“ยรรยง” อ้างฝ่ายค้านปลุกผี “สารวัตรเหยิน” สร้างชื่อให้ตัวเอง ระบุทำข้าวถึงแค่ 6 แสนตัน เหตุข้าวถุงกำลังจะขาดตลาด จากการที่รัฐบาลทำโครงการจำนำข้าว ปัดฮั้วสัญญาจ้างเพื่อบริษัทพวกพ้อง ขณะเดียวกันก็ไม่มีการโกงความชื้นข้าวชาวนา ด้าน “กรณ์” ปูดรัฐบาลกู้เงินเถื่อน 4.5 พันล้าน หลัก พ.ร.ก.น้ำ 3.5 แสนล้านหมดอายุ บี้แจงลงนามสัญญากู้เงิน 4 แบงก์ ถือว่าก่อหนี้แล้วหรือยัง ยกแผนบริหารหนี้เดือน ก.ย.มัดคอ ยังไม่ลงบัญชีเป็นหนี้สาธารณะ
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ แถลงข่าวชี้แจงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใน นายกรัฐมนตรี ในประเด็นการเป็นประธาน คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีการอนุมัติให้มีการนำข้าวไปทำข้าวถุงถึง 2.5 ล้านตัน และทำให้เกิดการทุจริต รวมถึงปล่อยให้มีการโกงความชื่นของชาวนาว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านเหมือนไม่ต้องการให้รัฐบาลตอบและยังเป็นการปลุกผีคนตาย คือ พ.ต.ต.ศราวุฒิ สกุลมีฤทธิ์ หรือสารวัตรเหยิน อดีต ผอ.องค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่เสียชีวิตไปแล้วขึ้นมาสร้างชื่อให้ตนเอง แล้วทำลายชื่อเสียงรัฐบาล
นายยรรยง กล่าวว่า โดยข้อเท็จจริง กขช.ไม่ได้มีการอนุมัติให้มีการนำข้าวที่รัฐบาลรับจำนำไว้ไปทำข้าวถุงจำนวน 2.5 ล้านตัน แต่อนุมัติเพียง 7 แสนตัน ที่เหลืออีก 1.8 ล้านตัน คณะอนุกรรมการระบายข้าวที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธานเป็นผู้อนุมัติตามหน้าที่ เมื่ออนุมัติแล้วการทำข้าวถุงก็ทำเพียง 5.9 แสนตัน ไม่ถึง 6 แสนตันอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา โดยเหตุที่รัฐบาลต้องอนุมัติให้นำข้าวในโครงการไปทำข้าวถุง เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจำนำข้าวในราคาสูง ทำให้เอกชนไม่มีข้าวไปทำข้าวถุง ส่งผลให้ตลาดข้าวในประเทศ ขาดข้าว และหากไม่ดำเนินการประชาชนก็จะเดือดร้อนเพราะจะมีการปรับขึ้นของราคาข้าวถุง รวมถึงเป็นการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มพิเศษ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย และเมื่อคิดอัตราส่วนแล้วพบว่า เป็นเพียงร้อยละ 5 ของตลาดข้าวถุงเท่านั้น ไม่ได้มากอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า มีการทุจริตอนุมัติสัญญาจ้างในการทำข้าวถุงให้เฉพาะบริษัทพรรคพวกของตนเองนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะข้าวในโครงการมีการเก็บไว้นาน เมื่อจะนำมาใช้ต้องมีการปรับปรุงข้าว ซึ่งมีกระบวนการซับซ้อนจำเป็นต้องหาผู้มีประสบการณ์เพียงพอในการดำเนินการ ซึ่ง อคส.ได้มีการประกาศอย่างเปิดเผย เชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ายื่นซองประมูล และมีผู้ยื่นซองรวม 8 ราย และมีคุณสมบัติผ่านทั้ง 8 ราย ทาง คอส.จึงได้มีการทำสัญญาจัดจ้างกับทุกราย และเมื่อเกิดปัญหามีการกล่าวหาว่ามีการเอาข้าวไปหมุนเวียน รมว.พาณิชย์ ก็ได้มีคำสั่งชะลอการทำข้าวถุงและให้ อคส.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบทางวินัย จึงไม่อยากให้มีการอ้างคำพูดของ พ.ต.ต.ศราวุฒิ ที่เสียชีวิตไปแล้วว่ามีการสารภาพอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง
นายยรรยง กล่าวอีกว่า ประเด็นที่มีการกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีเปิดช่องให้มีการโกงความชื้น โกงน้ำหนัก และสวมสิทธิเกษตรกร ยืนยันว่า การซื้อขายสินค้าเกษตรจะขายตามความชื้นในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการประกันของพรรคประชาธิปัตย์ หรือโครงการรับจำนำของรัฐบาลชุดนี้ เวลาจะซื้อขายต้องกำหนดความชื้น เช่น ข้าวราคา 15,000 บาทต่อตัน รับซื้อที่ความชื้นไม่เกิน 15% ถ้าความชื้นเกิน 15% ก็จะมีการหักน้ำหนักข้าว จึงไม่ใช่เรื่องของการเปิดช่องให้มีการโกง แต่เป็นเรื่องปกติ และข้อกล่าวหานี้ถือว่าบิดเบือนมาก
อย่างไรก็ตาม การทุจริตในเรื่องดังกล่าวยอมรับว่าอาจจะมีแต่ว่าน้อยมาก เพราะรัฐบาลได้เพิ่มมาตรการในการเข้มงวด โดยมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ในจุดตรวจวัดความชื้นจุดละ 8 คน มีการติดตั้งกล้อง CCTV และก่อนที่จะรับซื้อเจ้าหน้าที่ของ อคส.ก็จะไปออกหน่วยเพื่อเก็บตัวอย่างความขื่นแล้วจึงมาตั้งเครื่องวัดความชื้นหากโรงสีมีการโกงก็จะสามารถตรวจสอบได้ และที่มีการกล่าวหาว่า รัฐบาลปล่อยให้มีการขนข้าวข้ามจังหวัดทำให้มีการปะปนข้าวที่มีคุณภาพต่างกันนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะมีคณะกรรมการระดับจังหวัดที่จะทำการตรวจสอบ รวมถึงมีการป้องกันการเคลื่อนย้ายข้าวข้ามจังหวัดและประเทศด้วย
ต่อมา นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีในข้อหาใช้อำนาจเกินกว่าขอบเขตในการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท เพื่อบริหารจัดการน้ำ เนื่องจาก พ.ร.ก.กู้เงินดังกล่าวในมาตรา 3 บัญญัติว่าให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินภายในวันที่ 30 มิ.ย. 56 แต่หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีกลับเดินหน้าต่อ โดยดำเนินการกู้เงินเพิ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.-พ.ย.อีก 4.5 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นการกู้เถื่อนและกระทำขัดต่อกฎหมาย
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 27 มิ.ย. 56 รัฐบาลลงนามในสัญญา 6 ฉบับจาก 4 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารออมสิน ว่าจะกู้เงิน ตนขอถามว่าเป็นการกู้แล้วหรือยัง แล้วเราเป็นหนี้หรือยัง อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าเรายังไม่เป็นหนี้ ถ้าไม่เชื่อขอให้ไปดูแผนบริหารหนี้ของกระทรวงการคลัง ฉบับเดือน ก.ย. 56 ดูว่า 3.5 แสนล้านยังไม่ได้ลงบันทึกว่าเป็นหนี้สาธารณะ เพราะยังไม่ได้กู้ ดังนั้นการกู้จะเป็นไปตาม พ.ร.ก.กู้เงินได้อย่างไร
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน 4 สถาบันการเงินที่เป็นคู่สัญญาของรัฐบาล ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา กรณีว่าการที่รัฐบาลทำสัญญาจะกู้เงิน ถือว่าสัญญากู้เงินสมบูรณ์แล้วหรือไม่ คำตอบชัดเจนว่า เนื่องจากการกู้เงินยังไม่ได้เบิกรับเงินกู้ และธนาคารยังไม่ได้โอนทรัพย์สิน สัญญากู้เงินดังกล่าวถือว่ายังไม่สมบูรณ์ สัญญากู้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินแล้วเท่านั้น จากนั้นกรรมาธิการถามต่อไปว่า หากรัฐบาลจะเบิกเงินสถาบันการเงินทั้ง 4 สถาบัน กล้าให้เงินหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ให้กู้ นอกเหนือจากว่ากระทรวงการคลังจะมีหลักประกันว่ายังมีอำนาจที่จะกู้เงินอยู่ โดยหลักประกันที่ธนาคารต้องให้กระทรวงการคลังยืนยัน คือคำสั่งของศาล
นอกจากนี้ตัวแทนสถาบันการเงินยังกล่าวด้วยว่าสัญญาจะกู้เงินมีจริงลงนามวันที่ 27 มิ.ย.แต่เมื่อเลยวันที่ 30 มิ.ย.ไปแล้ว หากจะกู้เงินขอให้ร้องต่อศาลก่อน ดังนั้นตนขอสรุปว่านายกรัฐมนตรีใช้อำนาจเกินกว่าที่รัฐบาล