอลงกรณ์ กล่าวว่า มีความคลาดเคลื่อนของผลการประชุมการบริหารเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างพรรคและการตั้งพรรคทางเลือก ซึ่งสื่อมวลชนรายงานว่าตนและเลขาธิการพรรครวมทั้งกลุ่ม ส.ส.ปฏิรูปจะลาออกจากพรรคนั้นไม่เป็นความจริง และไม่มีการออกไปตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 แม้จะมีการติดต่อทาบทามพูดคุยกันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ยืนยันว่าตนจะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อให้เกิดการปฏิรูปและไม่สามารถทิ้งบ้านในยามที่มีปัญหา จะซ่อมสร้างบ้านพร้อม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค
สำหรับผลการประชุมกรรมการบริหารพรรคนั้น ในการประชุมวันที่ 7 ตุลาคมนั้น กรรมการบริหารพรรคได้เห็นชอบการปฏิรูปพรรคอย่างองค์รวม และโครงสร้างพรรคใหม่อย่างเป็นเอกฉันท์เพื่อให้พรรคมีประสิทธิภาพ มีภาวะผู้นำเข้มแข็ง เปิดกว้างให้สมาชิก ส.ส.มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น และสนองตอบต่อเป้าหมายในโอกาสที่จะได้รับชัยชนะต่อไป ไม่มีการปฏิรูปของนายอลงกรณ์และคณะ มีแต่การปฏิรูปของพรรคเท่านั้น และมีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดการพื้นที่บริหารการเลือกตั้งครอบคลุมทั้วประเทศใน 77 จังหวัด ทำงานสอดประสานกับการบริหารส่วนกลาง จึงมั่นใจว่าจากการปฏิรูปครั้งนี้จะเพิ่มจำนวนที่นั่ง ส.ส.ได้ในทุกภาค
ทั้งนี้มีการปรับโครงสร้างของสภาที่ปรึกษาโดยให้เป็นรูปแบบบอร์ดที่ปรึกษาอย่างแท้จริง มีโครงสร้างให้ผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นบอร์ดที่ปรึกษา 25 คน ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ปรับโครงสร้างสำนักงานเลขาเป็นสำนักงานใหญ่ของพรรค มีสำนักนโยบาย สำนักยุทธศาสตร์พัฒนาสาขาพรรคเพื่อสร้างองค์กรของพรรคเพื่อให้ขับเคลื่อนได้อย่างสอดรับกันทั้งประเทศ
นายอลงกรณ์ ยืนยันว่า ตน หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งประธานคณะทำงานปฏิรูปพรรคเดินบนถนนเดียวกัน เห็นชอบกันอย่างเป็นเอกฉันท์เดินหน้าปฏิรูปพรรค ซึ่งจะมีการประชุมต่อในสัปดาห์หน้าและสัปดาห์ถัดไปเพื่อพิจารณาปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กร และบุคลากร โดยภายในสิ้นเดือนนี้ร่างข้อบังคับใหม่ที่สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่จะเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและที่ประชุม ส.ส.จากนั้นเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเป็นกรณีพิเศษเพื่อรับรองข้อบังคับ และเลือกตั้งกรรมการใหม่ทุกชุด ยืนยันกรรมการบริหารพรรคและกรรมการทุกชุดภายใต้โครงสร้างปัจจุบันพร้อมพ้นจากตำแหน่งเพื่อให้เลือกคนที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นกรรมการบริหารพรรค และกรรมการตามโครงสร้างใหม่ ไม่ประสงค์ที่จะเห็นกระแสข่าวคาดเดาที่ไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
“ผม หัวหน้า เลขาฯเดินบนถนนเดียวกันให้พรรคกลับมาเป็นทางเลือกของประเทศ แข่งขันสูสี หรือชนะพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่การช่วงชิงอำนาจหรือแบ่งฝ่าย ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 22 ปี ดังนั้นชีวิตทางการเมืองต่อจากนี้ไปก็ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเดินหน้าปฏิรูปพรรคต่อไป แต่ไม่ขอบอกว่าจะจบชีวิตทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะหากเขาไม่อยากให้อยู่ก็คงอยู่ไม่ได้ แต่ไม่ขอพูดถึงปัจจัยที่จะทำให้อยู่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคตที่ยังตอบไม่ได้ แต่จะร่วมปฏิรูปพรรคต่อไป”
ส่วนกรณีที่คนในกลุ่มตัวเองที่ออกมาพูดว่าไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปพรรคนั้นเป็นข้อบกพร่องที่ไม่มีการทำความเข้าใจเท่านั้น ซึ่งตนก็มีส่วนรับผิดชอบด้วย แต่จะปิดกั้นความแตกต่างทางความคิดไม่ให้แสดงความเห็นไม่ได้ แต่เรายืนยันว่าเราเห็นชอบร่วมกัน ตนไม่ได้เป็นคลื่นใต้น้ำ แต่เป็นคลื่นบนน้ำ พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่แตะต้องตัวบุคคล ไม่ยึดติดตัวบุคคล แต่เชื่อในเรื่องการสร้างวัฒนธรรมองค์กร เหมือนเอสซีจีเมื่อมีการรีเอ็นจิเนียริ่งใหม่ ไม่ว่าใครมาบริหารก็เป็นมาตรฐานสากลไม่มีผลกระทบกับองค์กร
ทั้งนี้ตนยืนยันว่า จุดยืนของพรรคยึดมั่นประชาธิปไตยต่อต้านการคอร์รัปชัน เผด็จการ บุคคลใดก็ตามที่ทุจริต ไม่ถูกต้องเป็นภาระของพรรคที่ต้องต่อสู้ แต่ที่ตนให้ก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นไม่ได้หมายความว่าให้ก้าวข้ามหรือเลิกต่อสู้กับระบอบทักษิณ แต่มุ่งไปที่ต้องชนะเลือกตั้ง ชนะใจประชาชน และจะไม่ใช้นโยบายประชานิยมสุดโต่งแบบเกทับเหมือนที่พรรคเพื่อไทยทำอย่างแน่นอน เพราะพรรคมีคุณภาพพอที่จะไม่เดินไปสู่จุดนั้นแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นายอลงกรณ์ ไม่ยอมตอบอย่างชัดเจนว่าภารกิจของพรรคระหว่างการต่อสู้กับความไม่ถูกต้องของระบอบทักษิณกับการมุ่งที่ชัยชนะการเลือกตั้งให้น้ำหนักเรื่องไหนมากกว่ากัน โดยพยายามตอบเลี่ยงว่าต้องชนะเลือกตั้งจึงจะชนะระบอบทักษิณ
ส่วนถ้าไม่ใช้นโยบายประชานิยมสู้แล้วจะชนะพรรคเพื่อไทยที่ใช้นโยบายประชานิยมอย่างรุนแรงได้อย่างไร นายอลงกรณ์ กลับไม่มีคำตอบที่เป็นรูปธรรม นอกจากอ้างว่าจะไม่ทำประชานิยมสุดโต่งเท่านั้น และโครงสร้างใหม่ของพรรค การกำหนดนโยบายพรรคจะช่วยให้พรรคได้รับชัยชนะเลือกตั้ง
ด้าน นายอัศวิน วิภูศิริ กล่าวว่า สิ่งที่คณะกรรมการปฏิรูปทำขณะนี้ 30 เปอร์เซ็นต์ของการปฏิรูปทั้งหมดทั้งวิธีการทำงาน ความรับผิดชอบ หน้าที่ต้องชัดเจน จุดยืนของพรรคเหมือนเดิมตนรับหน้าที่ทำโครงสร้างและการบริหารที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีสำนักงานขึ้นมาสนับสนุนการทำงานของรองหัวหน้าพรรคแต่ละฝ่าย โดยโครงสร้างนี้จะไม่อุ้ยอ้ายแต่จะเสริมข้อมูลให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตามโครงสร้างใหม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มแต่ไม่เกินวิสัยที่พรรคจะรับได้