"ประยุทธ์" ควง "ยุทธศักดิ์" ลงชายแดนขาพระวิหาร ยันเลี่ยงการรบโดยไม่จำเป็น ขู่ทหารอยากรบ-ทำนอกเหนือคำสั่งต้องปลด แจงติดลำโพงเอาไว้ถามกัมพูชาเกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งโน้น จะได้เลิกอ้างติดต่อไม่ได้เลยต้องรบ ด้านเครือข่ายทวงคืนเขาพระวิหาร นัดรวมพลศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ 1 พ.ย. ประกาศบุกยึด "เป้ยตาดี" ลั่นทหารไทยกลัวให้ออกมา ประชาชนจะสู้เอง
เมื่อเวลา 10.15 น.วานนี้(31 ต.ค.) ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มาติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล รวมทั้งขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม จากนั้นร่วมประชุมร่วมกับคณะนายทหารกองทัพภาคที่ 2 นำโดยพล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.วรจักร ธรรมวินธร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ซึ่งบรรยายสรุปสถานการณ์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังว่า กรณีมีกลุ่มมวลชนเคลื่อนไหนกรณีปราสาทพระวิหารช่วงที่จะมีคำพิพากษาของศาลโลก วันที่ 11 พฤศจิกายนนั้น เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจ ซึ่งได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจแล้ว ไม่ควรให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ต้องหลีกเลี่ยงการรบกันโดยไม่จำเป็น ถ้าจำเป็นค่อยรบ ส่วนกลุ่มพลังมวลชนจะอยู่จุดไหนก็ได้ แต่ต้องไม่กีดขวางการยุทธ เพราะจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายกำลังและฝึกซ้อม
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชายังไม่มีอะไร บริเวณหน้าแนวนั้นทหารทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียง 5 เมตร และไปมาหาสู่กันตามปกติ พูดคุยดูแลกันตามสมควร เพราะถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน และทุกกองกำลังก็ทำเช่นเดียวกัน ในฐานะที่เราเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า กองทัพก็ใหญ่กว่า เราต้องดูแลเขาด้วย ซึ่งเป็นพันธกิจ 4 ประการของกองทัพบก โดยประการที่ 4 คือ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก ไม่ใช่สร้างเพราะหวาดกลัวกัน ที่กลัวคือต้องรบกันโดยไม่จำเป็น
"ส่วนทหารที่อยากรบโดยทำนอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ขัดต่อนโยบาย ก็ต้องปลดออกไป เพราะต้องมีความระมัดระวังเรื่องความเข้าใจผิด ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกมิติ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ใช้ลำโพงติดตามแนวชายแดนรอบเขาพระวิหาร ก็เพื่อจะได้สอบถามฝ่ายกัมพูชาว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งเขา เพราะบางครั้งติดต่อกันไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องไปบอกเขาว่าเราทำอะไร เพราะเท่ากับเราไปกลัวเขา นักข่าวลงข่าวแบบนี้ก็เสียหาย เราทำเพราะป้องกันเวลาติดต่อกับฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ จะได้ไม่มาอ้างว่าติดต่อกันไม่ได้อีก เพราะหากติดต่อไม่ได้ก็ต้องรบกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง
ที่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 4 บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ของนายผัน กิ่งแสง อายุ 79 ปี แกนนำกลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา ยังคงปักหลักรอการรวมพลังของสมาชิกที่นัดรวมตัวกันทวงคืนเขาพระวิหารก่อนวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ศาลโลกจะมีคำวินิจฉัย
นายผัน กล่าวว่า จะระดมประชาชนเดินเท้าขึ้นไปบนเป้ยตาดี จุดสูงสุดของเขาพระวิหาร โดยนัดหมายกันวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ แต่ทางอำเภอจัดงานทอดกฐิน เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่าอาจมีกลุ่มสร้างสถานการณ์ จึงขอให้กลับมาก่อน อย่างไรก็ตามจะเดินธรรมยาตราขึ้นไปเป้ยตาดี เพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยและกัมพูชา นำอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 มาใช้แก้ปัญหา
"อยากถามถึงรัฐบาลไทยว่า เขมรจับคนไทยในเขตแดนไทยไปขังคุก เป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ หากทหารไทยที่อยู่บริเวณเขาพระวิหารกลัวเขมร ก็ให้ออกมา ชาวไทยจะเข้าไปสู้เอง โดยจะสู้แบบอหิงสา ปราศจากอาวุธ"
นายสงคราม รุงไธสง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 1 บ้านเสาธงชัย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า เมื่อบ่ายวันที่ 30 ตุลาคม เห็นเครื่องบินเล็กไร้คนขับ ลักษณะเครื่องบินสอดแนม บินอยู่ระดับสูงมาก วนเวียนอยู่บริเวณชายแดนประมาณ 20 นาที จากนั้นบินหายไปทางจ.อุบลราชธานี ซึ่งช่วงปี 2554 ที่เกิดสงคราม เครื่องบินลักษณะนี้ก็เคยมาบินบริเวณนี้ ชาวบ้านจึงหวาดผวาว่าจะเกิดสงคราม จึงเตรียมพร้อมอพยพตลอดเวลา
ด้านนางไสว แผ่นผา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 3 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ขนุน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมญาติพี่น้องพากันเข้าไปหาของป่าตามแนวชายแดนมากักตุนไว้ โดยนางไสว กล่าวว่า กลัวว่าเมื่อถึงวันที่ศาลโลกพิพากษา ชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่าไม่ได้ เพราะจะไม่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านหวาดกลัวสงครามมาก
เมื่อเวลา 10.15 น.วานนี้(31 ต.ค.) ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มาติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล รวมทั้งขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม จากนั้นร่วมประชุมร่วมกับคณะนายทหารกองทัพภาคที่ 2 นำโดยพล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.วรจักร ธรรมวินธร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ซึ่งบรรยายสรุปสถานการณ์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังว่า กรณีมีกลุ่มมวลชนเคลื่อนไหนกรณีปราสาทพระวิหารช่วงที่จะมีคำพิพากษาของศาลโลก วันที่ 11 พฤศจิกายนนั้น เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจ ซึ่งได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดและตำรวจแล้ว ไม่ควรให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ต้องหลีกเลี่ยงการรบกันโดยไม่จำเป็น ถ้าจำเป็นค่อยรบ ส่วนกลุ่มพลังมวลชนจะอยู่จุดไหนก็ได้ แต่ต้องไม่กีดขวางการยุทธ เพราะจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายกำลังและฝึกซ้อม
ส่วนความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชายังไม่มีอะไร บริเวณหน้าแนวนั้นทหารทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียง 5 เมตร และไปมาหาสู่กันตามปกติ พูดคุยดูแลกันตามสมควร เพราะถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน และทุกกองกำลังก็ทำเช่นเดียวกัน ในฐานะที่เราเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า กองทัพก็ใหญ่กว่า เราต้องดูแลเขาด้วย ซึ่งเป็นพันธกิจ 4 ประการของกองทัพบก โดยประการที่ 4 คือ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก ไม่ใช่สร้างเพราะหวาดกลัวกัน ที่กลัวคือต้องรบกันโดยไม่จำเป็น
"ส่วนทหารที่อยากรบโดยทำนอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ขัดต่อนโยบาย ก็ต้องปลดออกไป เพราะต้องมีความระมัดระวังเรื่องความเข้าใจผิด ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกมิติ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ใช้ลำโพงติดตามแนวชายแดนรอบเขาพระวิหาร ก็เพื่อจะได้สอบถามฝ่ายกัมพูชาว่าเกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งเขา เพราะบางครั้งติดต่อกันไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องไปบอกเขาว่าเราทำอะไร เพราะเท่ากับเราไปกลัวเขา นักข่าวลงข่าวแบบนี้ก็เสียหาย เราทำเพราะป้องกันเวลาติดต่อกับฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ จะได้ไม่มาอ้างว่าติดต่อกันไม่ได้อีก เพราะหากติดต่อไม่ได้ก็ต้องรบกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง
ที่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 4 บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ของนายผัน กิ่งแสง อายุ 79 ปี แกนนำกลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา ยังคงปักหลักรอการรวมพลังของสมาชิกที่นัดรวมตัวกันทวงคืนเขาพระวิหารก่อนวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ศาลโลกจะมีคำวินิจฉัย
นายผัน กล่าวว่า จะระดมประชาชนเดินเท้าขึ้นไปบนเป้ยตาดี จุดสูงสุดของเขาพระวิหาร โดยนัดหมายกันวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ แต่ทางอำเภอจัดงานทอดกฐิน เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่าอาจมีกลุ่มสร้างสถานการณ์ จึงขอให้กลับมาก่อน อย่างไรก็ตามจะเดินธรรมยาตราขึ้นไปเป้ยตาดี เพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยและกัมพูชา นำอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 มาใช้แก้ปัญหา
"อยากถามถึงรัฐบาลไทยว่า เขมรจับคนไทยในเขตแดนไทยไปขังคุก เป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ หากทหารไทยที่อยู่บริเวณเขาพระวิหารกลัวเขมร ก็ให้ออกมา ชาวไทยจะเข้าไปสู้เอง โดยจะสู้แบบอหิงสา ปราศจากอาวุธ"
นายสงคราม รุงไธสง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 1 บ้านเสาธงชัย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า เมื่อบ่ายวันที่ 30 ตุลาคม เห็นเครื่องบินเล็กไร้คนขับ ลักษณะเครื่องบินสอดแนม บินอยู่ระดับสูงมาก วนเวียนอยู่บริเวณชายแดนประมาณ 20 นาที จากนั้นบินหายไปทางจ.อุบลราชธานี ซึ่งช่วงปี 2554 ที่เกิดสงคราม เครื่องบินลักษณะนี้ก็เคยมาบินบริเวณนี้ ชาวบ้านจึงหวาดผวาว่าจะเกิดสงคราม จึงเตรียมพร้อมอพยพตลอดเวลา
ด้านนางไสว แผ่นผา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 3 บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ขนุน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมญาติพี่น้องพากันเข้าไปหาของป่าตามแนวชายแดนมากักตุนไว้ โดยนางไสว กล่าวว่า กลัวว่าเมื่อถึงวันที่ศาลโลกพิพากษา ชาวบ้านจะเข้าไปหาของป่าไม่ได้ เพราะจะไม่ปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านหวาดกลัวสงครามมาก