ถกวุ่น พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน มาตรา 3 ส.ว.สายเลือกตั้งค้านมติ กมธ.เสนอตัด “โครงการ” ออกจากบัญชีแนบท้าย อ้างเพื่อความยืดหยุ่น ส.ว.ปากน้ำโบ้ยไม่น่ามีอะไรหมกเม็ด ด้าน ส.ว.สรรหา หนุนมัดตราสังป้องกัน หวั่น ครม.ลักไก่หาช่องโกง ขณะที่ ส.ว.จันทบุรี คาดเสียงส่วนใหญ่ยกมือหนุน กมธ.เสียงข้างน้อย ล่าสุดที่ประชุม 63 ต่อ 52 ตัดออกเรียบร้อย
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภาได้เริ่มพิจารณาพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 เป็นรายมาตรา ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 18 มาตรา หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ของวุฒิสภา ที่มี นายธวัช บวรวนิชยกูร ส.ว.สรรหา เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว เมื่อเวลา 16.00 น.ในการพิจารณามาตรา 3 การกำหนดนิยามต่างๆ โดยกรรมาธิการเสียงข้างมากได้มีการเพิ่มคำว่า “โครงการ หมายถึงโครงการตามที่กำหนดไว้ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.นี้” ซึ่งสมาชิกสงวนความเห็น และอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยแบ่งเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายกรรมาธิการเสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มคำดังกล่าว ได้สงวนคำแปรญัตติให้ตัดการเพิ่มคำว่า “โครงการ” ออกไปจากบัญชีแนบท้าย โดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ยืดหยุ่น หลายโครงการยังต้องรอการศึกษาให้ถี่ถ้อยที่อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน ส่วนยุทธศาสตร์มีการกำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่าสิ่งไหนทำได้ ไม่ได้ ส่วนที่ห่วงว่าจะมีการไปทำทิศทางอย่างอื่นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมกรรมาธิการแล้วว่ารัฐบาลจะยึดถือยุทธ์เป็นหลัก บางโครงการที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพัฒน์ สำนักแผนขนส่งจราจรทางบก
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ไม่เห็นด้วยให้ใส่โครงการ จะทำให้บางโครงการที่เชื่อมต่อไม่สามารถดำเนินการได้ รัฐบาลไม่ขยับได้กรณีปรับปรุงเพิ่มเติม จึงไม่มีความจำเป็น เพราะนิยามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.ฉบับนี้ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ที่ ครม.มีมติเห็นชอบ ไม่ใช่อยู่ๆ หน่วยงานจะสามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงโครงการได้ทันที ส่วนแผนงานที่กำหนดไว้ก็มีความชัดเจนแล้วจะไปเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ส่วนหน่วยงานของรัฐที่หมายถึง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานเจ้าของโครงการ หมายถึง หน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุมัติ หรือได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการถือว่าครบและครอบคลุมที่จะดำเนินการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
นายสุโข วุฒฑิโชติ ส.ว.สมุทรปราการ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย อภิปรายเห็นด้วย ว่า เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่น่าจะมีอะไรเคลือบแฝงหมกเม็ด เราอาจจะคิดมากเจตนาดีเกินไปหรือเปล่า ทำให้บางสิ่งบางอย่างที่ควรเป็นไปตามกำหนดกลับช้าไป สิ่งที่ผ่านสภามาแล้วมีการกลั่นกรองมาดีแล้วควรจะยึดตามนั้น
ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมาก อาทิ นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ควรมีการเขียนให้ชัดเจนเพราะมีการลักไก่อยู่บ่อยๆ เขียนไปมากลายเป็นสุดซอยเหมาเข่ง จึงควรมีการเขียนเติมคำว่า “แผนงาน” “โครงการ” “หน่วยงานของรัฐ” “โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ” เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ และอย่างน้อยที่สุดเป็นการป้องกันการทุจริตโกงกิน คอรัปชั่นไม่อย่างนั้นเราต้องมาออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดกันอีก ตนคิดว่ายิ่งมีโครงการใหญ่ๆ เป็นที่ครหากันมากว่าใครจะได้ผลประโยชน์ต่างๆ จึงเป็นการป้องกันการทุจริต โปร่งใส และให้โครงการต่างๆตรวจสอบได้ การเขียนไปไม่ได้เพิ่มทำให้เกิดความเสียหาย กลับมีแต่ดียิ่งขึ้น การอนุมัติจะต้องปฏิบัติตามที่เสนอตามโครงการแผนงานต่างๆ เชื่อว่าสิ่งใดที่สามารถต่อเนื่อง หรือยืดหยุ่นที่ไม่มีลักษณะโกงกินย่อมไม่มีข้อตำหนิ เชื่อว่าสามารถทำได้ แต่ถ้าไม่เขียนไว้แล้วเอาไปกระทำมีแต่ข้อครหาว่ามีผลประโยชน์ได้เสียหรือไม่
“อำนาจนิติบัญญัติเป็นอำนาจที่ควบคุม กลั่นกรอง ตรวจสอบ แต่รัฐบาลกลับลักไก่เอาอำนาจนี้ไปอยู่กับตนเองเต็มๆ ถ้าเราไม่คงหลักการนี้ไว้เขียนให้เกิดความโปร่งใสชัดเจนเราจะไม่สามารถป้องกันการคอรัปชั่นได้ สิ่งที่ตนเสนอให้ระบุ “แผนงาน” ต้องรวมทั้งรายละเอียด ข้อมูลเอกสาร ผลการศึกษา รวมทั้งข้อมูลเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวกับโครงการต่างๆ ตามแผนงานดังกล่าวที่ ครม.เสนอต่อสภา เป็นเอกสารประกอบร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน หรือที่เป็นเอกสารชี้แจงต่อที่ประชุมสภาในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ในวาระ 1 เป็นการมัดตราสังว่าสิ่งที่ชี้แจงในสภาหรือเอกสารจำนวนมากมายให้ถือว่าเป็นแผนงานที่เกี่ยวเนื่องในโครงการนี้ทั้งสิ้น อย่างน้อยก็ดิ้นไม่ได้เพราะมีพวกหัวหมอ หาทางบิดพลิ้วต่างๆ ถ้าเราเขียนให้รัดกลุ่มจะทำให้คนที่จ้องจะโกงกินเกิดความระมัดระวังมากขึ้น” นายวันชัย กล่าว
พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา กล่าวสนับสนุนการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมาก กฎหมายฉบับนี้เมื่อผ่านขั้นตอน ส.ส. ส.ว แล้ว มีเพียงหลักการเหตุผล กฎหมาย 18 มาตรา แต่ให้อนุมัติให้รัฐบาลไปกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อนำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เงินที่จะใช้หนี้ก็มาจากเงินภาษีอากรประชาชน กว่า 50 ปี ความเป็นธรรมถูกต้องชัดเจนจะต้องมี ฉะนั้นสิ่งที่ต้องลงในราชกิจกาย่อมต้องไม่คลุมเครือชัดเจน ป้องกันการไปบิดเบือนในอนาคต
“ผมขอถามกรรมาธิการเสียงข้างน้อยว่ากล้าเซ็นเช็ค 2 ล้านล้านบาท ให้ไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ โดยไม่บอกว่าเป็นแบบไหน นั้นไม่เป็นธรรม เราให้เงินไป 7 ปีแล้วบอกแค่ให้ไปทำโครงสร้างพื้นฐาน แต่อะไรบ้างไม่บอก ผมกลัวอย่างยิ่งคือการผลุบๆ โผล่ๆ ตามใบสั่ง ไม่มีใครบอกว่ามันจะจีรังยั่งยืนอยู่รอดปลอดภัย 7 ปี รัฐบาลชุดหน้าจะหยิบส่วนไหนขึ้นมาทำก็ได้โดยอ้างว่าเป็นไปตามยุทธศาสตร์แผนงานที่มีเพียง 3 หน้ากว่า บัญชีแนบท้ายอีก 3 หน้ากว่าๆ อนุมัติ 2 ล้านล้านบาท ที่ใส่โครงการไว้ได้สร้างคุโณปการให้กับประเทศชาติอย่างใหญ่หลวงแล้ว เรากำลังช่วยทำให้กฎหมายฉบับนี้จากเดิมที่เทาๆ คลุมเครือ ถ้าจะทำให้มีความชัดเจนจะทำให้กฎหมายสมบูรณ์มากขึ้น สิ่งที่กังวลว่าขัดรัฐธรรมนูญก็จะหมดไป” พล.อ.อ.วีรวิท กล่าว
นายสุริยา ปันจอ ส.ว.สตูล อภิปรายสนับสนุนให้เพิ่มนิยามคำว่า “โครงการ” เข้าไป กรรมาธิการ โครงการที่กำหนดไว้ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.ฉบับนี้ สละสลวยเข้าใจง่าย แต่หากพิจารณาดูแผนงานยุทธศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ในเอกสาร บัญชีท้าย พ.ร.บ.เป็นบัญชีนำเสนอเพื่อให้ ส.ส. ส.ว.พิจารณา ถ้าไม่อยู่ในบัญชีถือว่าไม่เข้าประเด็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิคม ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะเปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายเต็มที่จนถึงเวลา 20.00 น.และจะมีการพิจารณาต่อในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) ขณะที่นายมงคล ศรีคำแหง ส.ว.จันทบุรี เปิดเผยว่า ตนมั่นใจว่า เสียงข้างมากในสภาซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝ่าย ส.ว.เลือกตั้งทั้งหมด และ ส.ว.สรรหาบางส่วนจะสนับสนุนเห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการเอาโครงการไปใสในบัญชีแนบท้ายของร่าง พ.ร.บ.เพราะจำนวนเสียงของกลุ่มที่เห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 40 ส.ว.มีคะแนนสนับสนุนอยู่เพียง 50 คนเท่านั้น
ต่อมา หลังจากที่ประชุมได้ให้ผู้อภิปรายได้อภิปรายและแสดงเหตุผลจนครบถ้วน ที่ประชุมได้มีการลงมติ ผลปรากฏว่ามติเสียงข้างมาก 63 ต่อ 53 เสียงไม่เห็นชอบตามที่กรรมาธิการฯ มีการแก้ไข ที่เพิ่มเติมคำว่าโครงการเข้ามา ทำให้เนื้อหามาตรา 3 เป็นไปตามร่าง ที่สภาฯ เห็นชอบแล้ว
จากนั้นเมื่อเวลา 20.00 น. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ฐานะประธานในที่ประชุมได้สั่งพักการประชุม และนัดประชุมต่อในวันที่ 19 พ.ย. เวลา 10.00 น. โดยจะเริ่มพิจารณาต่อในมาตรา 4 ว่าด้วยการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้