ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เรียกว่าแสบร้อนไปทั้งสรรพางค์กายทีเดียว สำหรับปลาไหลตัวพ่ออย่าง “นายบรรหาร ศิลปอาชา” ที่รับบัญชาจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สวมหมวกผู้ประสานงานเวทีปฏิรูปการเมือง หลังจากเดินทางเข้าพบปะพูดคุยกับ “นายสนธิ ลิ้มทองกุล” และ “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 ที่ผ่านมา
เพราะแต่ละคำถามที่นายสนธิย้อนถามนายบรรหารนั้น ไม่ต่างอะไรจากการใช้ “ใบข่อย” รูดเมือกอันลื่นของปลาไหลก่อนนำไปต้มเปรตรับประทานเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากนายบรรหารจะอ้อมแอ้มตอบคำถามไปแบบน้ำขุ่นๆ แล้ว นายบรรหารยังแก้ตัวให้กับนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรผู้เป็นต้นตอของปัญหาความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวงในประเทศไทย รวมทั้งแก้ตัวให้กับตัวเองที่พร้อมผสมพันธุ์กับทุกพรรคการเมืองเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลเพราะไม่อยากตกเป็นฝ่ายค้าน
คำถามข้อแรก นายสนธิเริ่มต้นอย่างดุดันว่า “นายบรรหาร คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาศาลฎีกา ควรจะกลับมาติดคุกหรือไม่ และจะนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องนิรโทษกรรมให้นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ด้วยหรือไม่
คำถามข้อที่สอง ทำไมนักการเมืองและข้าราชการต้องบินไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ และกลับมาพร้อมตำแหน่ง ดังนั้น จึงไม่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง เพราะนายกฯ ตัวจริงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นอกจากนี้ การแสดงออกของรัฐบาลไม่ได้แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา อย่างการต่ออายุราชการให้กับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมดีเอสไอ ก็เพราะนายธาริต สามารถเล่นงานฝ่ายตรงข้ามกลับได้ รวมไปถึงบทบาทของทั้งประธานสภา-วุฒิสภา
คำถามถัดมาเป็นคำถามสำคัญซึ่งนายสนธิได้แสดงความคิดเห็นมาแล้วหลายครั้งว่า ปัจจุบัน ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ไม่เคยแยกจากกันเป็นพวกเดียวกัน ทำให้ประชาธิปไตยไม่มีอยู่จริงในประเทศไทย
“ถ้าเขาคิดจะใช้พี่บรรหารเป็นเครื่องมือในเกมนี้ ถ้าเป็นแบบนั้นผมขอไม่เล่นด้วย และอยากถามพี่ด้วยว่า พี่คิดว่าตัวเองก็คือต้นตอขอปัญหาด้วยหรือไม่ ผมอยากให้นักการเมืองเสียสละ หยุดเล่นการเมืองสัก 2-3 ปี แล้วเรามาร่างกติกาให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ภราดรภาพคนไทยต้องมีเท่ากัน สิทธิในกระบวนการยุติธรรมจะต้องเข้าถึงได้เหมือนกัน ที่สำคัญที่สุดคือหลักนิติรัฐ ถ้าไม่มีการปฏิรูปอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แต่วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นช.ทักษิณ จะต้องถอยถ้าเขารักบ้านเมืองจริง พี่บรรหาร ก็รู้จำนำข้าวเสียหาย ถ้าขึ้นศาลฎีกาฯต้องมีคนติดคุก และยังมีเงินกู้ 2 ล้านล้าน และจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน พี่เป็นคนเก่ง รู้ว่าเมืองไทยจะหายใจแทบไม่ทัน มีที่ไหนในโลกน้ำมันแพงยังเฉย ถ้าทุกฝ่ายไม่ก้าวล่วงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่กันแบบที่เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เคารพหลักนิติรัฐ ลดช่องว่างระหว่างรายได้ ความยุติธรรม บ้านเมืองเราก็จะไม่มีสีอีก”
“ผมเห็นใจพี่ที่จะปฏิรูปการเมือง ผมกำลังบอกว่าพี่เป็นเครื่องมือเขา ที่ต้องการจะลดอุณหภูมิทางการเมืองลงมาเท่านั้น ไม่เคยคิดทักษิณ ตระกูลชินวัตร คิดปฏิรูปการเมืองแค่ต้องการยึดอำนาจต่อ งั้นต้องถามว่า พี่จะไปเป็นตัวประกอบของเขาอีกนานไหม นี่คือคำพูดที่มาจากใจ พี่ต้องไม่โกรธผม” นายสนธิถามและแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา
เฉกเช่นเดียวกับ พล.ต.จำลองที่ปฏิบัติการรูดเมือกปลาไหลด้วยการแจกแจงให้เห็นต้อตอของปัญหาที่แท้จริงว่า เกิดขึ้นเพราะการกระทำของพรรครัฐบาลที่เป็นคนก่อทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการแก้รัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายนิรโทษกรรม รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องต้องสภาปฏิรูปขึ้นมาเพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ตราบใดที่รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นและมุ่งหน้าที่จะช่วยเหลือนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตรอย่างหน้ามืดตามัว
ขณะที่นายบรรหารเมื่อเจอกับคำถามและท่าทีของนายสนธิและพล.ต.จำลองอย่างตรงไปตรงมาก็เล่นเอาสิ้นลายปลาไหลตัวพ่อเลยทีเดียว แถมในการตอบคำถามก็ได้สำแดงให้เห็นว่า แก้ตัวให้กับพี่น้องตระกูลชินวัตรอยู่ในทีเช่นกัน
กล่าวคือ แม้นายบรรหารจะปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นเครื่องมือของใคร แต่ก็แก้ตัวแทนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอย่างหน้าชื่นตาบานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้เชื่อฟังพี่ชายในทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องก็มีความเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะการจัดตั้งสภาปฏิรูปการเมืองในครั้งนี้ รวมทั้งแก้ตัวแทนนักโทษชายทักษิณว่า ที่ต้องหนีคดีก็เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ปัจจุบันความเป็นธรรมในสังคมมันไม่มี ผมถูกแบน พรรคถูกยุบทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดมันสองมาตรฐานหรือไม่ ผมก็ถูกรังแกจากเรื่องบางอย่าง ทีนี้ก็พูดว่าทำไมทักษิณไม่เข้ามาประเทศไทย เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่ได้ทำความผิดคดีที่ดินรัชดาฯ ในการเซ็นแทนภรรยา”นายบรรหารแก้ตัวแบบขอไปที ซึ่งเป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น เพราะคำพิพากษาของศาลมีความชัดเจนว่า นช.ทักษิณทำผิดกฎหมายจริงในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 รวมถึงคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านซึ่งได้จากการฉ้อโกง
เช่นเดียวกับเมื่อนายสนธิถามต่อว่า “ถ้าสุดท้ายแล้วสภาจะนิรโทษกรรม หรือพยายามทำอะไรให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิด พี่จะไม่เอาด้วยใช่หรือไม่”
นายบรรหารทำสีหน้าเหวอก่อนพูดว่า “ไม่ขอตอบ คำถามนี้ตอบยาก ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขอดูเหตุการณ์จริง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจของนายบรรหารว่า แท้ที่จริงแล้ว นั่นอาจเป็นเป้าหมายสูงสุดที่เขาได้รับมาก็ได้ เพราะถ้านายบรรหารมีความจริงใจและอยากให้บ้านเมืองดีขึ้นจริง นายบรรหารจะไม่ตอบคำถามด้วยคำพูดในลักษณะนี้
และถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้แปลกอะไรที่นายบรรหารตอบแบบนี้ เพราะสังคมรับรู้อยู่แก่ใจกับสมญานาม “ปลาไหลใส่สเก็ต” ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย หากแต่ได้มาเพราะฝีมือล้วนๆ
และเมื่อพิเคราะห์สิ่งที่นายบรรหารสะท้อนออกมาผ่านการสนทนาในครั้งนี้ ก็ทำให้สังคมเห็นตัวตนที่แท้จริงของนายบรรหารอย่างชัดเจน รวมถึงรับรู้และเข้าใจในภารกิจสุดท้ายที่นักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตรสั่งให้นายบรรหารรับบทม้าใช้ในเวทีปาหี่ปฏิรูปการเมืองในครั้งนี้ได้อย่างทะลุโปร่งว่า “ทักษิณคิด บรรหารทำ” โดยที่ไม่ต้องมีข้อสงสัยอะไรอีกต่อไป
เจอหมัดเด็ดของ 2 อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย งานนี้เล่นเอามังกรสุพรรณ “หงายเงิบ” เดินตุปัดตุเป๋ออกจากบ้านไปพระอาทิตย์ชนิดไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มีกันทีเดียว โดยเฉพาะคำถามที่แทงทะลุไปถึงหัวใจว่า “ผมถามว่า พี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ในฐานะเป็นนักการเมืองด้วยหรือเปล่า เพราะผมถือว่าการเมืองเมืองไทย บ้านเมืองไทยทุกวันนี้ที่เป็นอย่างนี้ เพราะนักการเมืองเมืองไทย”