ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"ยันกำลังทหารพร้อมดูแลอธิปไตย รับศาลโลกตัดสินคดีเขาพระวิหาร เผยกัมพูชาเสริมทหาร แค่การสับเปลี่ยนกำลัง เป็นเรื่องปกติ ด้านสื่อไทย-เขมร จับมือนำเสนอข่าวสร้างสรรค์ เพื่อสันติภาพตามแนวชายแดน 2 ประเทศ พระสำนักสงฆ์ธุดงคสถานวิหารเพชร เหยื่อสงครามปี 54 พร้อมอพยพ ด้านกระทรวงจับกังหวั่นแรงงาน 2 ฝ่ายตีกัน จี้นายจ้างเตือนฝ่ายไทยอย่าพูดส่อเสียด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก จะอ่านคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหาร วันที่ 11 พ.ย.2556 ว่า กองทัพภาคที่ 2 มีแผนเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว เพราะชายแดนกว้างไกล เชื่อมโยงกันหมด ปฏิบัติการตรงไหนก็กระทบตรงอื่นด้วย เมื่อมีความตึงเครียดบางจุด ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังบางพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งกำลังของเรามีความพร้อมในการดูแลอธิปไตย
"ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านกับทุกประเทศ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกิจการภายในระหว่างกัน ต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไม่หวาดระแวง ถ้าใช้กำลังก็ไม่มีสิ้นสุด ไม่เกิดความสงบ คนที่เดือดร้อนคือประชาชน ส่วนที่มีข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาเสริมกำลังตามแนวชายแดน เป็นการผลัดเปลี่ยนและโยกย้ายกำลังบ้าง ทุกประเทศทำเหมือนกันหมด ของไทยก็ทำ อย่าถือว่าเป็นการยั่วยุหรือกดดัน ต่างฝ่ายต่างติดตามสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล"
วันเดียวกัน สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สหพันธ์สือมวลชนอาเซียน (ยูเอ็มเอ) จัดประชุมสื่อมวลชนชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางการนำเสนอข่าวสาร หลังศาลโลกมีคำตัดสิน
นายประสิทธิ์ แสงรุ่งเรือง เลขาธิการ และนายซก สุวรรณ และรองเลขาธิการยูเอ็มเอ แถลงร่วมกันว่า สื่อมวลชนทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงว่าต้องนำเสนอข่าวสารในแนวทางที่สร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความสงบและสันติภาพตามแนวชายแดน และขอฝากไปยังรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศด้วยว่า ประชาชนต้องการความสงบสุข เพื่อให้ 2 ประเทศร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนต่อไป
ที่สำนักสงฆ์ธุดงคสถานวิหารเพชร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับหมู่บ้านภูมิซรอล มีพระสงฆ์ 3 รูป ต่างพากันเก็บใบสุทธิ เครื่องอัฐบริขารพร้อมอพยพหนีภัยสงครามทันที เนื่องจากสำนักสงฆ์แห่งนี้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบอย่างรุนแรงเมื่อปี 2554 ทำให้พระสงฆ์หวาดผวา
พระสุรชัย ขันติพโล พระลูกวัดสำนักสงฆ์ กล่าวว่า สงครามเมื่อช่วงเดือนเดือนก.พ.2554 สำนักสงฆ์ถูกฝ่ายกัมพูชายิงจรวดบีเอ็ม 21 ถล่มถึง 9 ลูก โดยระเบิดทำงาน 7 ลูก อาคารปฏิบัติธรรมและโรงเก็บอุปกรณ์เสียหายยับเยิน ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะซ่อมแซมให้ใช้งานได้ หากมีการปะทะกันช่วงที่ศาลโลกจะตัดสินคดี อาตมาและพระทุกรูปพร้อมจะอพยพทันที ซึ่งเป็นความบังเอิญที่ทุกรูปได้รับกิจนิมนต์ไปที่จ.เชียงราย วันที่ 7 พ.ย.2556 จึงเป็นช่วงโอกาสที่จะได้อพยพชั่วคราว
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ข้อกังวลเรื่องการกระทบกระทั่งระหว่างแรงงานไทยและกัมพูชา อันเนื่องมาจากการตัดสินคดีนั้น ได้สั่งการสำนักงานจัดหางานจังหวัดกำชับนายจ้างดูแลแรงงานกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เตือนแรงงานไทยไม่ให้พูดจาส่อเสียด ส่วนเรื่องการเมืองระหว่างประเทศไม่มีปัญหา ไม่มีผลกระทบกับการจ้างแรงงานกัมพูชา
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแรงงานกัมพูชาทำงานอยู่ในประเทศไทย 399,271 คน ยังไม่ได้รับใบอนุญาต 42,202 คน ทำงานตามฤดูกาลตามแนวชายแดนประมาณ 30,000 คน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก จะอ่านคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหาร วันที่ 11 พ.ย.2556 ว่า กองทัพภาคที่ 2 มีแผนเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว เพราะชายแดนกว้างไกล เชื่อมโยงกันหมด ปฏิบัติการตรงไหนก็กระทบตรงอื่นด้วย เมื่อมีความตึงเครียดบางจุด ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังบางพื้นที่ให้มากขึ้น ซึ่งกำลังของเรามีความพร้อมในการดูแลอธิปไตย
"ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านกับทุกประเทศ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกิจการภายในระหว่างกัน ต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไม่หวาดระแวง ถ้าใช้กำลังก็ไม่มีสิ้นสุด ไม่เกิดความสงบ คนที่เดือดร้อนคือประชาชน ส่วนที่มีข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาเสริมกำลังตามแนวชายแดน เป็นการผลัดเปลี่ยนและโยกย้ายกำลังบ้าง ทุกประเทศทำเหมือนกันหมด ของไทยก็ทำ อย่าถือว่าเป็นการยั่วยุหรือกดดัน ต่างฝ่ายต่างติดตามสถานการณ์ของแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล"
วันเดียวกัน สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สหพันธ์สือมวลชนอาเซียน (ยูเอ็มเอ) จัดประชุมสื่อมวลชนชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวทางการนำเสนอข่าวสาร หลังศาลโลกมีคำตัดสิน
นายประสิทธิ์ แสงรุ่งเรือง เลขาธิการ และนายซก สุวรรณ และรองเลขาธิการยูเอ็มเอ แถลงร่วมกันว่า สื่อมวลชนทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงว่าต้องนำเสนอข่าวสารในแนวทางที่สร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดความสงบและสันติภาพตามแนวชายแดน และขอฝากไปยังรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศด้วยว่า ประชาชนต้องการความสงบสุข เพื่อให้ 2 ประเทศร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนต่อไป
ที่สำนักสงฆ์ธุดงคสถานวิหารเพชร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับหมู่บ้านภูมิซรอล มีพระสงฆ์ 3 รูป ต่างพากันเก็บใบสุทธิ เครื่องอัฐบริขารพร้อมอพยพหนีภัยสงครามทันที เนื่องจากสำนักสงฆ์แห่งนี้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบอย่างรุนแรงเมื่อปี 2554 ทำให้พระสงฆ์หวาดผวา
พระสุรชัย ขันติพโล พระลูกวัดสำนักสงฆ์ กล่าวว่า สงครามเมื่อช่วงเดือนเดือนก.พ.2554 สำนักสงฆ์ถูกฝ่ายกัมพูชายิงจรวดบีเอ็ม 21 ถล่มถึง 9 ลูก โดยระเบิดทำงาน 7 ลูก อาคารปฏิบัติธรรมและโรงเก็บอุปกรณ์เสียหายยับเยิน ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะซ่อมแซมให้ใช้งานได้ หากมีการปะทะกันช่วงที่ศาลโลกจะตัดสินคดี อาตมาและพระทุกรูปพร้อมจะอพยพทันที ซึ่งเป็นความบังเอิญที่ทุกรูปได้รับกิจนิมนต์ไปที่จ.เชียงราย วันที่ 7 พ.ย.2556 จึงเป็นช่วงโอกาสที่จะได้อพยพชั่วคราว
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ข้อกังวลเรื่องการกระทบกระทั่งระหว่างแรงงานไทยและกัมพูชา อันเนื่องมาจากการตัดสินคดีนั้น ได้สั่งการสำนักงานจัดหางานจังหวัดกำชับนายจ้างดูแลแรงงานกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เตือนแรงงานไทยไม่ให้พูดจาส่อเสียด ส่วนเรื่องการเมืองระหว่างประเทศไม่มีปัญหา ไม่มีผลกระทบกับการจ้างแรงงานกัมพูชา
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแรงงานกัมพูชาทำงานอยู่ในประเทศไทย 399,271 คน ยังไม่ได้รับใบอนุญาต 42,202 คน ทำงานตามฤดูกาลตามแนวชายแดนประมาณ 30,000 คน
