วุฒิสภาเริ่มถกกู้เงิน 2 ล้านล้าน “นิคม” เผยมี ส.ว.ขออภิปราย 63 คน คาด 2 วันจบ รับหลักการวาระแรกเที่ยงพรุ่งนี้ “กิตติรัตน์” แจงเงินกู้ 2 ล้านล้านไม่กระทบการคลังของประเทศ เพราะสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่เกินร้อยละ 50
นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ วันนี้ (7 ต.ค.) ถึงการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) ว่าในการประชุมวันนี้ มี ส.ว. ขออภิปรายร่างดังกล่าวจำนวน 63 คน โดยทางวุฒิสภาให้เวลาคนละ 15 นาที รวมแล้วคาดว่าใช้เวลาในการประชุมประมาณ 18-19 ชั่วโมง และคิดว่าน่าจะประชุมเสร็จสิ้นก่อนเวลา 12.00 น. ของวันพรุ่งนี้ จึงจะสามารถรับหลักการในวาระ 1 ได้ หลังจากนั้นก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นมา 27 คน ประกอบด้วย กมธ.วุฒิสภาแต่ละคณะ 22 คณะ 22 คน วิปวุฒิสภา 3 คน และของรัฐบาลอีก 2 คน โดยเปิดโอกาสให้มีการแปรญัตติภายใน 7 วัน
ทั้งนี้ ต้องผ่านวาระ 2 และวาระ 3 วาระละ 30 วัน เพราะเป็น พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน รวมเป็นเวลา 60 วัน หากไม่มีปัญหาเกิดขึ้นจึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่หาก ส.ส.ไม่เห็นด้วยต่อวุฒิสภาก็ต้องตั้ง กมธ.ร่วมกันฝ่ายละ 11 คน ส่วนกรณี 40 ส.ว.เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความผิดมาตรา 169 นั้น ถือเป็นการใช้วิธีการทางรัฐธรรมนูญตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ....ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้วในวันนี้ เริ่มเวลา 10.30 น. โดยเป็นการพิจารณาในวาระที่ 1 ของวุฒิสภา มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เข้าร่วมประชุม
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า รัฐบาลจะติดตามการดำเนินโครงการต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยติดตามและประเมินผลการดำเนินการอย่างละเอียด รวมถึงกำหนดให้เจ้าของโครงการรายงานผลเป็นระยะจนกว่าโครงการจะเสร็จสิ้น ส่วนความกังวลเรื่องภาระหนี้ ยืนยันว่าแม้จะมีการกู้เงินจำนวนดังกล่าว สัดส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่เกินร้อยละ 50 จึงสามารถบริหารจัดการได้ตามกรอบของกองเงินกองคลัง และไม่กระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศ และหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านเศรษฐกิจก็สามารถกู้เงินเพิ่มเติมได้อีกร้อยละ 10 ของ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP เพื่อนำมาแก้ไขปัญหา ทั้งนี้วัตถุประสงค์ที่รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาประเทศในภาพรวม รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ มีสมาชิกขออภิปรายจำนวน 63 คน คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 2 วัน คือ วันที่ 7-8 ตุลาคมนี้ และหลังจากผ่านวาระที่ 1 แล้วจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาเนื้อหาร่างกฎหมายฉบับนี้ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้ง เพื่อลงมติในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไปตามกระบวนการ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน วุฒิสภาต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 146 นับแต่วันที่ 23 กันยายน 2556
