xs
xsm
sm
md
lg

แถ“จำนำข้าว”กำไร9พันล้าน จี้ฟังคำเตือนธนาคารโลกก่อนเจ๊ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(8 ต.ค.56) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารโลกออกมาเตือนประเทศไทยเกี่ยวกับเรื่องโครงการจำนำข้าวอาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจรวมของประเทศว่า คงไม่ได้เป็นการเตือนในแง่ของโครงการจำนำข้าวอย่างเดียว แต่เป็นการวิเคราะห์ให้เห็นว่า ขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาด ส่วนหนึ่งวิเคราะห์ตรงกันคือ ภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น ทั้งหนี้ภาครัฐบาลหรือหนี้ภาคประชาชน แต่ยังไม่นับหนี้ที่รัฐบาลเตรียมก่ออีก 2 ล้านล้าน กำลังเป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้เศรษฐกิจรุดหน้าไปอย่างที่ควรเป็น คำเตือนที่สำคัญเพราะว่าสวนทางกับหลักคิด และการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ และรัฐบาลทุกชุดของพรรค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือคติว่า จะรวยได้ต้องเป็นหนี้ก่อน ซึ่งเดิมนั้นบอกว่า ให้ประชาชนเป็นหนี้แล้วก็จะรวย ก็จะผลักดันโครงการเอาเงินไปให้ประชาชนกู้ เดิมบอกรัฐบาลจะไม่กู้ แต่วันนี้รัฐบาลก็กู้เอง แต่สุดท้ายแล้วความคิดที่ว่ากู้เงินมา มีเงินอยู่ในมือแล้ว พอใช้เงินมากๆ เงินจะหมุน เศรษฐกิจจะเติบโต จะเฟื่องฟูนั้น วันนี้ธนาคารโลกเตือนแล้ว ความเป็นจริงของตัวเลขทางเศรษฐกิจขณะนี้ กำลังจะบ่งบอกว่าแนวคิดนี้ไปไม่ได้
นอกจากนี้กำลังสร้างความเสี่ยงเพิ่ม เพราะรัฐบาลไม่สามารถทำให้เกษตรกรดีขึ้นได้จริง การแทรกแซงพืชผลทางการเกษตรมีปัญหาเกือบทุกตัว ชัดเจนที่สุดคือ ข้าวที่ ธ.ก.ส.ปล่อยสำรองจ่ายจนเต็มเพดานแล้วยังหาเงินอีก 2.7 แสนล้าน ล่าสุดคือการแทรกแซงข้าวโพด ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการแทรกแซงที่เงิน จะไปที่พ่อค้า ไม่ได้ไปที่เกษตรกร สุดท้ายแล้วคนที่ได้ประโยชน์จริงจะเป็นใครซึ่งน่าเป็นห่วงเพราะประชาชนเดือดร้อนจากปัญหาข้าวของแพงอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคืองมีความเสี่ยงต่อหนี้สินที่จะเพิ่มขึ้น และอาจถูกซ้ำเติมจากเศรษฐกิจโลกก็ยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ จริงอยู่การกู้หนี้ยืมสินนั้นทำได้ แต่ต้องทำให้สมเหตุผล ทำแล้วต้องมีความมั่นใจในผลตอบแทนที่กลับมาในระดับหนึ่ง ความเสี่ยงนั้นมีอยู่บ้าง แต่ไม่ควรที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงโดยไม่มีภูมิคุ้มกัน
ปัญหาของรัฐบาลนี้คือ เมื่อกระตุ้นให้คนเป็นหนี้หรือทำตัวเองให้เป็นหนี้ แต่ไม่ได้ประเมิน ไม่ได้ศึกษาหรือทำให้มันมีความยั่งยืน เช่น บอกว่ารีบไปซื้อรถคันแรกจะได้ลดแสนหนึ่ง คนก็กลัวเสียสิทธิ์ ก็ไปเข้าโครงการกันมาก แต่ไม่ได้ประเมินกำลังตัวเองก็มีปัญหา พอมีหนี้เสียตอนนี้หลายคนก็กู้ยืมจากธนาคารยากขึ้น เพราะธนาคารมีความรู้สึกว่า การปล่อยกู้มีความเสี่ยงมากขึ้นหรือรัฐบาลกำลังจะกู้ให้เราเป็นหนี้ตั้ง 50 ปี ลูกหลานเราเป็นหนี้ 50 ปี แต่โครงการใหญ่สุด รัฐมนตรีคมนาคมเองสัปดาห์ก่อนไปร่วมสัมมนาก็ยอมรับว่าอาจจะขาดทุน และถ้าขาดทุนมากๆ ที่สุดก็จะไม่ทำ รัฐบาลนี้จึงจำเป็นต้องทบทวนคำเตือนนี้ซึ่งตรงกับที่ตนสรุปไปในวันอภิปรายเรื่องผลงานของรัฐบาล ก็คือบรรทัดสุดท้ายขณะนี้ ของแพงขึ้น รายได้คนไม่ได้เพิ่มขึ้นจริง รายได้ประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้น อย่างที่เป็นเป้าหมาย แต่เรากำลังเพิ่มความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเตือนรัฐบาลถึงความผิดพลาดจากโครงการนี้ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา และโครงการที่จะทำต่อเนื่องในฤดูกาลปี 57 ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำให้ราคาข้าวในตลาดปั่นป่วน โดยเฉพาะราคาข้าวสารในประเทศไทย ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งหามาตรการการแก้ไขปัญหาในทุกกระบวนการขั้นตอนของโครงการรับจำข้าว ที่กำลังส่งผลกระทบกับราคาตลาดข้าวในประเทศไทย รวมถึงกระทบถึงการจัดลำดับข้าวที่วันนี้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงเรื่องคุณภาพข้าว นอกจากนี้ตนเห็นว่ารัฐบาลควรยุติโครงการนำข้าว 2 แสนตันมาบรรจุถุงจำหน่ายในราคา 85 บาท และให้เปลี่ยนเป็นข้าวถุงจำหน่ายในราคา 70 บาท
ส่วนกรณีเกิดอุทกภัยในประเทศไทยขณะนี้ว่า ถือเป็นอีกช่องทางที่รัฐบาลจะใช้ระบายข้าวในโครงการรับจำนำ ซึ่งสิ่งที่กังวลคือบุคคลที่ดำเนินการเรื่องดังกล่าวจะเบิกข้าวจากโกดังของรับบาล ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี เพื่อนำไปขายต่อพ่อค้าคนกลาง และนำข้าวคุณภาพต่ำมาบรรจุถุงเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน จึงเรียกร้องไปยังประชาชนว่า หากได้รับบริจาคข้าวคุณภาพต่ำจากรัฐบาล อย่านำมาบริโภค ละขอให้ส่งเรื่องร้องเรียนมายังตน เพื่อที่จะได้นำเรื่องท้วงติงต่อไปยังรัฐบาล
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) แถลงว่า จะตั้งกระทู้ถามสดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 10 ต.ค. ในการใช้จ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาและการใช้เงินในฤดูกาลใหม่ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินแล้ว 7.7 แสนล้านบาท แต่ขายข้าวได้ 1.4 แสนล้านบาท เป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) 6.3 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมฤดูกาล56/57 ที่ใช้งบประมาณ 2.7 แสนล้านบาท ยังมีปัญหาว่าจะนำเงินมาจากไหน เพราะก่อนหน้านี้ ธกส. ยอมให้กู้เพียง 1.4 แสนล้านบาท แต่ล่าสุด ธกส.แจ้งให้ทราบว่าไม่อยู่ในสถานะใช้เงินดังกล่าวได้อีกต่อไป จึงมีคำถามว่ารัฐบาลจะนำเงินมาจากไหน รวมทั้งจะใช้หนี้เดิมอย่างไร ข้าวในสต๊อกมีจำนวนเท่าไหร่ ขายได้เท่าใด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุน ประจำปีบัญชี 2555 (1 เม.ย.2555-31 มี.ค. 2556) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
กระทรวงการคลังรายงาน ครม.ว่าการดำเนินงานประจำปี ของ ธ.ก.ส.ประจำปี 2555 เปรียบเทียบกับปัญชีปี 2554 ปรากฎว่าในปี 2555 ธ.ก.ส. มีสินทรัพย์รวม 1,055,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 139,475 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.21% มีหนี้สินรวม 1,097,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 13.39% มีรายได้รวม 67,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 19.38% รายจ่ายรวม 39,034 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 17.39% และ ธ.ก.ส. มีกำไรสุทธิ 9,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 310 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.53% อย่างไรก็ตาม ในปีบัญชี 2556 ธ.ก.ส.ตั้งเป้าหมายที่จะกู้เงินระหว่างปีจำนวน 5.7 แสนล้านบาท และมีเป้าหมายให้สินเชื่อคงเหลือเพิ่มขึ้น 5.8 หมื่นล้านบาท และเพิ่มอัตราเงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น 8.2 หมื่นล้านบาท
"ผลการดำเนินการของ ธ.ก.ส.ในปีที่ผ่านมาพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้นและไม่ได้ขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างที่มีผู้กล่าวหาแต่อย่างไร"นายภักดีหาญส์กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังรายงานเพิ่มเติมว่าในปี 2555 ธ.ก.ส.มีโครงการที่สำคัญที่ได้เนินการตามนโยบายรัฐบาลหลายโครงการ เช่น 1.โครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร ซึ่งขณะนี้มีการอนุมัติไปแล้วจำนวน 2.1 ล้านใบ ส่งมอบบัตรให้ลูกค้าและเปิดใช้งานแล้วจำนวน 1.38 ล้านใบ มูลค่า 3,732 ล้านบาท โดยจำแนกประเภทซื้อปัจจัยการผลิต ได้แก่ ปุ๋ย 74% เมล็ดพันธุ์ 6% เคมีภัณฑ์ทางการเกษตร 8% และน้ำมันเชื้อเพลิง 12%
2.โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 มี.ค.2556 มีลูกค้าเข้าโครงการพักชำระหนี้ในส่วนของปี 2554 7.84 แสนราย จำนวนเงิน 44,207 ล้านบาท และมีลูกหนี้ที่เข้าโครงการปี 2555 ประมาณ 2.16 ล้านราย จำนวนเงิน 1.96 แสนล้านบาท 3.โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2555/2556 โดยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 มี.ค.2556 ธ.ก.ส.ได้ทำสัญญาและจ่ายเงินให้กับให้แก่เกษตรกรกว่า 1.75 ล้านราย ปริมาณข้าวเปลือก 11.45 ล้านตัน จำนวนเงิน 1.84 แสนล้านบาท ซึ่งกรมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการระบายข้าวสารและนำเงินส่งคืนให้กับ ธ.ก.ส.และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร เพื่อชำระคืนให้กับ ธ.ก.ส.เป็นเงิน 10,079 ล้านบาท และ 4.โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2555/56 ธ.ก.ส.ได้ทำสัญญาเพื่อจ่ายเงินแก่เกษตรกร 1.71 แสนราย ปริมาณหัวมันสด 8.26 ล้านตัน จำนวนเงิน 22,483 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น