xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” วอนรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ถอยคนละก้าว รับไร้น้ำยาจัดการพวกหมิ่นสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ภาพจากแฟ้ม)
ผบ.ทบ.สวมบทพ่อพระ บอกให้รัฐบาล-ฝ่ายค้าน ถอยคนละก้าว ไม่อยากให้บานปลาย คุยเรื่องนิรโทษกรรม โอดครวญใส่กลุ่มราชนิกูลไร้น้ำยาปราบพวกหมิ่นสถาบัน บอกทำได้แค่ส่งข้อมูล ลั่นอย่าเรียกทหารออก ด้าน ผบ.ทร.ไม่ห้ามกำลังพลร่วมม็อบนอกเวลาราชการ แต่ขอให้ถอดเครื่องแบบออก ยันศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ไม่กระทบเขตแดนทางทะเล


วันนี้ (4 พ.ย.) ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการปิดผามออีแดงว่า ถือเป็นขั้นตอนที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว หากช่วงไหนที่มีสถานการณ์ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ก็จะปิดชั่วคราว เพื่อให้ผ่านช่วงระยะเวลาที่ตึงเครียดไปก่อน แล้วจะเปิดให้ประชาชนสามารถเข้ามาท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม แต่ช่วงนี้ต้องระมัดระวัง และทางเจ้าหน้าที่ต้องทำงาน ส่วนทหารก็ต้องเข้าพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังให้กับพวกเรา

ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทรกรรมว่า มีความรู้สึกเป็นห่วง อยากให้ทุกฝ่ายหาทางลดปัญหาที่เกิดขึ้น ดูว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน หากต่างคนต่างพูดกันไปมา ปัญหาก็จะยิ่งบานปลาย อยากให้ทุกฝ่ายมานั่งพูดคุยกัน ตนไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างไรก็ตามการชุมนุมถือเป็นการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนกรณีที่มีกลุ่มราชนิกูลและราชสกุลออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการกระทำหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เมื่อวานนี้นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ท่านออกมารักษาพระเกียรติของพระองค์ท่าน ในเมื่อยังมีคนไปว่ากล่าวผ่านเว็บไซต์และเฟซบุ๊กอยู่ ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพก็มีการดำเนินการโดยส่งเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ พร้อมทั้งเฝ้าระวัง ขอย้ำว่าทหารไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมาย ทำได้เพียงส่งข้อมูลต่างๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้นว่าจะดำเนินการอย่างไร ขึ้นอยู่กับกฎหมายทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ตนมองในฐานะที่เป็นประชาชนไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ ดังนั้นต้องไปถามบุคคลที่เป็นประชาชนจริงๆ ตนมองว่าปัญหาขณะนี้มีมาก ฝ่ายหนึ่งก็บอกว่าถูก อีกฝ่ายก็บอกว่าผิด แต่ทั้งหมดต้องมาคุยกันให้รู้เรื่อง อะไรที่เป็นปัญหาต้องหาทางคลี่คลายให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะขยายเพิ่มขึ้นคุมกันไม่อยู่ และเหตุการณ์ก็จะกลับมาเหมือนเก่า อยากให้นำมาเป็นบทเรียน เมื่อนำกำลังออกก็บังคับใช้กับคนไทยไม่ได้

“วันนี้ทั้งสองฝ่ายต้องหันกลับมามองผลประโยชน์ของชาติว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งต่างก็เชื่อมั่นว่าตนเองถูก ก็ว่ากันไปแต่ต้องไปหาหนทางแก้ไขและคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ปัญหาอยู่ที่ไหนทุกคนก็รู้อยู่ กองทัพเป็นห่วงตลอด โดยเฉพาะความปลอดภัยของประชาชนและความเสียหายที่เกิดต่อบ้านเมือง แต่กองทัพก็ต้องอยู่ในกรอบพอสมควร เพราะมีระเบียบวินัย และรักษากฎกติกา” ผบ.ทบ.กล่าว

เมื่อถามว่าจะให้คำแนะนำอย่างไร หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ร้องขอ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็จะพูดแบบนี้ว่าจะต้องหาทางออกให้ได้ ซึ่งตนไม่สามารถลงความคิดเห็นได้มากกว่านี้ ทุกคนต้องเข้าใจสถานการณ์ของตน อีกทั้งถูกโจมตีต่อว่าทุกวัน ตนก็พยายามอดทน เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ทุกคนมีบทเรียน มีการบาดเจ็บสูญเสียโดยตลอด และปัญหาก็เกิดขึ้นซ้ำอีก จึงต้องนำปัญหามีพูดคุยกัน หากพูดจากันรู้เรื่อง ปัญหาก็จะลดลง และก็จะไม่มีการเผชิญหน้ากัน ประเทศชาติก็จะไปได้ ซึ่งตนก็อยากให้ทุกคนมาพูดคุยกันภายใต้กรอบกฎหมายที่มี เพื่อเป็นการแสวงหาทางออกร่วม ถ้าถอยหลังกันคนละก้าวสองก้าวก็คงจะดี

เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อทหารจะออกมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าไม่สั่งก็คงไม่ออก แต่ถ้าสั่งให้ทหารออกก็ต้องดูว่าให้ออกไปทำอะไร ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลเมื่อสั่งให้ทหารออก เราก็ออก รัฐบาลชุดที่แล้วสั่งเราก็ออก ถ้ารัฐบาลชุดนี้สั่งแล้วเราไม่ออกจะได้หรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้ ตนอยากจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่าที่ทหารออกมาทุกครั้งออกมาด้วยคำสั่งตามกฎหมาย ไม่ใช่นึกอยากจะออกก็ออก ถ้าออกมาโดยที่ไม่ฟังคำสั่ง ตนถามว่าเหตุการณ์จะจบหรือไม่ ซึ่งก็ไม่จบแล้วจะเรียกร้องให้ทหารออกมาทำไม ส่วนจะทำอย่างไรก็ไปคิดกันเอาเอง

อีกด้านหนึ่ง ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า จริงๆ แล้วทหารเรือไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะเป็นสถานการณ์ด้านการเมือง ตนเคยพูดตั้งแต่รับตำแหน่งใหม่ๆ แล้วว่าเราเป็นทหารไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง เพราะกองทัพเป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะใช้ถูกต้องหรือไม่ หากใช้ถูกต้องตามกฎหมายก็พร้อมดำเนินการ แต่ถ้าเมื่อไหร่จะใช้ไม่ถูกต้อง เราก็ต้องทักท้วงหรืออาจจะยั้งมือ ส่วนเรื่องของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตนคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของข้อมูลที่แต่ละคนได้รับ ดังนั้นความคิดจะไม่เหมือนกันจึงเกิดการโต้แย้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าให้ความขัดแย้งหรือความคิดเห็นไม่ตรงกันทำให้ประเทศชาติหยุดอยู่กับที่

“ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตัวเอง จะผิดหรือถูกไม่มีใครรู้ เพียงแต่อย่าให้ความขัดแย้งต้องทำให้ประเทศต้องหยุด ทุกครั้งเมื่อมีลักษณะเหตุการณ์แบบนี้ก็จะกำชับกำลังพลทุกระดับว่าหากจะทำอะไร เราไม่ปิดกั้นความคิด เพียงแต่อย่านำเครื่องแบบหรือหน่วย รวมถึงความเป็นทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะนั้นเป็นเรื่องของการเมืองและความคิดเห็นส่วนตัว ถ้าจะไปก็ไปแต่ตัว ถอดเครื่องแบบ อย่าไปแสดงตัวว่าเป็นทหาร เราปิดกั้นไม่ได้ เพราะนอกเวลางานเราไม่สามารถไปทำอะไรเขาได้ แต่อยากให้ทุกคนสำนึกว่า แม้จะนอกเครื่องแบบแต่เราก็ยังเป็นทหาร การที่จะทำอะไรต้องมีความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน” ผบ.ทร.กล่าว

เมื่อถามว่าถ้าวันหนึ่งประชาชนเรียกร้องทหารให้ออกมาทำการปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้ง พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ไม่คิดอย่างนั้น เพราะทหารได้รับบทเรียนจากประวัติศาสตร์มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในตอนแรกทุกคนก็ชื่นชมยินดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนกลับมาถล่มทหาร จึงคิดว่าทหารเองน่าจะได้รับบทเรียนตรงนี้ ดังนั้นต้องปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง ส่วนเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย หากสถานการณ์เกิดการลุกลามบานปลาย ทหารก็คงต้องเข้าไปยับยั้งและทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย โดยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่พนักงานตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งเป็นหน้าที่ของทหารอยู่แล้ว

ส่วนกรณีที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกจะมีคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร วันที่ 11 พ.ย.นี้ พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ทางกองทัพเรือมีการเตรียมความพร้อมมาโดยตลอด ส่วนที่มีการปิดผามออีแดงเท่าที่ทราบจากสื่อมวลชนนั้นเข้าใจว่าจะมีมวลชนขึ้นไปชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างสองประเทศจึงมีการปิดชั่วคราว แต่ด่านที่เป็นช่องทางการค้ายังไม่ได้ปิด ทั้งนี้กองทัพเรือได้มีการทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพเรือรับผิดชอบ ประชาชนยังใช้ชีวิตไปมาหาสู่กันตามปกติ หากไม่เกิดอะไรรุนแรงกระทบกระทั่งกันทาง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด อาจจะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่อย่างไรก็ตามเราต้องเตรียมกำลังให้พร้อม หากเกิดอะไรขึ้น เราก็พร้อมที่จะผลักดัน หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น

“พื้นที่ทางบกและทางทะเลไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ละหลักเขตจนถึงหลักเขตที่ 73 ไม่ได้มีผลต่อเขตแดนทางทะเล ยกเว้นหากหลักเขตที่ 73 มีการเขยื้อนก็จะมีผล เรื่องของการปักปันเขตแดนทางบกจะเป็นอย่างไร ทางทะเลก็ต้องแยกกันเจรจา ไม่ว่าพื้นที่ข้อพิพาท 4.6 ตร.กม.จะเป็นอย่างไรก็ไม่กระทบกับพื้นที่ทางทะเล สถานการณ์ทางด้านทะเลเราไม่ค่อยห่วง ถ้าเทียบขีดความสามารถทางเรือระหว่างกัมพูชากับไทยนั้น ถือว่าเราเหนือกว่ามาก แต่ก็ไม่ประมาท เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเราก็จะส่งทหารเรือเข้าไปลาดตระเวนทันที” ผบ.ทร.กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น