ในที่สุดฟางเส้นสุดท้ายก็ทำเอาลา ทนไม่ไหว
ผมหมายถึงการออกมาของมวลมหาประชาชนตั้งแต่บ่ายวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่หลั่งไหลไปยังบริเวณที่มีการชุมนุมล้างระบอบทักษิณที่แยกนางเลิ้ง ผ่านฟ้า และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่นัดหมายกันเอาไว้วันที่ 24 พฤศจิกายน
เย็นวันที่ 24 พฤศจิกายน ผู้คนก็มืดฟ้ามัวดินทำลายสถิติที่นักเรียน นิสิตนักศึกษาประชาชนเดินออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเที่ยงวันที่ 13 ตุลาคม 2516 เสียอีก
เหตุที่ประชาชนหลั่งไหลออกมามากมายเช่นนั้น ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเลย ถ้าหากใครที่ติดตามคอลัมน์นี้ก็จะเห็นว่า ได้ทำนายเอาไว้ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือกส่งน้องสาว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะให้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลหุ่นที่จะต้องทำตามบัญชาของ พ.ต.ท.ทักษิณเช่นเดียวกับ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ที่เลือกน้องสาวก็เพราะเชื่อว่าจะบอกได้ใช้ฟังกว่าคนอื่น ยิ่งมีคุณสมบัติที่ไม่ประสีประสาทางการเมือง ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ไม่รู้จักเขินอายยิ่งเหมาะ
เดือนเมษายนปี 2552 และปี 2553 พ.ต.ท.ทักษิณบงการให้สมุนบริวารเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เพื่อที่จะคลายปมที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ยืนอยู่คนละขั้วกับพ.ต.ท.ทักษิณจึงพยายามที่จะให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ลาออกหรือยุบสภา เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่า เลือกตั้งเมื่อไร พ.ต.ท.ทักษิณก็ชนะเมื่อนั้น
การเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2553 ก็เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณวางแผนเอาไว้ พรรคเพื่อไทยได้คะแนนสูงสุด น้องสาวที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองได้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกหลายต่อหลายคนก็ได้อาศัยใบบุญได้เป็น ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเมื่อชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณก็บงการรัฐบาลให้ช่วยตน เริ่มตั้งแต่วีซ่าเข้าญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศที่เข้าไม่ได้ จากนั้นก็ได้หนังสือเดินทางแถมมีคนคาบไปให้ถึงนครดูไบ วันเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 5 ธันวาคม 2554 จะพยายามทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นโทษมาหนหนึ่งแล้ว แต่กระแสคัดค้านยังมากอยู่ก็ระงับไป พอต้นปี 2555 คณะรัฐมนตรีก็อนุมัติเงินเยียวยาเพื่อให้คนที่มาขายชีวิตให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับคนละ 4 ล้านบาทไปจนถึง 7 ล้านบาท
แล้วก็ย่ามใจที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ย่ามใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประชาชนออกมาคัดค้านก็ต้องระงับเอาไว้ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
นานเข้าก็เกิดความย่ามใจขึ้นอีก ทั้งออก พ.ร.บ.ล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และให้คนที่ทำความผิดอาญาอื่นๆ ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณ และลงมือแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะได้กระชับอำนาจ เพื่อที่จะให้ประเทศไทยทั้งประเทศอยู่ภายใต้ตีนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เหตุของความย่ามใจเกิดจากไม่ว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะบริหารบ้านเมืองผิดพลาดอย่างไร มองเห็นว่า ทุจริตคอร์รัปชันอย่างไร รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไรประชาชนก็เฉย จนกระทั่งมีคำพูดกันว่า ไทยทน ไทยเฉย ไทยนิ่ง แถมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยพิทักษ์ คอยรับใช้รัฐบาล คอยจัดการกับกลุ่มคนที่ทนไม่ได้กับรัฐบาล ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ลุกขึ้นมาเมื่อคราว เสธ.อ้าย เป็นหัวหน้าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 ทำให้ประชาชนหวาดกลัวอำนาจของตำรวจ
ระหว่างนั้นรัฐบาลก็ปูพื้นให้ผู้คนยอมสยบกับคำว่า มาจากการเลือกตั้ง มาจากประชาชน
กระแสดังกล่าวในหมู่หนังสือพิมพ์ที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะพูดอยู่เสมอว่า ไม่พอใจก็รอเลือกตั้งคราวหน้า ตอนนี้ต้องยอมรับเพราะได้เสียงข้างมาก
ความจริงก็คือได้เสียงข้างมากก็จัดตั้งรัฐบาล บริหารไม่ดี บริหารผิดพลาดก็ถูกยื่นญัตติถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแม้กระทั่งถูกประชาชนขับไล่ได้ ที่ต้องอาศัยประชาชนก็เพราะลำพังเพียงฝ่ายค้านล้มรัฐบาลไม่ได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะชั่วระยำอย่างไร มันก็ต้องยกมือให้พวกมันกันเอง
ที่ไหนในโลกก็เหมือนกันเช่นนี้ อาจจะยกเว้นสำหรับประเทศที่นักการเมืองเขารับผิดชอบ ประชาชนเขาตื่นตัวทางการเมือง อาจจะใช้วิธีอื่นให้รัฐบาลอยู่ในร่องในรอยอยู่ในหลักนิติธรรม
เรามีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็พูดถึงหลักนิติธรรม เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าหลักนิติธรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์จะเหมือนหลักนิติธรรมของชาวบ้านชาวเมืองหรือไม่
เมื่อมีการชุมนุมคัดค้านรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์เรียกร้องให้ประชาชนหันหน้าเข้าหากัน และคำนึงถึงหลักนิติธรรม ฟังแล้วน่าหัวร่อ หลักนิติธรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไรลองพิจารณาดู ให้สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรม ซึ่งเนื้อหาตอนเสนอวาระแรกเป็นอย่างหนึ่ง วาระที่ 3 เป็นอีกอย่างหนึ่ง นางสาวยิ่งลักษณ์จะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นเป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ได้ เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าบอกว่าไม่รู้ก็แสดงว่าโง่ โง่มากๆ โง่จนไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี
หลักนิติธรรมบ้าบออะไรที่นิรโทษให้คนโกง คนที่ศาลตัดสินแล้ว คนที่ทำความผิดอาญา แสดงว่า หลักนิติธรรมที่นางสาวยิ่งลักษณ์พูดนั้น นางไม่รู้เรื่องเลย พูดสักแต่ว่าพูดไปเท่านั้นเอง
ทั้งหลายทั้งปวงนี้คือ ฟางที่อยู่บนหลังลาเป็นฟางเส้นสุดท้าย รับไม่ไหวแล้ว
ผมหมายถึงการออกมาของมวลมหาประชาชนตั้งแต่บ่ายวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่หลั่งไหลไปยังบริเวณที่มีการชุมนุมล้างระบอบทักษิณที่แยกนางเลิ้ง ผ่านฟ้า และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่นัดหมายกันเอาไว้วันที่ 24 พฤศจิกายน
เย็นวันที่ 24 พฤศจิกายน ผู้คนก็มืดฟ้ามัวดินทำลายสถิติที่นักเรียน นิสิตนักศึกษาประชาชนเดินออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเที่ยงวันที่ 13 ตุลาคม 2516 เสียอีก
เหตุที่ประชาชนหลั่งไหลออกมามากมายเช่นนั้น ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเลย ถ้าหากใครที่ติดตามคอลัมน์นี้ก็จะเห็นว่า ได้ทำนายเอาไว้ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือกส่งน้องสาว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะให้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลหุ่นที่จะต้องทำตามบัญชาของ พ.ต.ท.ทักษิณเช่นเดียวกับ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ที่เลือกน้องสาวก็เพราะเชื่อว่าจะบอกได้ใช้ฟังกว่าคนอื่น ยิ่งมีคุณสมบัติที่ไม่ประสีประสาทางการเมือง ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ไม่รู้จักเขินอายยิ่งเหมาะ
เดือนเมษายนปี 2552 และปี 2553 พ.ต.ท.ทักษิณบงการให้สมุนบริวารเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เพื่อที่จะคลายปมที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ยืนอยู่คนละขั้วกับพ.ต.ท.ทักษิณจึงพยายามที่จะให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ลาออกหรือยุบสภา เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่า เลือกตั้งเมื่อไร พ.ต.ท.ทักษิณก็ชนะเมื่อนั้น
การเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2553 ก็เป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณวางแผนเอาไว้ พรรคเพื่อไทยได้คะแนนสูงสุด น้องสาวที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองได้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกหลายต่อหลายคนก็ได้อาศัยใบบุญได้เป็น ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเมื่อชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณก็บงการรัฐบาลให้ช่วยตน เริ่มตั้งแต่วีซ่าเข้าญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศที่เข้าไม่ได้ จากนั้นก็ได้หนังสือเดินทางแถมมีคนคาบไปให้ถึงนครดูไบ วันเฉลิมพระชนมพรรษาวันที่ 5 ธันวาคม 2554 จะพยายามทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นโทษมาหนหนึ่งแล้ว แต่กระแสคัดค้านยังมากอยู่ก็ระงับไป พอต้นปี 2555 คณะรัฐมนตรีก็อนุมัติเงินเยียวยาเพื่อให้คนที่มาขายชีวิตให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับคนละ 4 ล้านบาทไปจนถึง 7 ล้านบาท
แล้วก็ย่ามใจที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ย่ามใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประชาชนออกมาคัดค้านก็ต้องระงับเอาไว้ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย
นานเข้าก็เกิดความย่ามใจขึ้นอีก ทั้งออก พ.ร.บ.ล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และให้คนที่ทำความผิดอาญาอื่นๆ ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณ และลงมือแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะได้กระชับอำนาจ เพื่อที่จะให้ประเทศไทยทั้งประเทศอยู่ภายใต้ตีนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เหตุของความย่ามใจเกิดจากไม่ว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะบริหารบ้านเมืองผิดพลาดอย่างไร มองเห็นว่า ทุจริตคอร์รัปชันอย่างไร รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไรประชาชนก็เฉย จนกระทั่งมีคำพูดกันว่า ไทยทน ไทยเฉย ไทยนิ่ง แถมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยพิทักษ์ คอยรับใช้รัฐบาล คอยจัดการกับกลุ่มคนที่ทนไม่ได้กับรัฐบาล ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ลุกขึ้นมาเมื่อคราว เสธ.อ้าย เป็นหัวหน้าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 ทำให้ประชาชนหวาดกลัวอำนาจของตำรวจ
ระหว่างนั้นรัฐบาลก็ปูพื้นให้ผู้คนยอมสยบกับคำว่า มาจากการเลือกตั้ง มาจากประชาชน
กระแสดังกล่าวในหมู่หนังสือพิมพ์ที่รับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณก็จะพูดอยู่เสมอว่า ไม่พอใจก็รอเลือกตั้งคราวหน้า ตอนนี้ต้องยอมรับเพราะได้เสียงข้างมาก
ความจริงก็คือได้เสียงข้างมากก็จัดตั้งรัฐบาล บริหารไม่ดี บริหารผิดพลาดก็ถูกยื่นญัตติถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแม้กระทั่งถูกประชาชนขับไล่ได้ ที่ต้องอาศัยประชาชนก็เพราะลำพังเพียงฝ่ายค้านล้มรัฐบาลไม่ได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะชั่วระยำอย่างไร มันก็ต้องยกมือให้พวกมันกันเอง
ที่ไหนในโลกก็เหมือนกันเช่นนี้ อาจจะยกเว้นสำหรับประเทศที่นักการเมืองเขารับผิดชอบ ประชาชนเขาตื่นตัวทางการเมือง อาจจะใช้วิธีอื่นให้รัฐบาลอยู่ในร่องในรอยอยู่ในหลักนิติธรรม
เรามีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็พูดถึงหลักนิติธรรม เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าหลักนิติธรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์จะเหมือนหลักนิติธรรมของชาวบ้านชาวเมืองหรือไม่
เมื่อมีการชุมนุมคัดค้านรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์เรียกร้องให้ประชาชนหันหน้าเข้าหากัน และคำนึงถึงหลักนิติธรรม ฟังแล้วน่าหัวร่อ หลักนิติธรรมของนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไรลองพิจารณาดู ให้สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรม ซึ่งเนื้อหาตอนเสนอวาระแรกเป็นอย่างหนึ่ง วาระที่ 3 เป็นอีกอย่างหนึ่ง นางสาวยิ่งลักษณ์จะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นเป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ได้ เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าบอกว่าไม่รู้ก็แสดงว่าโง่ โง่มากๆ โง่จนไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี
หลักนิติธรรมบ้าบออะไรที่นิรโทษให้คนโกง คนที่ศาลตัดสินแล้ว คนที่ทำความผิดอาญา แสดงว่า หลักนิติธรรมที่นางสาวยิ่งลักษณ์พูดนั้น นางไม่รู้เรื่องเลย พูดสักแต่ว่าพูดไปเท่านั้นเอง
ทั้งหลายทั้งปวงนี้คือ ฟางที่อยู่บนหลังลาเป็นฟางเส้นสุดท้าย รับไม่ไหวแล้ว