xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชูคนใต้รวม ปชป.ไม่ก้มหัวให้ รบ. แจงปรับสู้เลือกตั้ง “แก้วสรร” ฉะ “ระบอบแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หน.ปชป. ชมคนใต้ยืนหยัดสู้รัฐฯ กับพรรค ไม่ก้มหัวกับความไม่ถูกต้อง จวก รบ.ปู เมินทำตามสัญญา แนะเลิกกวน “บรรหาร” เชิญปาหี่ ชี้ ปชป.มีพิมพ์เขียวส้างประเทศ แจงปรับโครงสร้างสู้เลือกตั้งควบคู่กับเป็นฝ่ายค้าน รับพฤติกรรม ส.ส.กระทบภาพลักษณ์ แต่เพราะถูกปิดปาก ตอบไม่ได้ชนะเลือกตั้งตอนไหน แต่เหนียวแน่น ปชป.จะอยู่ไปอีกนาน “แก้วสรร” ชี้แม้วมองแค่เงิน ใช้ ปชต.บังหน้า ประชานิยมให้คนโลภ เป็นนายกฯ ตัวจริง เชื่อโครงการกู้รัฐฯ มีเช็ค 3 ใบ เอื้อโกง

วันนี้ (29 ก.ย.) ที่โรงแรมซากุระแกรนด์วิลล์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวช่วงหนึ่งในระหว่างการเปิดสัมมนาโครงการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการสาขาพรรค เจ้าหน้าที่สาขาพรรค และคณะทำงานในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ตนขอชื่นชมชาวภาคใต้ที่ยังมีความเหนียวแน่นในการยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูกต้องร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ แม้ที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้กล้าใช้อำนาจทำหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ทั้งขัดต่อกฎหมาย และขัดต่อหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่เราก็ยืนหยัดในการต่อสู้ สิ่งที่เห็นถึงความพยายามของฝ่ายรัฐบาลในการใช้อำนาจกับเงินเพื่อกดขี่ทางความคิดของชาวภาคใต้มาโดยตลอด ตั้งแต่ยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บอกว่าจะพัฒนาพื้นที่เฉพาะที่เลือกพรรคไทยรักไทย มาถึงยุคนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ ที่ประกาศว่าจะไม่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติให้ จ.ภูเก็ต เพราะไม่มีอารมณ์ แต่พี่น้องที่นี่ไม่ยอมก้มหัวให้แก่ความไม่ถูกต้องซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากประชาชนยอมตามสิ่งที่รัฐบาลต้องการ ยากที่คนที่รักความถูกต้องจะยืนหยัดต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นได้ จากการใช้ทุกวิถีทางที่จะใช้เงิน และอำนาจเพื่อให้สยบยอมจากฝ่ายแนวความคิดที่ไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเพื่ออนาคตลูกหลาน และประเทศชาติคือ ยืนหยัดความไม่ถูกต้อง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงบทบาทของฝ่ายค้านว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่าปัญหาประชาชนมีมาก โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจ และอื่นๆ เช่น ภัยพิบัติ ปัญหาการเมือง โดย 2 ปีที่ผ่านมา ปัญหาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือ ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา และไม่สามารถทำตามความหวังที่สร้างไว้ให้แก่ประชาชนในทุกเรื่อง ขณะเดียวกัน มุ่งเดินหน้าทำสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ และสร้างความเสี่ยงต่างๆ ต่อปัญหาในอนาคตทุกๆ ด้าน บ้านเมืองในวันนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงในรูปของการปฏิรูป แต่ไม่ใช่อย่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ และไม่ต้องไปรบกวนนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ต้องมาคอยประสานงานเพราะองค์ความรู้ในประเทศมีเพียงพอแล้วอยู่ที่การตัดสินใจ เช่น หากจะปฏิรูปเศรษฐกิจให้เป็นธรรมต้องลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เป็นต้น โดยพรรคประชาธิปัตย์กำลังดำเนินการโดยผ่านพิมพ์เขียวโครงสร้างประเทศไทยอยู่ขณะนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้เราจะต้องเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้กับคู่แข่งในสนามการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่ผ่านมา บุคลากรของพรรคก็ทำงานหนักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ท่ามกลางสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปมีข้อจำกัดมาก หากประเทศนี้เปรียบแข่งขันการเมืองเหมือนแข่งขันกีฬาสากลเราไม่เป็นรองใคร แต่วันนี้ที่เราแข่งกันมันไม่ใช่ การแสดงออกทางความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับผู้มีอำนาจจะเจอทุกเรื่อง ภาคธุรกิจออกมาพูดก็เจอสรรพากร ผู้นำท้องถิ่นออกมาพูดก็เจอฝ่ายปกครอง แม้แต่บริจาคเงินน้ำท่วมยังเจอกรมสอบสวนคดีพิเศษ ข่มขู่ คุกคามทุกอย่าง ดังนั้น เราจึงมองเห็นปัญหาต่างๆ เหล่านี้ และได้ปรึกษากันภายในว่า จะต้องปรับโครงสร้างบางอย่างเพื่อให้สามารถต่อสู้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขณะนี้คณะทำงานได้จัดทำเสร็จ และคณะกรรมการบริหารพรรคอนุมัติหลักการแล้ว จากนี้จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างกรรมการบริหาร กับ ส.ส.พรรคเพื่อแก้ไขเขียนเป็นข้อบังคับ เพื่อให้ที่ประชุมใหญ่พรรคได้อนุมัติต่อไป โดยต่อไปนี้ พรรคจะมีระบบกรรมการ หรือบอร์ดที่มีตัวแทนจากทุกฝ่ายมาทำหน้าที่กำกับการทำงานของคระกรรมการบริหารอย่างแท้จริง ขณะที่คณะกรรมการบริหารเองก็ต้องมีการปรับโครงสร้างให้กระชับในการขับเคลื่อนมากขึ้น และมีโครงสร้างใหม่ คือคณะกรรมการเขตพื้นที่เพื่อรองรับการต่อสู้ทางการเมืองเรื่องเลือกตั้งโดยเฉพาะ และปรับปรุงบริหารสำนักงาน จัดวางให้เกิดโครงสร้างที่จะรองรับภารกิจ เช่น กฎหมาย บัญชี เอกสารต่างๆ เป็นการยืนยันว่า พรรคไมได้หยุดกับที่ จะขับเคลื่อนเดินหน้าปรับปรุงไปพร้อมๆ กัน คู่ขนานไปกับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง และเตรียมพร้อมนโยบายที่เข้าไปบริหารประเทศ เพียงแต่สังคมรับรู้ยาก ความจริงแนวคิดเราดีๆ หลายอย่าง แต่กลายเป็นสังคมสนใจแต่เรื่องความขัดแย้งภายใน

“การต่อสู้ที่เข้มข้นบางครั้งทำให้เกิดปัญหา เพราะมีเหตุการณ์พฤติกรรมหลายอย่างแต่ สังคมรับรู้ไม่ครบถ้วน ผมเตือน ส.ส.ตลอด ตอนนี้ทำหน้าที่ในสภา หรือนอกสภา บางทีการโห่ ประท้วงก็กระทบภาพลักษณ์ เพราะเวลาเกิดเหตุอะไรขึ้น คนที่รับรู้ข่าวเห็นแค่พฤติกรรมตอนนั้นแต่ไม่ทราบที่มา จึงยากที่จะควบคุม เช่นเมื่อวาน (28 ก.ย.) เราเข้าร่วมประชุมชุมสภา แค่ขอสิทธิพูดว่าที่ทำมาทั้งหมด และกำลังทำอยู่ไม่ชอบอย่างไร จนเราไม่สามารถลงมติได้ เขายังไม่ยอมให้พูด ถ้าไม่ประท้วง ไม่โห่กัน ส.ว.ก็ไม่สามารถอภิปรายได้ ความจริงเราไม่อยากทำเหล่านี้ ท่านชวน (หลีกภัย) ก็อยากให้ทำหน้าที่ตามปกติ ผมเองก็ไม่สบายใจที่เกิดภาพนี้ออกไป แต่ก็หนักใจเพราะถ้านิ่งเฉยสุภาพเรียบร้อยสยบต่อความไม่ถูกต้องในหลายเรื่อง สังคมก็จะไม่รับรู้ว่า มีการกระทำเลวร้าย ชั่วร้ายอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนอย่างไร ทั้งการทำหน้าที่ที่ประธานสภา และการดำเนินการของสภา ดังนั้น เราต้องมีความหนักแน่น เด็ดเดี่ยว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในการยืนหยัดความถูกต้องคือ หัวใจสำคัญในความสำเร็จในวันข้างหน้า เราไม่รู้ว่าการเมืองแต่ละช่วงจะเป็นอย่างไร บางครั้งเราได้รับชัยชนะ และได้รับบทบาทจากสภา และประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหารเราก็จะเดินหน้าผลักดันสิ่งเหล่านี้ต่อไป หลายโอกาสเราไม่สามารถทำได้ ก็ต้องเดินหน้าทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของบ้านเมืองด้วยความเข้มแข็ง ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะชนะการเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่บอกว่าได้ ถ้าเราเหนียวแน่น หนักแน่นเหมือนตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์จะอยู่คู่กับสังคมไทยเพื่อลูกหลานของเราต่อไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส.กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายหัวข้อ “การยึดอำนาจของระบอบทักษิณ” ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือนักเกร็งกำไร มองการบริหารประเทศเป็นธุรกิจ เมื่อชนะการเลือกตั้งก็คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของประเทศจึงได้ตักตวงผลประโยชน์ภายหลังจากที่ได้ลงทุนไป โดยยึดหลักว่า เงินสร้างอำนาจสร้างความเชื่อ และอำนาจนั้นก็จะกลับมาเป็นเงิน ซึ่งประชาธิปไตยในปัจจุบันเป็นแค่ฉากบังหน้า แต่ข้างหลังคือ เผด็จการ มีการใช้เงิน และอำนาจสร้างอันธพาล สร้างนักปลุกระดม สร้างมวลชน และมีซุ้มตำรวจรวมเป็นระบอบทักษิณ

นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังทำนโยบายประชานิยมเพื่อให้คนเกิดความโลภ เมื่อโลภแล้วก็ต้องเลือกเขา ซึ่งการทำประชานิยมจะไม่พูดถึงการพัฒนาการศึกษา การพัฒนาอุตสาหกรรม รวมถึงไม่มีการปรับปรุงผลผลิตทางการเกษตร มีแต่การแจกเงิน และสิ่งของซึ่งทำให้ประชาชนเป็นฝ่ายรอรับจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว

“ต้องถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของไทย เพราะคนเป็นผู้นำจะต้องไม่เดินทางไปต่างประเทศตลอดเวลาอย่างนี้ แต่นายกฯ ตัวจริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเรียกว่านายกฯ โมบายที่โทรศัพท์มาสั่งการตลอดเวลา และตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองก็มีโปรโมเตอร์ส่วนตัวโดยมี นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นคนเขียนสคริปต์ให้พูดตามนอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณจะสั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังสั่ง ส.ส.ได้ทั้งสภา จนเรียกได้ว่าตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์” นายแก้วสรร กล่าว

นายแก้วสรร กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่อง พ.ร.ก.แก้ไขน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาล เป็นการสร้างคันกั้นน้ำ และการขุดคลองมารวมในกระจาดเดียว เช่นกันกับการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอให้นำโครงการต่างๆ เข้าระบบงบประมาณ แต่รัฐบาลต้องการหลีกเลี่ยงขั้นตอนของระบบงบประมาณ เป็นการต้องการเงินโดยอาศัยกระดาษเพียงไม่กี่แผ่น โดยไม่คำนวณประโยชน์ของโครงการ ไม่มีการศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งเคยมีตัวอย่างแล้วคือ กรณีโฮปเวลล์ ที่สร้างไปออกแบบไปจนสุดท้ายก็ไม่เสร็จ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าการทำโครงการนี้เวลาเบิกเงินจะมีเช็ค 3 ใบ โดยให้ผู้รับเหมาช่วง บริษัทจากต่างประเทศ และคนที่เซ็นโครงการ เป็นการออกแบบเพื่อการคอร์รัปชัน

กำลังโหลดความคิดเห็น