ชาวบ้านภูมิซรอลเริ่มอพยพหนีภัยสงคราม “เขาพระวิหาร”

ศรีสะเกษ - ชาวบ้านภูมิซรอล ชายแดนเขาพระวิหาร เริ่มอพยพหนีภัยสงครามไปพักอาศัยอยู่บ้านญาติพี่น้องในตัว อ.กันทรลักษ์ ให้พ้นรัศมีกระสุนปืนใหญ่เขมร ขณะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศและกรมกิจการชายแดนทหารลงพื้นที่ ต.เสาธงชัย ชี้แจงให้ ปชช.ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนยังคงพากันประกอบอาชีพกันตามปกติ แต่ชาวบ้านยังคงหวาดหวั่น เกรงว่าคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารของศาลโลกในวันที่ 11 พ.ย.นี้ อาจทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาที่บริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เช่นเดียวกับการปะทะกันเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา

นางสัมฤทธิ์ แก้วสง่า อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 ม.13 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งบ้านถูกกระสุนปืนใหญ่กัมพูชาตกใส่ไฟไหม้ทั้งหลังเมื่อปี 2554 กล่าวว่า ยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อช่วงปี 2554 และมีข่าวว่าวิถีกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาจะยิงมาตกที่เดิม คือบ้านของตนและญาติพี่น้อง ทำให้มีความหวาดกลัวมาก ซึ่งขณะนี้ได้มีชาวบ้านบางส่วนพากันอพยพครอบครัวเข้าไปพักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในเขตตัว อ.กันทรลักษ์เพื่อให้ห่างไกลพ้นรัศมีกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา โดยอพยพไปแล้วหลายครอบครัวเนื่องจากเกรงหากอพยพในช่วงวันที่ 11 พ.ย.อาจเกิดความโกลาหล จึงได้อพยพหนีภัยสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ไปแต่เนิ่นๆ นอกจากนี้ ชาวบ้านบางส่วนยังได้อพยพคนชราออกจากบ้านภูมิซรอลไปอยู่ในที่ปลอดภัยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงเวลา 15.00 น.ของวันเดียวกันนี้ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศและผู้แทนกรมกิจการทหารได้เดินทางไปพบกับประชาชนในพื้นที่ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อชี้แจงแนวทางของรัฐบาลในการเตรียมความพร้อมรับมือคำตัดสินคดีกรณีปราสาทพระวิหาร ของศาลโลกให้ประชาชนได้รับทราบสถานการณ์ที่ถูกต้อง