xs
xsm
sm
md
lg

ยื่นฟันกม.กู้2ลล.ขัดม.169 ห่วงกู้ตปท.ทำหนี้พุ่งซ้ำรอยต้มยำกุ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(6 ต.ค.56) นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ยืนยันว่าเมื่อร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ผ่านกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ทางกลุ่ม 40 ส.ว.จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 ว่าร่างฯ ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินแผ่นดินในกรณีจำเป็นรีบด่วนหรือไม่ เพราะเท่าที่ดูเนื้อหาของร่างฯ มีหลายส่วนที่เป็นปัญหา ทั้งความไม่ชัดเจนไม่สมเหตุผลของโครงการ ส่อทำให้เกิดภาระหนี้สินแก่ประเทศมหาศาล เมื่อถามว่าทางรัฐบาลมองว่ากลุ่ม 40 ส.ว.พยายามขัดแข้งขัดขาทุกเรื่อง นายประสารตอบว่า ต้องถามกลับว่าแล้วสิ่งที่รัฐบาลทำมันถูกต้องหรือเปล่า และรัฐธรรมนูญกำหนดให้ส.ว.มาทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร ถ้าพวกตนไม่ทำแล้วจะมาเป็น ส.ว.ทำไม หากรัฐบาลทำโครงการเหล่านี้โดยเข้าระบบงบประมาณปกติ หรือทยอยทำคงไม่มีปัญหา นอกจากนี้หลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ของนายคณิต ณ นคร และทีดีอาร์ไอ ต่างเห็นตรงกันว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องรับหน้าเสื่อไปเต็มๆ หากยังคงตะแบงว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่เข้าข่ายการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน.
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิสภา เปิดเผยถึงกรอบการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ที่เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ว่า การพิจารณาในวาระที่ 1 ของวุฒิสภา จะใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน หรือวันที่ 7-8 ตุลาคมนี้ โดยคาดว่าจะมี ส.ว.ร่วมอภิปรายประมาณ 60 คน คนละ 15 นาที ซึ่งหลังจากผ่านวาระที่ 1 แล้ว จะตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 25 คนขึ้นมาพิจารณาเนื้อหาร่างกฎหมายฉบับนี้ ก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมอีกครั้งเพื่อลงมติในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไปตามกระบวนการ ทั้งนี้หากการพิจารณาในชั้นวุฒิสภาไม่แล้วเสร็จภายใน 30 วันตามกรอบที่กำหนดเอาไว้ ที่ประชุมวุฒิสภาสามารถร่วมลงมติเพื่อขอต่อเวลาการพิจารณาต่อไปได้อีก 30 วัน
โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับการพัฒนารถไฟรางคู่ ซึ่งใช้งบประมาณเพียง 4 แสนล้านบาทต่อระยะทาง 3 พันกิโลเมตร ที่สร้างประโยชน์อย่างมาก แต่ไม่สนับสนุนโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ไม่คุ้มทุน และก่อให้เกิดหนี้มหาศาล ที่สำคัญรถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลสร้างไม่มีจุดเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด โดยจากการตรวจสอบพบว่าประเทศมาเลเซีย พม่า ไม่มีโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง ขณะที่ลาวยังไม่สามารถตกลงกับจีนได้ ส่วนเวียดนามนั้นมีโครงการที่จะเชื่อมต่อในประเทศโดยที่ไม่มีจุดเชื่อมมายังประเทศไทยแต่อย่างใด
นายสมชาย กล่าวว่า ที่น่าห่วงที่สุดคือการที่รัฐบาลเปลี่ยนแผนที่จะกู้เงินจากต่างประเทศจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเหมือนปี 2540 จะทำให้มูลค่าหนี้ของประเทศเพิ่มขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ จาก 2 ล้านล้านเป็น 3 ล้านล้าน และดอกเบี้ยจะพุ่งสูงไปถึง 5 ล้านล้านบาท ซึ่งลูกหลานต้องรับภาระหนี้จำนวนมหาศาล นอกจากนี้การลงทุนในระหว่าง 7 ปีต่อจากนี้จะไม่สามารถที่จะลงทุนใดๆ ได้อีก เนื่องจากเพดานเงินกู้ของประเทศเต็มแล้ว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า วันที่ 8 ต.ค.นี้ จะมีการประชุมประชุมพรรค เพื่อหารือถึง ร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้าน โดยจะมีการประสานรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว. คมนาคม มาชี้แจงสร้างความเข้าใจกับส.ส. เพื่อจะได้ชี้แจงกับประชาชนได้อย่างชัดเจน ถึงความเป็นมา ความสำคัญ และผลดีต่อประเทศ ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลได้จัดโครงการ “สร้างอนาคตไทย 2020”เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวอยู่ นอกจากนี้จะได้กำชับให้สมาชิก เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9-10 ต.ค. และการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 11 ต.ค. ซึ่งมีวาระการพิจารณากรอบเจรจาการค้า ที่รัฐบาลได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภา
กรณีพรรคปชป.โจมตีรัฐบาล เรื่องการจัดนิทรรศการ "สร้างอนาคตไทย 2020 " ว่าเป็นเพียงอีเว้นต์ จัดแสดงโชว์ พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว และประชาชนไม่ได้ประโยชน์ว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลนำความรู้ไปให้กับประชาชน และการจัดนิทรรศการดังกล่าว เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านว่า ประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งการจัดนิทรรศการดังกล่าว ครั้งแรกที่ จ.หนองคาย ประชาชนก็ให้ความสนใจจำนวนมาก ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเข้ามาชม ทำให้ทราบรายละเอียดของโครงการ 2 ล้านล้าน พรรคเพื่อไทย เป็นนักคิด นักปฏิบัติ ไม่ถนัดพูด สิ่งนี้เมื่อเทียบกับโครงการสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คิดโครงการไทยสามัคคี ร้องเพลงชาติ 76 จังหวัด ที่เกณฑ์ประชาชนมาเข้าร่วม ต้องใช้งบไทยเข้มแข็ง ถึง 60 ล้านบาท ถือเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เปรียบเทียบกันก็เป็นฟ้ากับเหว
กรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคปชป. กล่าวบนเวทีผ่าความจริง ว่า การจัดอีเว้นท์ของรัฐบาล มีเงินกินเปล่า ถึงร้อยละ 25 และเป็นช่องทางการทุจริตนั้น ขอบอกว่า รัฐบาลชุดนี้จัดอีเว้นท์ น้อยกว่ารัฐบาลที่แล้ว และหากมีการกินเปล่าจริง ก็ขอท้าให้ นายชวน นำหลักฐานไปยื่นต่อ คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร องค์กรอิสระ หรือไปแจ้งความกับตำรวจ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการพูดเพื่อหวังผลทางการเมือง
กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคปชป. ปัดความรับผิดชอบ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบ ปี 57 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียงเอกฉันท์ว่า เป็นการกระทำของสมาชิกพรรคนั้น นายอภิสิทธิ์ กำลังโบ้ยความผิดให้ลูกน้อง ทั้งที่การยื่นเรื่องต่างๆ กรรมการบริหารพรรค ต้องทราบ จึงแสดงถึงความไม่รับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ และขาดวุฒิภาวะผู้นำ ถือเป็นโมฆะบุรุษ
หลังจากนี้ตนจะได้รวบรวมรายชื่อผู้ที่ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน และกลุ่ม 40 ส.ว. ซึ่งมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ หวังผลทางการเมือง ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต รวมถึงจะรวบรวมหลักฐานการให้สัมภาษณ์ต่างๆ เพื่อเสนอต่อพรรคให้พิจารณาว่าจะดำเนินการยื่นถอดถอนหรือไม่ และถ้าพรรคเห็นด้วย ก็จะเริ่มรวบรวมรายชื่อในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้เพื่อต้องการให้มีมาตรการ ให้ฝ่ายนิติบัญญัติ มีความยับยั้งชั่งใจในการดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ส่วนการที่กลุ่ม 40 ส.ว. เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ตนมองว่า การยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่อยากให้ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้เตรียมเสนอยื่นได้คิดถึงประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติในอนาคต เพราะโครงการดังกล่าวเป็นการวางรากฐานให้กับลูกหลาน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือเชิญประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 11 ตุลาคม โดยมีวาระสำคัญ คือ การขอความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรไทย ในการเริ่มใช้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐบาลแห่งสหภาพเมียนม่าร์ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งที่ประชุมจะเสนอเลื่อนมาพิจารณาเป็นวาระแรก นอกจากนี้ยังมีเรื่องแจ้งต่อที่ประชุม เรื่องรับทราบการทบทวนแหล่งเงินกู้สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่ – บางซื่อ) ระยะที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น