xs
xsm
sm
md
lg

วิทยาทานสำหรับบรรหาร และอีกหลายๆ คน

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

หนึ่งในคำถามของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ทะลุขั้วหัวใจของนายบรรหาร ศิลปอาชา นายหัวพรรคชาติไทยพัฒนาวันที่รับจ๊อบเดินสายชวนคนโน้นคนนี้มาปฏิรูปประเทศไทยให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็คือ “พี่คิดไหมว่า ตัวเองก็คือต้นตอของปัญหาด้วยหรือไม่?”

นายบรรหาร ศิลปอาชา ไม่ได้ตอบคำถามที่นายสนธิถามอย่างตรงไปตรงมานี้ อาจเป็นเพราะนายบรรหารไม่รู้จักตัวเอง มองตัวเองไม่ออก หรือไม่เคยมองตัวเองเลย หรืออาจจะรู้เข้าใจ แต่การที่จะพูดถึงตัวเองอย่างตรงไปตรงมาสำหรับคนบางคนนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งบางคนที่ว่านี้อาจจะรวมทั้งนายบรรหารด้วย

นายบรรหารจึงได้แต่บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้รับความยุติธรรม และตัวนายบรรหารเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วย

การที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ก็ดี นายเสนาะ เทียนทอง ก็ดี รวมทั้งขี้ข้าม้าใช้ของ พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อและเข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แล้วคณะที่ยึดอำนาจก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งขึ้นมาตรวจสอบการบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตรวจสอบแล้วก็พบหลายเรื่องที่ห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำผิด หนึ่งในนั้นก็คือ ให้เมียซื้อที่ดินรัชดาฯ

พ.ต.ท.ทักษิณและขี้ข้าม้าใช้มักจะพูดเสมอว่า คณะรัฐประหารตั้งคนที่เป็นปฏิปักษ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมาตรวจสอบ การตรวจสอบจึงไม่เป็นธรรม บางคนไปไกลถึงบอกว่า มีอย่างหรือเมียซื้อที่ดิน ผัวกลับติดคุก

คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จะเป็นปฏิปักษ์เป็นฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ตรงข้าม ข้อเท็จจริงก็คือ

คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ เมียพ.ต.ท.ทักษิณซึ่งขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีซื้อที่ดินรัชดาฯ ราคาเกือบ 800 ล้านบาท ในขณะที่เดิมที่ดินแปลงนั้นราคา 2,000 กว่าล้านบาท (และเมื่อศาลให้การซื้อขายเป็นโมฆะ ที่ดินแปลงนี้ก็ขายได้ 2,000 กว่าล้านบาท)

พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีรู้เห็นเป็นใจให้เมียซื้อผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 (การมีผลประโยชน์ทับซ้อน)

ก่อนการซื้อขายที่แปลงนี้ห้ามสร้างตึกสูงเกิน 5 ชั้น เมียพ.ต.ท.ทักษิณซื้อแล้วมีการยกเลิกข้อห้ามดังกล่าวสร้างสูงกี่ชั้นก็ได้

พ.ต.ท.ทักษิณเป็นห่วงว่าเมียจะโอนไม่ทันในปีนั้น เดี๋ยวจะเสียภาษีการโอนเพิ่มขึ้น ให้วันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันทำงาน

ดูมันทำเถอะ เรื่องอย่างนี้นายบรรหาร ศิลปอาชา นายเสนาะ เทียนทอง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ไม่เคยรู้ ไม่เคยสำเหนียกเลยหรืออย่างไร

ข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้บรรดานักกฎหมายพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือขี้ข้าทักษิณอื่นใด ตรวจสอบก็จะได้ข้อเท็จจริงเช่นว่านี้

และเมื่อคณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ เขาก็ส่งให้อัยการพิจารณาอัยการสูงสุดที่พิจารณาเรื่องนี้ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมร่วมกับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนี้

อัยการพิจารณาว่าสมควรฟ้องหรือไม่สมควรฟ้อง ในที่สุดก็ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จึงได้แต่งตั้งคณะผู้พิพากษา 9 ท่านขึ้นมาพิจารณา การพิจารณาเริ่มจากจะรับฟ้องหรือไม่รับฟ้อง รับฟ้องแล้วก็พิจารณาหลักฐานของผู้ฟ้อง และผู้ถูกฟ้องเสร็จแล้วจึงได้มีการตัดสิน และตัดสินคดีระหว่างนั้นก็มีถุงขนมของฝ่ายผู้ถูกฟ้องไปหล่นอยู่ที่ศาล จนทนายต้องติดคุก

ความจริงเหล่านี้นายบรรหาร ศิลปอาชา ไม่เคยรู้เลยหรือ ไปหลับอยู่ที่ไหน?

พูดอย่างที่นายบรรหารพูด หรือที่นายเสนาะ และบรรดาขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณพูดนี่มันแสดงความโง่ แสดงขี้เท่อออกมานะครับ แถมยังเป็นการหมิ่นศาลด้วย

คราวนี้มาฟังนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ พูดเอาไว้เมื่อครั้งยังเป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการยุบพรรค คดียุบพรรคชาติไทยซึ่งทำให้นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย บอกว่าตัวไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น เพราะกรรมการบริหารพรรคชาติไทยคนหนึ่งทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง

“รัฐธรรมนูญเขียนไว้กรรมการบริหารพรรครู้เห็นเป็นใจกับการทุจริต การโกงเลือกตั้งให้ยุบพรรค ยุบพรรคแล้วเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการแบบเหมาเข่ง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้พรรคการเมืองหาคนดีมาเป็นกรรมการ ไม่เอาคนชั่วคนเลวมาเป็นกรรมการ

สมมติเราเข้าหุ้นกัน 3 คนค้าขาย มีนาย ก.เป็นผู้จัดการ นาย ก.จัดการเจ๊ง นาย ข. และนาย ค.ด้วย เจ้าหนี้เขาฟ้องล้มละลาย ห้างนี้ล้มละลายหนี้สินล้นพ้นตัว นาย ก.ล้มละลายโอเคถูกไหมครับ เป็นผู้จัดการให้เจ๊ง สมควรล้มละลาย นาย ข. และนาย ค.ล้มด้วยเหมือนกันครับ เขาเรียกว่าล้มละลายตามห้าง นาย ข.และนาย ค.ผิดตรงไหนครับ ผิดที่เลือกนาย ก.มาเป็นผู้จัดการ ถ้าเทียบในทางธรรมะ นี่บรรยายธรรมก็พอได้นะครับ เขาเรียกว่าเป็นอบายมุขข้อหนึ่ง หนทางแห่งความชั่ว คือคบคนชั่วเป็นมิตร.....”

นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อธิบายว่า

“ก็กฎหมายเขียนอย่างนี้ว่า โกงเลือกตั้งปุ๊บ ศาลฎีกาเขาตัดสินให้ใบแดงก็ยุติแล้ว เพราะเป็นคำพิพากษาศาลฎีกา ใครจะไปยกเลิกเพิกถอนไม่ได้ และคำพิพากษาก็จะผูกพันคู่ความ ศาลฎีกาตัดสินแล้วว่าโกงส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องฟังและว่าโกงก็ต้องยุบพรรค.....”

พอจะเข้าใจไหมครับ นายบรรหาร ศิลปอาชา และบรรดาขี้ข้าม้าใช้ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทั้งหลาย
กำลังโหลดความคิดเห็น