xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ปัดจุ้นวุฒิฯ คว่ำล้างผิด สั่งเข้มรับคดีพระวิหาร-ผบ.สส.ส่งคณะลงพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.เลี่ยงตอบวุฒิฯ จ่อคว่ำ พ.ร.บ.นิรโทษฯ แต่พร้อมเกาะติดไม่อยากให้เดือด เผย ศอ.รส.ยังไม่ขอกำลังหนุน แจงกองทัพจับตาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด ยันกำลังทหารเข้มแข็งพร้อมดูแลอธิปไตย สั่ง จนท.เพิ่มมาตรการเข้มลดความเสี่ยงกระทบกระทั่งในพื้นที่ตึงเครียดบางจุด รับเขมรสับเปลี่ยนกำลังแต่เรื่องปกติ “ธนะศักดิ์” ส่งคณะพร้อม 3 เหล่าทัพลงพื้นที่ ทภ.2 ประชุมเตรียมพร้อมแผนป้องกันประเทศ



วันนี้ (6 พ.ย.) ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ว.เลือกตั้ง 10 คน นำโดยนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา แสดงจุดยืนว่าจะไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในที่ประชุมวุฒิสภาวันที่ 11 พ.ย.นี้ว่า เรื่องนี้ขอไม่ตอบ เพราะบอกแล้วว่าตนจะไม่ขอตอบเรื่องพวกนี้ ขอให้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ส่วนเราจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจัดลำดับการปฏิบัติงานของทหารให้ดี ไม่อย่างนั้นจะสับสนและวุ่นวาย ตนมีความเป็นห่วงว่าไม่อยากให้สถานการณ์มีความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งต้องระมัดระวัง

เมื่อถามว่าทาง ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ทำหนังสือขอให้ทหารช่วยสนับสนุนกำลังดูแลสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มี ศอ.รส.มีแผนงานอยู่แล้ว ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกันและบูรณาการด้านการข่าวร่วมกันตลอดเวลา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์ได้ตามกฎหมาย อีกทั้งยังไม่มีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามเราก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลกจะอ่านคำพิพากษาวันที่ 11 พ.ย.นี้ว่า คงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประชุมร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง กองทัพไทย เหล่าทัพต่างๆ เพื่อพยายามหาทางปฏิบัติที่ดีที่สุดภายใต้กรอบสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 มีแผนเตรียมความพร้อมในพื้นที่อยู่แล้ว นอกจากนั้น กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ดำเนินการคู่ขนานมาโดยตลอด

“ชายแดนเรากว้างไกล ต่อเนื่อง เชื่อมโยงกันหมด เมื่อมีการปฏิบัติตรงไหนก็ตามก็จะมีผลกระทบกับตรงอื่นด้วย เพราะเรามีช่องทางผ่านแดนทั้งชั่วคราว และถาวร จำนวนหลายร้อยแห่ง มีการสัญจรไปมาของผู้คน เมื่อสถานการณ์มีความตึงเครียดก่อนบางจุด บางพื้นที่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน การสร้างความเข้าใจ เพิ่มความร่วมมือระหว่างกัน เราต้องทำในทุกมิติ ขณะเดียวกัน เราต้องสร้างความเข้มแข็งกำลังของเราด้วย ซึ่งเรากำลังของเราก็มีความพร้อมในการดูแลอธิปไตยตามแนวชายแดนของเราอย่างเต็มที่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าบางพื้นที่สถานการณ์ตึงเครียดมีจุดใดที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกจุด เพราะมีเส้นเขตแดนต่อกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทุกด้าน ปัญหาแต่ละด้านไม่เหมือนกัน ไม่ได้แค่เฉพาะเฝ้าระวังจากผลคำพิพากษาของศาลโลกเท่านั้น ด้านอื่นก็มีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทุกหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันแก้ไข และหารือร่วมกัน ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านกับทุกประเทศ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกิจการภายในระหว่างกัน  ต้องอยู่บนพื้นฐานความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไม่หวาดระแวง ถ้าใช้กำลังก็ไม่มีสิ้นสุด ไม่เกิดความสงบตามแนวชายแดน คนที่เดือดร้อนคือประชาชน เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด ต้องเตรียมการทุกมิติ

ส่วนที่มีข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาเสริมกำลังตามแนวชายแดนเพิ่มขึ้นนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กัมพูชามีการผลัดเปลี่ยน และโยกย้ายกำลังอยู่บ้าง เพื่อไปฝึกหัด หรือทำงาน ทุกประเทศทำเหมือนกันหมด ในส่วนของไทยก็ทำ อย่าถือว่าเป็นการยั่วยุ หรือกดดันกัน อย่างไรก็ตาม เราก็ทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุด มีการติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างก็มีการติดตามสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายอยู่แล้วไม่ต้องกังวล

วันเดียวกัน ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร พร้อมผู้แทนเหล่าทัพ เช่น พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ เสนาธิกาทหารเรือ พล.อ.ท.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารอากาศ พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองบัญชาการกองทัพไทย เดินทางลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตาม สถานการณ์บริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และรับฟังความพร้อมของแผนเผชิญเหตุ ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกเหล่าทัพมีความพร้อมในตามแผนป้องกันประเทศ และความพร้อมด้านยุทธการ ของหน่วยปฏิบัติของกองทัพภาคที่ 2 ในการรองรับผลกระทบจากผลคำพิพากาษาของศาลโลกวันที่ 11 พ.ย.นี้ ตามที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มอบหมาย


กำลังโหลดความคิดเห็น